เพราะถูกรบกวนการนอนหลับและยังถูกขโมยจูบอีก ทำเอาเช้านี้ใบหน้าหญิงสาวไม่สดชื่นนัก แม้กระทั่งต้าเหนิงยังดูออก แต่เด็กน้อยไม่รู้ว่าเมื่อคืนคุณพ่อทำอะไรไว้
“คุณปู่ทวดเป็นยังไงบ้างฮะ” ต้าเหนิงตามเรื่องปู่ทวดที่นอนอยู่โรงพยาบาล “ต้าเหนิงจะไปเยี่ยมคุณทวด”
“ไม่ต้องไปหรอกครับ ประเดี๋ยวคุณปู่ก็กลับบ้านแล้ว อีกอย่างที่โรงพยาบาลเชื้อโรคเยอะ ต้าเหนิงรอที่บ้านดีกว่า”
เด็กน้อยทำหน้ามุยลอบมองทางหญิงสาวขอความช่วยเหลือ แต่เธอก็เห็นด้วยกับหลิวโม่โฉว จึงปลอบใจต้าเหนิงและให้เขารอที่บ้าน
“อาจารย์มาแล้ว ต้าเหนิงไปเรียนหนังสือเถอะ”
“ฮะ”
หัวหน้าแม่บ้านเจียงหูเข้ามารับคุณชายน้อยไปเรียนหนังสืออีกห้องหนึ่ง หลิวโม่โฉวกินอาหารเช้าง่ายๆ พลางอ่านรายงานบนแท็บเล็ตไปด้วย หญิงสาวกินข้าวเช้าได้ไม่มากนักแต่เห็นว่าเขากินเสร็จแล้วและยังไม่มีท่าทีจะรีบร้อนไปไหนจึงพูดขึ้น
“วันนี้เราคุยกันเรื่องแต่งงานเถอะค่ะ”
“มีอะไรต้องคุย” เขาถามทั้งที่ยังก้มหน้าอ่านข้อความบนหน้าจอ
“ระ..เรื่องแผนธุรกิจของฉัน”
ได้ยินเธอไม่หยุดคิดเรื่องนี้อีก เขาจึงเงยหน้าขึ้น แววตาคมปลาบจ้องมองเค้นหาบางอย่างแต่เมื่อเธอไม่หลบสายตา มุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“เอาสิ ไหนๆ คุณก็ทำมาแล้วนี่ วันนี้ผมมีเวลานิดหน่อย เรามาดูกันว่าคุณเอาของเล่นอะไรมาเสนอ”
เจ้าของร่างสูงโปรงลุกขึ้นยืน เขาหยิบแท็บเล็ตติดมือแล้วเดินนำออกไปจากห้องรับประทานอาหาร พรนับพันได้สติก็รีบสาวเท้าเดินตามไปทันที
“ผมจะรอที่ห้อง คุณไปเอาเอกสารนำเสนอมาหาผม”
พรนับพันอยากจะถามว่าทำไมต้องไปห้องของเขา แต่คนที่อยากถามเดินลิ่วๆ นำหน้าไปไกลแล้วเธอจึงต้องรีบเดินไปที่ห้องตัวเองหยิบเอกสารที่เตรียมมาจากกรุงเทพฯ แล้วรีบสาวเท้าเดินไปหาเขาซึ่งอยู่ไม่ไกลเธอนัก มือเรียวเคาะประตูสองสามครั้งก่อนผลักเข้าไป ห้องของเขากว้างและแบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจน ดูแล้วก็ไม่แปลกใจถ้าเขาทำงานในห้องนี้ด้วย
โต๊ะทำงานไม้เนื้อแข็งเรียบหรู เจ้าของห้องนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้หนังทรงสูงด้วยท่าทีสบายๆ แต่สายตากดดันทำให้พรนับพันประหม่า เพียงแค่เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากก็ทำให้เธอหน้าแดงเพราะคิดถึงที่เขาบดจูบเธอจนแทบขาดใจ
แบบนั้นเรียกจูบได้ยังไงกัน แค่ปากประกบปากแค่นั้นเอง
ไม่ได้สิ ตั้งสติหน่อย คิดเสียว่าแค่พรีเซนต์หัวข้องานหน้าชั้นเรียนก็ได้
