ตอนที่ 2

1210 คำ
เด็กชายไรอันตัวเล็กๆ ที่เคยเห็น บัดนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปมากราวกับเป็นคนละคน ผิดหูผิดตาไปจากความทรงจำที่เคยมีต่อเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เคยได้เห็นเมื่อ 5 ปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง “สวัสดีครับคุณทนาย” ไรอันกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ สุขุม หนักแน่น  สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทรุดร่างกายกำยำใหญ่และความสูงเกือบสองเมตรลงนั่งยังเก้าอี้บุกำมะหยี่สีน้ำตาลตัวใหญ่ กังวานเสียงของไรอันนั้นมีความละม้ายคล้ายคลึงกับคุณคีรีผู้เป็นบิดาอยู่ไม่น้อย  “ขอโทษนะครับที่ทำให้ต้องรอนาน” ไรอันกล่าว แววตาคมนิ่งอยู่ในท่วงท่าสุขุมนุ่มลึก “ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณไรอันพร้อมแล้ว ผมขอเริ่มธุระเลยนะครับ” ทนายประภาษเหลือบมาสบตาไรอันที่พยักหน้าและยิ้มน้อยๆ บ่งบอกว่าพร้อมฟังเรื่องราวสำคัญที่ทำให้ต้องมาพบ ทนายประภาษหยิบเอกสารในซองสีน้ำตาลพิมพ์ทองเป็นลวดลายเล็กๆ ที่กรอบ ซึ่งผูกผนึกเอาไว้ด้วยเชือกสีขาว ที่ปมเชือกแนบอยู่กับซองมีหยดครั่งสีน้ำตาลแดงประทับตราประจำตระกูลเอาไว้ ทนายประภาษเริ่มอ่านพินัยกรรมในทันที สีหน้าของไรอันไม่ได้แสดงความกังวลถึงเนื้อหาในพินัยกรรมที่ทนายประภาษได้อ่านด้วยน้ำเสียงอันฉะฉานออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะในฐานะทายาทคนเดียวซึ่งจะต้องรับมรดกของตระกูลเอาไว้แต่เพียงผู้เดียวอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะเป็นเงินสดในธนาคารหลายพันล้าน เครื่องเพชรและทองคำที่อยู่ในตู้เซฟของธนาคาร ทั้งกิจการโรงแรม รีสอร์ท  ฟาร์มโคนมที่วังน้ำเขียว  ไร่ชาที่เชียงราย สวนส้มที่เชียงใหม่ และที่ดินอีกหลายพันไร่ที่คุณคีรีได้ซื้อสะสมเอาไว้ให้ลูกชายเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ที่ดินซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในหลายพื้นที่ของประเทศจนไรอันเองก็แทบจดจำได้ไม่หมด   และจริงอย่างที่ไรอันคาด ภายหลังจากนั่งฟังทนายประภาษอ่านจนจบ เพราะเนื้อหาในพินัยกรรมไม่ได้มีสิ่งใดผิดแผกไปจากความคาดหมาย หากไม่รวม ‘ข้อสุดท้าย’ ซึ่งเป็นข้อสุดท้ายที่ถึงกับทำให้หัวคิ้วของไรอันขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย กับข้อความตอนท้ายที่บ่งบอกเอาไว้ว่า ‘ให้ไรอันรับเด็กสาวคนหนึ่งมาอุปการะ’ ขณะนี้ เด็กสาวผู้นี้อาศัยอยู่กับยายที่ฟาร์มร้าง เป็นฟาร์มซึ่งคุณคีรีได้รับซื้อต่อมาจากเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่กำลังป่วยหนัก และกำลังประสบกับปัญหาล้มละลายถึงขั้นไม่มีที่จะให้อยู่อาศัย คุณคีรีรับซื้อฟาร์มจากเพื่อนสนิทคนนี้ไว้เพราะเหตุผลทางด้านมนุษยธรรมมากกว่าจะเล็งเห็นผลกำไรหรือมูลค่าใดๆ จากผืนดินที่แห้งแล้งทุรกันดารจนแทบจะปลูกพืชพันธุ์ใดๆ ไม่ได้ “ในพินัยกรรมระบุเอาไว้เพียงเท่านั้นหรือครับ?” ไรอันถาม ดวงตายาวรีได้รูปหรี่ลงเล็กน้อยด้วยความอยากรู้ถึงเหตุผลและที่มาที่ไป “ยังมีต่ออีกนิดครับ” คุณทนายเอ่ย “ พินัยกรรมยังระบุอีกว่าภายหลังจากคุณไรอันรับเด็กสาวคนนี้มาเลี้ยงดู และให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจแก่คุณไรอัน…ในฐานะผู้ปกครองของเธอทุกประการ ไปจนกว่าเด็กสาวคนนี้จะเติบโตจนบรรลุนิติภาวะเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ เมื่อนั้นก็ถือเป็นอันสิ้นสุดภาระรับผิดชอบของคุณไรอัน ในฐานะผู้ปกครองของเธอตามที่พินัยกรรมได้ระบุ” นั่นคือข้อความในตอนท้ายของพินัยกรรมที่ระบุเอาไว้  ด้วยฐานะอันมั่งคั่งของไรอัน ทำให้เขาไม่ได้หนักใจกับเรื่องที่จะรับเด็กสาวคนหนึ่งมาอุปการะมาก ไปกว่าความฉงนใจ ‘ถึงที่มาที่ไปของเด็กสาวคนนี้?’  