วันต่อมา...
“ดูแลตัวเองดีๆ นะเพลง อย่าทำอะไรโก๊ะ ๆ ด้วย...เข้าใจมั้ย?” ฉันยืนมองพี่แบมพูดก่อนจะพยักหน้ารับไปแบบงั้น ๆ วันนี้พี่แบมจับฉันแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ การใส่ส้นสูงเป็นอะไรที่แม่งไม่เข้ากับฉันเลยจริง ๆ นะ
“แล้วคนที่นัดพี่แบมกินข้าว เขา ชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ หน้าตาเป็นแบบไหนอะ... ”
“ไม่รู้อ่ะ พี่ที่รับงานไม่ได้บอกอะไรพี่เลยอะ”
“ ห๊ะ ! พี่รับงานกินข้าวโดยที่ไม่รู้ว่าใครนัดพี่เนี่ยนะ ? รูปก็ไม่มีหรอ.. ” ฉันถามพี่แบมเสียงหลงหลังจากที่ได้ฟังคำตอบจากพี่แบม
“รู้แต่ว่าเขาเป็นนักธุรกิจ...น่าจะหนุ่มอยู่นะ” ฉันมองพี่แบมด้วยความไม่พอใจสุด ๆ ฉันกำลังคิดถูกหรือคิดผิดที่ตกลงรับปากช่วยพี่เขาวะ
“เอาน่า ไปกินเถอะ แค่สองสามชั่วโมงก็กลับแล้ว” พี่แบมพูดก่อนจะลูบแขนฉันเบา ๆ
“รู้แล้ว...”
“อย่าหน้างอดิ...ทำหน้าให้มันสวย ๆ แกอะสวยแต่ชอบทำหน้าอะไรก็ไม่รู้...ปะ...ไปรอรถได้แล้วน่าจะใกล้ถึงแล้วแหละ...” พี่แบมใช้มือทั้งสองข้างบีบเข้าที่แก้มฉันเบา ๆ ก่อนจะดันตัวฉันให้เดินไปรอรถของคนที่จะมารับไปร้านอาหาร ดีนะที่วันนี้พ่อกับน้าพิมพ์ ไม่อยู่ ไม่งั้น ฉันกับพี่แบมโดนซักไม่หยุดแน่
พอมายืนรอไม่นานก็มีรถเบนซ์มาจอดเทียบหน้าบ้านฉัน....ฉันมองรถตรงหน้าก่อนจะอดคิดไม่ได้ว่าแค่รับงานกินข้าว ผู้ชายที่นัดถึงกับต้องส่งคนมารับเลยหรอ...คนขับรีบลงจากรถ ก่อนจะเดินอ้อมมาเปิดประตูให้ฉันขึ้นไปนั่ง
“ดูแลตัวเองด้วย...” พี่แบมพูดก่อนจะลูบหัวฉัน...ฉันยิ้มให้พี่เขา ก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง
แต่ให้ตายเถอะ ทำไมตาขวาฉันมันกระตุกถี่จัง
ร้านอาหาร...