“นี่ค่ะ” พรนับพันยื่นแฟ้มเอกสารที่เตรียมมาให้เขา แล้วเปิดโน้ตบุ๊คที่หิ้วมาเปิดพรีเซนต์ที่เร่งรีบทำเพื่อนำมาเสนอเขา แค่ได้คิดถึงความฝันของปู่ ความฝันของพ่อ โรงงานที่เดินสายพานการผลิตเต็มที่ ชาวบ้านที่ปลูกสมุนไพร ใบหน้าที่มีความสุข ทุกคนได้รับค่าตอบแทน ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปทำงานไกลครอบครัว
หลิวโม่โฉวเห็นแววตามุ่งมั่นของอีกฝ่ายแล้วก็ยิ้มมุมปาก ท่าทางเหมือนนักศึกษาเพิ่งจบใหม่ไม่เหมือนหมอเลยสักนิด เขายังจำตอนที่เดินเข้าไปนั่งให้เธอตรวจได้ดี มีความอ่อนโยนและจริงใจที่เขาสัมผัสได้ ในวินาทีนั้น เขาก็ได้ตัดสินใจยอมรับเธอเป็นภรรยาตามที่ปู่เสนอแล้ว
“คุณหลิวคิดยังไงคะ” เธอถามหลังพรีเซนต์เสร็จ
“คุณจะต้องเสียเวลาทำเอกสารนำเสนอพวกนี้ทำไม ก็แค่รับเงือนไขแต่งงานกับผมตามที่คุณปู่เสนอ”
พูดไปตั้งเยอะ วนมาเรื่องนี้อีกแล้ว
เธอเบ้ปากแล้วสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนพูดไปตามที่ใจคิด
“คุณคิดว่าการแต่งงานคืออะไรคะ เราไม่ได้รู้จักกัน ไม่ได้รักกัน หรือคุณเชื่อที่คุณปู่บอกว่าดวงฉันส่งเสริมครอบครัวของคุณจริงๆเหรอ”
“คุณพูดแบบนี้แสดงว่าไม่เชื่อ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม แต่แววตาขบขัน
“ฉันเป็นแพทย์แผนไทยประยุกต์ แต่ไม่ได้เชื่อเรื่องดวงชะตาอะไรพวกนั้น” เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ “และใช่...ฉันต้องการเงิน ดูแล้วคุณต่างหากที่เป็นฝ่ายส่งเสริมฉัน”
เขาปิดแฟ้มเอกสาร “สกุลหลิวคือหนึ่งในสิบสกุลที่ทรงอิทธิพล เงินที่คุณต้องการมันแค่ปลายเล็บของผมด้วยซ้ำ มันแทบไม่มีความหมายอะไรด้วยซ้ำ แต่เพราะคุณปู่ผมเป็นโรคหัวใจและไม่ยอมผ่าตัด รักษาด้วยการกินยาและแพทย์แผนจีนมาตลอด แต่ครั้งนี้ท่านต้องผ่าตัดแล้วจริงๆ และท่านก็เชื่อฝังใจเรื่องคำมั่นสัญญาที่มีต่อครอบครัวของคุณ ท่านกลัวว่า...ท่านจะไม่ฟื้นขึ้นมา...”
น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความหม่นล้าไว้เต็มเปี่ยม เธออดคิดถึงปู่หลิวไม่ได้ ครอบครัวนี้ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ มีทรัพย์สินมากมายนับไม่ถ้วน แต่กลับประสบการสูญเสียคนในครอบครัวครั้งแล้วครั้งเล่า หากมีหนทางที่จุดความให้คนในตระกูลที่เหลืออยู่ได้พบความสุข ก็คง...ยอมทำทุกวิถีทาง
“ผมเคยแต่งงานแล้ว ผมไม่ถือถ้าจะแต่งงานอีกรอบ แต่คุณไม่เคยแต่งคงคิดมากสินะ”
เธอกระตุกยิ้มมุมปาก เรื่องแบบนี้ใครเขามาอวดแข่งกันเหรอ?
“เอาล่ะ ผมรู้ว่าคุณไม่สบายใจเพราะเป็นการแต่งงานครั้งแรก และยังเป็นแต่งงานเพราะเงินอีกด้วย”
‘โอ้ย ตาบ้า! นายหัวค้อน! นายจะตอกย้ำกันไปถึงไหนเนี้ย!’
มุมปากเธอกระตุกยิ้มไม่เป็นธรรมชาตินัก แต่ทำให้เขาแอบยิ้มขบขัน นั้นสิ เขาไม่ได้รู้สึก ‘สนุก’ แบบนี้มานานแค่ไหนนะ
“คิดแบบนี้สิ คุณช่วยผม ผมช่วยคุณ แผนงานคุณไม่เลว ผมยินดีให้เงินทุนสนับสนุนและยังจะช่วยเรื่องการการส่งออกผลิตภัณฑ์ของคุณ แล้วคุณก็ช่วยผมโดยการแต่งงานกับผมให้คุณปู่สบายใจรับการผ่าตัดอย่างราบรื่น เราได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย”
“แต่...แต่งงานคือการอยู่ด้วยกันไปชั่วชีวิตนะคะ”
“เด็กน้อย” ชายหนุ่มหัวเราะแล้วยื่นมือไปดึงข้อมือเธอ ออกแรงกระตุกเบาๆ ร่างเล็กก็เสียหลักล้มลงนั่งบนตักของเขา
“แต่งได้ก็หย่าได้ งั้นเรากำหนดระยะเวลาก็แล้ว สักหนึ่งปี คุณแต่งงานเป็นสะใภ้สกุลหลิว ทำตัวเป็นนายหญิงให้คนอื่นเคารพ ห้ามทำเรื่องเสื่อมเสีย โดยเฉพาะเรื่องชู้สาว”
“ฉันไม่มีเรื่องนั้นแน่นอน” ร่างบอบบางพยายามดิ้นรนออกจากตักแต่ท่อนแขนแข็งแกร่งโอบรัดรอบเอวเธอไว้แน่นหนา แม้เธอจะขึงตาใส่ไม่ยอมแพ้ แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยเช่นกัน ราวกับจะกำราบม้าพยศอย่างเธอ
“ได้! สัญญาหนึ่งปี ฉันจะแต่งงานกับคุณหนึ่งปี”
“ดี ผมชอบผู้หญิงเชื่อฟัง” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาคมหรี่มองริมฝีปากที่เคยลิ้มรส
“เอ่อ...เรา...เราแต่งงานกันเงียบๆ แค่จดทะเบียนสมรสก็พอ คุณจะได้ไม่เสียชื่อเสียงเพราะฉัน”
หลิวโม่โฉวเดาได้ว่าหญิงสาวคิดอะไรอยู่ แต่ก็รับปากส่งๆ ไป
“ได้”
พรนับพันผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ฝ่ามือใหญ่ลูบต้นขาของเธอแม้เพียงแผ่วเบาแต่ทำให้เธอร้อนวูบขึ้นมา มือเล็กตีหลังมือของเขาทันทีก่อนที่สติจะเตลิดเหมือนกับที่เขาขโมยจูบเธอไปครั้งก่อน
“เราแต่งงานกันในนามนะคะ”
“ผมไม่ถือถ้าเราจะมีความสัมพันธ์ทางกายกันจริงๆ” เขายิ้มที่ทำให้ใบหน้าหล่อเหล่าดูเข้มเหมือนปีศาจที่กำลังล่อลวงลูกแกะตัวน้อย “หรือถ้าคุณจะชอบผมจริงๆ ผมก็ไม่ขัดข้อง”
“หลงตัวเอง” เมื่อตีมือไม่สำเร็จเธอก็ผลักอกเขาแรงๆ แต่กลับถูกกอดรัดแน่นขึ้น ลมหายใจอุ่นร้อนประชิดใบหน้า เธอพยายามขืนตัวออกห่างแต่ไม่เป็นผล นาทีที่เห็นริมฝีปากเขายื่นมาใกล้เธอทำได้แค่เบือนหน้าหลบทำให้ริมฝีปากหยักสวยกดจูบแก้มนุ่ม
“เอาล่ะ ถือว่าเราบรรลุเป้าหมายในการเจรจาแล้ว ถ้าคุณไม่มีธุระที่ไหน เราไปโรงพยาบาลด้วยกัน คุณปู่คงรอข่าวดีอยู่”
เสียงทุ่มต่ำดังอยู่ข้างหู พรนับพันพยายามสงบใจ ไม่เข้าใจว่าเขาจะแกล้งเธอเพื่ออะไร ในเมื่อเขาก็ไม่ได้ชอบเธอ แถมยังเข้าใจผิดว่าเธอเป็นพวกชอบเที่ยวกลางคืนด้วย
“ได้ยินว่าคุณเอากระเป๋าเดินทางมาใบเดียว ประเดี๋ยวไปหาคุณปู่แล้ว ก็ไปซื้อของใช้ของคุณเถิด ส่วนเรื่องโรงงานของคุณ ผมจะให้เลขาจิงถิงจัดการต่อเอง”
“ค่ะ” เธอรับปาก อย่างน้อยก็จะได้ออกจากสถานการณ์ที่ชวนใจสั่นอย่างนี้
วงแขนที่โอบรัดรอบเอวคลายออก หญิงสาวรีบลุกขึ้นยืนทันที เธอจ้องหน้าเขาที่ยังสีหน้าเรียบนิ่งไม่เปลี่ยน ผิดกับเธอที่ตอนนี้หน้าแดงเรื่อเหมือนคนจับไข้
“สัญญาหนึ่งปี แค่หนึ่งปีเท่านั้น”
“หนึ่งปี”
ดวงตาคมมองร่างอรชรหมุนตัวเดินออกไปจนได้ยินเสียงปิดประตูห้อง กลิ่นหอมและสัมผัสนุ่มนวลยังคงติดอยู่จนเขาอดยกฝ่ามือขึ้นดูไม่ได้
หนึ่งปี...ภรรยาในนาม ...เขาจะทำให้เธอเป็นภรรยาของหลิวโม่โฉวทั้งตัวและหัวใจ