และมันทำให้ไรอันต้องหันไปมองหน้านมช้อยอย่างต้องการคำตอบ ก่อนจะหันกลับมาประสานสายตากับทนายประภาษด้วยแววตาคาดคั้นถึงคำตอบเช่นกัน เพราะไรอันไม่ใช่ผู้ชายที่จะปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในความสงสัยได้นาน “แค่เลี้ยงดู ให้การศึกษา และเป็นผู้ปกครองไปจนกว่าเธอจะบรรลุนิติภาวะ…แค่นั้นเองหรือ?” ไรอันถามถึงข้อสงสัยที่ยังค้างคาอยู่ในใจ “ครับ... ภายหลังจากนั้นก็เป็นสิทธิ์ของเธอที่จะตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตของเธอเอง” ทนายตอบ           “ผมยอมรับเงื่อนไขในพินัยกรรมทุกอย่าง ไม่มีปัญหาเรื่องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่เด็กสาวคนนี้” ไรอันกล่าว ก่อนจะเสร็จสิ้นการอ่านพินัยกรรมที่ใช้เวลาเกือบชั่วโมง “ขอบคุณคุณประภาษที่มาทำหน้าที่สำคัญนี้แทนคุณพ่อ” ไรอันกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เป็นหน้าที่ของผมครับ” ทนายประภาษยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก “หากวิญญาณของคุณพ่อรับรู้ ท่านก็คงหมดห่วง” ไรอันรำพึง “วันนี้…คงเป็นวันที่ท่านมองลงมาจากสรวงสวรรค์อย่างเป็นสุข” ทนายประภาษเสริมขึ้นเบาๆ “อืม...ถ้าคุณประภาษว่าง เย็นนี้ผมอยากจะเชิญคุณประภาษมาทานข้าวเย็นกับผมสักมื้อ เพื่อตอบแทนที่คุณประภาษเป็นธุระจัดการเรื่องพินัยกรรมให้เป็นไปตามเจตจำนงของคุณพ่อ” ไรอันกล่าวเชื้อเชิญด้วยน้ำใสใจจริง “เป็นเกียรติกับผมมากกว่าครับ…คุณไรอัน”  “แล้วเจอกันตอนค่ำนะครับ” ไรอันระบายยิ้มบางๆ ก่อนที่ทนายประภาษจะขอตัวกลับ  ทนายประภาษเป็นคนที่คุณคีรีผู้เป็นพ่อของไรอันไว้เนื้อเชื่อใจตลอดมา นอกจากจะให้ตำแหน่งที่ปรึกษาในเชิงกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ อีกสถานะหนึ่ง คุณประภาษก็เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่คุณคีรีให้ความไว้วางใจ คุณประภาษคือเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษาซึ่งมากกว่าในเรื่องกฎหมาย ตราบจนถึงวาระสุดท้ายของคุณคีรี ครู่เดียวทนายประจำตระกูลก็ลากลับ นมช้อยเดินตามไปส่งถึงหน้าประตูบ้าน ทิ้งร่างสูงใหญ่ของคนเป็นนายที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ ไรอันจ้องมองดูภาพของพ่อกับแม่ที่ประดับไว้ข้างผนังด้วยแววตาที่มีประกายเศร้าเจือเคล้าเอาไว้ด้วยความคิดถึงที่ผุดพรายขึ้นมาอย่างมิอาจหักห้าม ก่อนที่ในห้วงคิดสุดท้ายจะวกวนไปหยุดอยู่กับคำถามที่ว่า  ‘เด็กสาวปริศนาคนนั้นเป็นใคร? หรือมีความลับอะไรเกี่ยวพันกับผู้เป็นบิดา?’ เพราะไรอันเห็นว่าคุณประภาษจะให้ความกระจ่างถึงที่ไปที่มาของเด็กสาวผู้มาพร้อมกับปริศนาคนนี้ให้กับเขาได้ เด็กสาวที่ชื่อของเธอปรากฏอยู่ในพินัยกรรมอย่างไม่มีที่ไปที่มา?   ใกล้ค่ำที่คฤหาสน์ ลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ทอดทอนุ่มนวลในยามใกล้ค่ำ อุ่นอวลไปทั่วบริเวณของคฤหาสน์ น้ำพุที่ลานด้านหน้า ฉีดพุ่งขึ้นเป็นสาย ก่อนจะโค้งตัวร่วงหล่นลงกลางสระน้ำที่รายล้อมไปด้วยกอบัวหลากสีสัน สายน้ำพุที่พวยพุ่งอยู่เป็นประจักษ์ประจำตั้งแต่ไรอันเริ่มจำความได้ ยังคงอยู่คู่คฤหาสน์หลังงามแห่งนี้ ผ่าน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม