หลิวโม่โฉวกลับมาถึงคฤหาสน์สกุลหลิวเลยเที่ยงคืนไปแล้ว เขาโบกมือไล่ไม่ให้คนรับใช้เข้ามาปรนนิบัติ เพียงแค่เอ่ยถามกับหัวหน้าแม่บ้านเจียงหู
“ต้าเหนิงล่ะ”
“เข้านอนตั้งแต่สองทุ่มแล้วค่ะ” หัวหน้าแม่บ้านรายงาน “คุณชายใหญ่จะรับประทานอาหารรอบดึกไหมคะ ดิฉันจะให้คนจัดเตรียมให้”
“ไม่เป็นไร ผมอยากพักผ่อนแล้ว”
“นายท่านเป็นอย่างไรบ้างคะ”
“เป็นคนแก่หัวรั้น” เขาเค้นเสียงตอบ แค่นึกถึงปู่ก็หงุดหงิดจะแย่แล้ว “ผมให้เลขาจิงถิงอยู่เฝ้าคุณปู่”
“เช่นนั้นคงไม่เป็นอะไรมาก”
“แม่บ้านเจียงไปพักผ่อนเถอะ”
แม่บ้านเจียงอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบ้างอย่างก็เปลี่ยนใจ เธอหมุนตัวเดินออกไปอย่างเงียบๆ
หลิวโม่โฉวคือประมุขสกุลหลิวรุ่นปัจจุบันแบกภาระหนักอึ้งบนสองบ่า แม้เขาจะปะทะคารมไม่ลงรอยกับปู่หลิว แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อาจละเลยอาการเจ็บป่วยของคุณปู่
เขารู้ว่าปู่หลิวลิ้นหัวใจรั่ว ปู่รักษาด้วยการกินยาไม่ยอมผ่าตัด บ่ายเบี่ยงมาตลอดจนตอนนี้อายุมากแล้ว การผ่าตัดย่อมเสี่ยงเกินไป แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้
‘หากคนไข้ดูแลสุขภาพดีก็สามารถผ่าตัดได้ ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับคนไข้’
นั้นเป็นประโยคที่คุณหมอพูดกับเขาและไม่ใช่ครั้งแรกที่พูดเรื่องนี้ แต่เมื่อเขาพูดเรื่องนี้กับปู่ คนแก่หัวรั้นคนนั้นกลับเบ้ปากใส่ราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง
‘กินยาก็อยู่ได้ ไม่ต้องผ่าหรอก’
‘ถ้าผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ปู่จะอยู่ได้นานขึ้นนะ’
‘แล้วฉันจะอายุยืนไปเพื่ออะไร’
‘ก็อยู่เป็นเพื่อนต้าเหนิงไม่ได้หรือไง’
‘แล้วแกไม่สงสารต้าเหนิงรึไง ถ้าไม่หาแม่ใหม่ให้ต้าเหนิงก็หาน้องชายหรือน้องสาวอีกสักคนสิ’
‘ปู่พูดเหมือนไปเลือกซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ต’
‘ปู่เลือกมาให้แล้วไง’
‘ผมก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องแต่งงาน แต่...ผู้หญิงคนนั้นเต็มใจหรือเปล่า’
‘ต้องเต็มใจอยู่แล้ว ปู่เห็นนะว่าหนูปันปันเข้ากับต้าเหนิงได้ดี’
เขาทำเสียง ฮึ ในลำคอ เขารู้ว่าครอบครัวเธอกำลังเดือดร้อนเรื่องเงินและปู่ยื่นข้อเสนอการแต่งงานนี้เพื่อแลกกับเงินหลายล้าน เธออาจจะมีคนรักอยู่แล้วก็ได้ แต่เรื่องนั้นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเขา แค่การแต่งงานตามหน้าที่ให้ทุกอย่างมันจบๆ ไป แลกกับความสบายใจของปู่และความเชื่อที่ไร้สาระว่าดวงชะตาของผู้หญิงคนนั้นจะช่วยครอบครัวเขาได้
ใครช่วยใครกันแน่ เขาได้แต่หัวเราะเยาะในลำคอ
ปู่คงเหม็นหน้าเขาเต็มทีจึงไล่เขากลับบ้าน แม้จะจ้างพยาบาลพิเศษดูแลและอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนแต่เขาก็ให้เลขาอยู่เฝ้าปู่
ชายหนุ่มถอนหายใจเบื่อหน่าย งานของเขาก็หนักหนามากพอแล้วยังต้องมาเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก ขณะที่กำลังจะเดินไปห้องนอนของตนเอง เขาก็เปลี่ยนใจเดินไปห้องนอนของต้าเหนิง ความรู้สึกผิดเดียวของเขาก็คือไม่ค่อยได้เลี้ยงดูลูกชายคนนี้ด้วยตนเอง เขาเปิดประตูเข้าไปอย่างเงียบเฉียบในห้องที่เปิดไฟหัวเตียงอยู่ ทว่าเขาต้องเพ่งตามอง ต้าเหนิงเป็นเด็กที่มีความคิดเกินวัย เรียกว่าเป็นผู้ใหญ่เร็วกว่าเด็กวัยเดียวกัน เขานอนคนเดียวก็ไม่แปลกอะไร แต่...บนเตียงของลูกชายมีร่างของหญิงสาวคนนั้นหลับใหลซ้ำยังมีหนังสือนิทานอยู่ในมือ
ต้าเหนิงไม่ชอบนิทาน? เขาซื้อหนังสือนิทานมาไม่รู้กี่เล่มแต่ลูกชายไม่ชอบอ่านหนังสือนิทาน ลูกชายอัจริยะของเขาชอบอ่านหนังสือสารคดีหรือไม่ก็ตำราแพทย์ ที่ไม่ได้เข้าเรียนในโรงเรียนแบบเด็กทั่วไปเพราะเขาเรียนรู้เร็วจนต้องเชิญอาจารย์มาสอนที่บ้าน
ใบหน้ายามหลับดูไร้เดียงสา เครื่องหน้าไร้เครื่องสำอางแต่ชวนมองอย่างมีเสน่ห์ เขาไม่เคยคิดว่าจะมีวันได้เห็นว่าต้าเหนิงยอมให้คนอื่นขึ้นมานอนบนเตียงเดียวกันแบบนี้ นิ้วมือเรียวยาวยื่นไปเกลี่ยเส้นผมที่เคลียแก้มนวลของหญิงสาวเบาๆ แต่เธอกลับรู้สึกตัวลืมตาขึ้น
พรนับพันไม่รู้ตัวว่าเผลอหลับไปเมื่อไหร่ เธอชวนต้าเหนิงอ่านหนังสือนิทานด้วย เด็กชายไม่ชอบนิทาน แต่เธอก็ยังหยิบหนังสือนิทานออกมาอ่านออกเสียง ไม่รู้เพราะน้ำเสียงของเธอหรืออย่างไรที่ดึงความสนใจของต้าเหนิง เด็กชายนอนกอดผ้าห่มแล้วฟังนิทาน ไม่รู้ว่าใครหลับก่อนกัน
“คะ...คุณ...”
“ชู่ว์” เขายกนิ้วชี้แตะริมฝีปากเธอไว้ก่อน “ต้าเหนิงหลับอยู่”
หญิงสาวพยักหน้ารับ นิ้วมือของเขาอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปากสวยครู่หนึ่งก่อนเป็นฝ่ายขยับตัวถอยออกมา พรนับพันจึงหันไปมองเด็กน้อยวัยห้าขวบ เธอจัดผ้าห่มให้เขาแล้วจึงค่อยๆ ลงจากเตียงอย่างแผ่วเบา หลิวโม่โฉวชี้นิ้วไปทางประตู เธอทำหน้ามุ้ยเพราะคิดว่าเขาไล่แต่ก็ยอมเดินออกไปเงียบๆ เธอยังง่วงอยู่และไม่คิดว่าจะคุยกับว่าที่สามีได้ในเวลานี้ จึงคิดจะเดินกลับห้องนอนของตัวเอง แต่เดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว ข้อมือของเธอก็ถูกคว้าไว้ก่อน
“คะ?”
“อยากเจอผมไม่ใช่เหรอ”
พรนับพันมองข้อมือตัวเองแล้วมองหน้าชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ดึงเธอไว้
“ใช่ค่ะ แต่ตอนนี้ฉันง่วงมากคงคุยกับคุณไม่รู้เรื่อง เอาอย่างนี้ได้ไหม ตอนเช้าคุณอย่าเพิ่งหนีฉันไปไหนนะ ฉันมีเรื่องต้องเจรจากับคุณ”
ถ้าเป็นเวลาทำงาน เธอเต็มที่ถึงไหนถึงกัน แต่ถ้าเธอได้หลับและถูกรบกวนก่อนถึงเวลาตื่น เธอจะหงุดหงิดและคุยกับใครไม่รู้เรื่อง แม้ว่าเรื่องที่ต้องคุยนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก
ท่าทางงัวเงียของเธอทำให้เขานึกอยากหัวเราะ และอยากแกล้งเธอไปพร้อมกัน
“คุณมีอะไรจะเจรจากับผม” เขายังไม่ปล่อยข้อมือเรียวเล็ก และเหมือนเธอจะไม่รู้ว่าเขาแตะเนื้อต้องตัวเธออยู่
“แผนงานธุรกิจ” เธอตอบแล้วอ้าปากหาว
“แผนงานอะไร?” คิ้วเรียวเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม
“ฉันทำแผนงานมาเสนอคุณ เตรียมตัวพรีเซนต์อย่างดี แต่คุณก็หลบหน้าไม่มาเจอฉันเสียที ถ้าคุณมาเป็นผู้ร่วมลงทุนกับบริษัทพ่อของฉัน เราไม่ต้องแต่งงานกันก็ได้ แบบนี้ไง”
กิจการกระจิ๋วหลิวของครอบครัวเธอไม่ได้อยู่สายตาของเขาเลยสักนิด แต่เขาก็อยากรู้ว่าเธอมีข้อเสนออะไรให้เขา
“งั้นก็ไปคุยกันที่ห้องผม”
“ตอนนี้นะเหรอ” เธอล้วงมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นดูเวลา “ตีหนึ่งแล้ว ฉันคุยอะไรกับคุณตอนนี้ไม่รู้เรื่องหรอก”
“แค่ตีหนึ่ง ปกติคุณน่าจะเต้นรำในผับนะ”
“หา? อะไรนะ” เธอคิดว่าตัวเองฟังไม่ชัด “ในผับเหรอ?”
“อย่ามาทำหน้าซื่อตาใส่ใส่ผมเลย คุณเต้นรำในผับ และยังเอาเค้กไปให้นักดนตรีอีก หรือว่าทำเรื่องแบบนี้บ่อยจนจำไม่ได้แล้ว”
“ถือเค้กให้นักดนตรี?...อ้อ...นั้นมันงานวันเกิดเพื่อนฉัน เอ๊ะ! ทำไมคุณรู้ คุณสืบเรื่องของฉันสินะ!”
“ผมก็ต้องสืบประวัติคนที่ปู่เลือกมาเป็นภรรยาผมสิ”
“ฉันก็ไม่ได้อยากเป็นภรรยาคุณนี่...ฉันถึงได้ทำแผนธุรกิจมากคุยกับคุณ”
“คุณก็แค่อยากได้เงินของผม”
ได้ยินเขาพูดตรงเสียขนาดนั้น เธอก็ได้แต่กัดริมฝีปากอย่างเจ็บใจ
“ใช่ค่ะ” เธอเชิดหน้าขึ้น
“เป็นคนตรงไปตรงมาดี” เขายิ้มเยาะแล้วเลื่อนมือจากข้อมือขึ้นมาลูบไล้เธอเบาๆ แต่ทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวแล้วพยายามขยับถอยห่าง
“ก็แค่อยากได้เงิน เธอก็พูดมาแค่นี้ไม่ต้องทำแผนธุรกิจอะไรมาให้ฉันดูก็ได้ เสียเวลาเปล่าๆ”
“คุณไม่ได้อยากแต่งงานกับฉัน เราไม่ได้รักกัน เพราะฉะนั้นคุณช่วยพิจารณาแผนงานที่ฉันทำมานำเสนอคุณได้ไหมคะ”
“ใครบอกว่าผมไม่อยากแต่งงานกับคุณ”
“คะ?” เธอเอียงคออย่างงุนงง “ฉันมาถึงบ้านคุณตั้งหลายวัน คุณไม่อยากเจอหน้าฉัน แบบนี้เรียกว่าคุณอยากแต่งงานกับฉันหรือคะ?”
“แล้วคุณอยากแต่งงานกับผมหรือเปล่าล่ะ”
“ก็ต้องไม่อยู่แล้ว”
เพราะเธอตอบรวดเร็วจนทำให้เขาหงุดหงิด ผู้ชายอย่างหลิวโม่โฉวมีผู้หญิงอยากแต่งงานด้วยครึ่งค่อนประเทศ แต่เธอกลับตอบมาอย่างหน้าตายว่าไม่อยากแต่งงานกับเขา
“ดี...ถ้างั้นเราแต่งงานกันให้เร็วที่สุด!”
“คุณ!”
มือแกร่งจับไหล่สองข้างเธอไว้มั่นแล้วโน้มหน้าลงประกบริมฝีปากอย่างรวดเร็ว พรนับพันไม่ทันตั้งตัว ร่างกายเธอแข็งทื่อราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหิน
“อย่าเสียงดัง เดี๋ยวต้าเหนิงตื่น” เขากระซิบชิดริมฝีปากสวย “ข้อตกลงเดียวของเราคือการแต่งงานและแต่งงานเท่านั้นที่จะทำให้คุณได้เงินไปช่วยครอบครัวของคุณ”