ไม่นานรถก็มาจอดที่หน้าร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งที่ไม่รู้ว่าชาตินี้ฉันจะได้มาเหยียบหรือเปล่า...ฉันก้าวลงจากรถด้วยความประหม่า เกิดมาไม่เคยรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองขนาดนี้มาก่อนเลยจริง ๆ ฉันเดินเข้ามาในตัวร้านอาหารด้วยมือและเท้าที่เย็นเฉียบ ฉันรู้สึกไม่คุ้นชินกับสถานที่หรือการแต่งตัวที่ตัวเองกำลังเจออยู่
ฉันอยากกลับบ้านแล้วอะ T^T พนักงานที่เห็นฉันยังยืนนิ่งอยู่ก็เข้ามาสอบถาม ฉันถึงได้บอกชื่อที่พี่แบมใช้จองโต๊ะไปพนักงานเดินไปเช็คกับระบบจองก่อนจะเดินกลับมาแล้วพาฉันไปนั่งที่โต๊ะ
“ขอบคุณค่ะ " ฉันหันไปขอบคุณพนักงานก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างช้า ๆ ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบ ๆ ในร้านนี้มีแต่คนมี ฐานะเข้ามานั่งทานอาหารกันทั้งนั้น
“เชิญครับคุณผู้ชาย...” และในระหว่างที่ฉันกำลังมองบรรยากาศรอบ ๆ จู่ ๆ ก็มีเสียงพนักงานคนเดิมเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงเก้าอี้เลื่อนออก ฉันค่อย ๆ หันหน้ากลับไปมองลูกค้าที่พี่สาวฉันนัดไว้... แต่พอฉันหันไปเห็นว่าลูกค้าที่นัดพี่ฉันมาเป็นใคร มันกับทำให้หัวใจฉันเต้นผิดจังหวะ พร้อมกับมือที่เริ่มเย็นเฉียบขึ้นมาอีกครั้ง...เคยเป็นไหม...เหมือนเรายืนอยู่ที่สูง ๆ แล้วจู่ ๆ ก็มีคนผลักเราลงไปในเหวแบบไม่ทันได้ตั้งตัวอะ
ฉันกำลังเป็นแบบนั้นเลย...
“พะ พี่ราชันย์...” ฉันเอ่ยชื่อเขาออกมาคล้ายกับคนละเมอ... โลกแม่งใจร้ายกับฉันเสมอ...
“พึ่งรู้ว่านอกจากรับแบล็คเมล์คนอื่นเข้าไปทั่ว เธอยังเป็นพนักงานขายด้วยหรอ...” ฉันขมวดคิ้วมองหน้าพี่ราชันย์อย่างไม่เข้าใจ
“เพลงมาแทนพี่สาวเพลงค่ะ...และก็ช่วยหยุดความคิดที่ไม่ดีเอาไว้บ้างนะคะ” ฉันพูดก่อนจะมองหน้าพี่เขา ฉันไม่รอให้พี่ราชันย์พูดแซะฉันนานนักหรอก
“อ๋อออ...มาทำหน้าที่น้องสาวที่แสนดีงั้นหรอ...” พี่ราชันย์พูดด้วยน้ำเสียงยียวนพร้อมกับมองฉันด้วยสายตาเหยียด ๆ
ฉันนั่งกำมือตัวเองแน่น พยายามสะกดอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่ให้โต้ตอบพี่เขา เพราะฉันรู้สถานะตัวเองตอนนี้ว่าไม่สามารถสู้อะไรกับพี่เขาได้
“เพลงว่าเรารีบทานข้าวกันเถอะค่ะ เพลงรู้ว่าพี่ก็คงไม่อยากเห็นหน้าเพลงนานนักหรอก...”
“มันก็จริงที่ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ...แต่ฉันเป็นนักธุรกิจ...ฉันไม่ค่อยชอบอะไรที่มันเสียเปรียบเอาซะเลย...” พี่ราชันย์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนหน้าตา แต่สายตาพี่เขามันดูร้ายกาจยังไงก็ไม่รู้
“ก็ไม่เสียเปรียบนี่ค่ะ พี่นัดพี่สาวเพลงมาทานข้าว แต่พี่สาวเพลงมาไม่ได้ เพลงก็เลยมาแทน...เพลงรู้ว่าพี่เกลียดเพลง เพลงก็เกลียดพี่ไม่ต่างกัน แต่ในเมื่อมันมาถึงขนาดนี้แล้ว เราทั้งคู่ก็ควรจะจำใจแล้วทานข้าวให้มันเสร็จ ๆ ไปเถอะค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับมองหน้าผู้ชายตรงหน้า...แวบนึงที่ฉันเห็นความไม่พอใจถูกส่งออกมาจากดวงตาคมตรงหน้า แต่ไม่นานมันก็แปรเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่าเหมือนเดิม
“2 แสนบาท...”
“คะ?”
“ฉันจ่ายเงินให้พี่สาวเธอ 2 แสนบาท เธอคิดว่ามันมากไหม” ฉันเบิกตากว้างกับจำนวนเงินในการทานข้าวมื้อนี้...แค่กินข้าวทำไมพี่แบมเรียกเยอะแบบนี้อ่ะ
“เยอะค่ะ แต่พี่ก็เต็มใจจ่ายให้พี่สาวเพลงนี่ค่ะ” ฉันพยายามกลบเกลื่อนความตกใจทั้งหมดเอาไว้ภายในใจ แต่มือเจ้ากรรมมันดันสั่นจนทำให้แก้วน้ำเกือบหลุดมือไง
และทุกการกระทำของฉันมันก็อยู่ในสายของพี่เขาทุกอย่าง
“ใช่ แต่พี่สาวเธอดันทำเหมือนว่าฉันเป็นคนยังไงก็ได้...จู่ ๆ จะส่งใครมาทำหน้าที่แทนก็ได้งั้นหรอ...ไม่ทุเรศไปหน่อยหรอ” พี่ราชันย์พูดพร้อมกับเลิกคิ้วถามฉัน
“พี่ราชันย์มันก็แค่ทานข้าว...จะใครมันก็เหมือนกันแค่มีคนมาแทนมันก็โอเคแล้วไม่ใช่หรอ...”
“งั้นพี่เธอคงลืมบอกเธออีกอย่าง...”
“ลืมบอกอะไรคะ?” พี่แบมลืมบอกอะไรฉันอีกงั้นหรอ
“2 แสนที่ฉันจ่ายไป ไม่ใช่แค่ทานข้าวแล้วเดินออกไป แต่หมายถึงการเป็นผู้หญิงของฉัน 1 อาทิตย์หรือถ้าฉันเบื่อเร็วก็ไม่เกิน 3 วัน”
“!!!!” เหมือนฉันโดนตบหน้าอย่างจัง ทั้งหน้าทั้งมือชาไปหมด
“ที่ทำหน้าแบบนี้คือ ตกใจจริง หรือ สร้างภาพ” พี่ราชันย์ถามฉันด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันก่อนจะกอดอกมองฉัน
วันนี้มันวันซวยของฉันแท้ ๆ เหมือนฉันมาให้พี่เขาดูถูกเล่น ๆ แล้วตบท้ายด้วยคำพูดหมา ๆ จากปากพี่เขา
“พี่แบมไม่ได้บอกเพลงเรื่องนี้...”
“ฮึ! ...เป็นน้องผู้ใสซื่อโดนพี่สาวหลอกมางั้นสิ...”
“เพลงว่ามันน่าจะมีการเข้าใจผิด...เดี๋ยวเพลงเอาเงินจากพี่มาคืนให้แล้วกันค่ะ” ฉันพยายามประคองสติตัวเองก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้น...
“คืนนี้...ฉันให้เวลาแค่ภายในคืนนี้เท่านั้น...และเธอต้องเอาไปคืนที่ห้องฉัน” ฉันค่อย ๆ หันไปมองเจ้าของเสียงทุ้มที่นั่งไขว้ห้างอยู่บนเก้าอี้ ก่อนที่มือหนาจะยื่นนามบัตรของคอนโดอะไรสักอย่างมาให้ฉัน
“เอาไปดิ...” พี่คิงส์พูดก่อนจะพยักพเยิดหน้าไปที่นามบัตรนั่น ฉันกำมือตัวเองแน่นก่อนจะตัดสินใจหยิบนามบัตรมา แล้วรีบตรงกลับไปที่บ้านทันที
บ้าน
พอลงจากแท็กซี่ได้ ฉันก็รีบตรงดิ่งเข้าไปในบ้านทันที พลางมองหาพร้อมทั้งตะโกนเรียกพี่สาวตัวดีของฉัน
“พี่แบม!!! พี่แบม !! ”
“พี่แบมลงมาหาเพลงเดี๋ยวนี้เลย ลงมา!!” ฉันตะโกนเรียกเสียงดังลั่นด้วยความโมโห
“อะไรเพลง แกเป็นอะไร ทำไมมาตะโกนเรียกพี่แบบนี้...แล้วนี่กินข้าวกันเสร็จแล้วหรอ” พี่แบมรีบเดินลงมาจากชั้นสองก่อนจะเดินตรงมาหาฉัน
“นี่มันอะไรกัน! ไหนพี่แบมบอกแค่กินข้าว แต่ทำไมพี่ราชันย์ถึงบอกว่าเพลงต้องไปนอนกับเขาด้วยล่ะ !! ”
“ห๊ะ! คนที่นัดกินข้าวครั้งนี้คือพี่ราชันย์หรอเพลง ?!? ”
“ใช่!!”
“แต่เดี๋ยวนะ พี่ไม่ได้รับงานนอน...พี่ว่ามันต้องมีอะไรที่เข้าใจผิดกันแน่เลยอะ...เดี๋ยวพี่โทรถามพี่ที่รับงานนี้ก่อน” พี่แบมพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรนก่อนจะรีบโทรหาคนที่พี่แบมพูดถึง...พี่แบมยืนคุยอยู่นานสองนานก่อนจะกดวางไปแล้วหันมามองหน้าฉัน
“เพลง พี่ที่รับนัดให้พี่ เขาบอกว่าพี่ราชันย์พึ่งมาเพิ่มข้อตกลงเมื่อวานเย็นพร้อมกับเพิ่มเงิน” พี่แบมพูดพร้อมกับมองหน้าฉันด้วยความลำบากใจ
“พอเหอะ จะอะไรก็ช่าง!! แต่พี่ต้องเอาเงินมา เพลงจะเอาไปคืนเขาหรือไม่พี่ก็ไปทำเอง...” ฉันพูดพร้อมกับรีบค้นตัวพี่แบม
“จะบ้าหรอเพลง”พี่แบมพยายามปัดป้องฉันให้ออกจากตัวพี่เขา
“ไม่บ้า! ถ้างั้นก็เอาเงินคืนมาให้เพลง ! เดี๋ยวนี้เลย” ฉันพูดพร้อมกับมองหน้าพี่แบม
“มันไม่มีแล้ว!”
“ห๊ะ!” ฉันร้องออกมาก่อนจะมองหน้าพี่แบมอึ้ง ๆ
“มันหมดไปแล้วเพลง” พี่แบมพูดพร้อมกับลูบหน้าตัวเองไปมา
“พี่แบม เงิน 2 แสนนะ มันจะหมดได้ไงภายในวันเดียว” ฉันถามอย่างไม่เข้าใจ เงินเป็นแสนมันจะหมดภายในวันเดียวได้ไงกัน
“ก็มันหมดไปแล้วไง พี่เอาไปใช้หนี้พนันให้แม่จนหมดแล้ว” พี่แบมพูดพร้อมกับพยายามจะเดินหนีฉัน
“งั้นพี่แบมก็ไปทำเอง!! ไปทำงานตรงนั้นเอง !” ฉันเดินไปจับแขนพี่แบมไว้ก่อนจะบอกพี่เขาอย่างทนไม่ไหว
“พี่ไปไม่ได้!!”
“ทำไมอะพี่แบม ทำไม!!”
“พี่ท้อง!! พี่ท้องเพลง..” ฉันเข่าอ่อนทันทีหลังจากที่ได้ยินคำตอบของพี่สาวตัวเอง
“พี่แบม” ฉันเรียกชื่อพี่เขาอย่างคนหมดแรง
“และถึงพี่ไม่ท้อง พี่ก็ไม่เคยรับงานที่จะไปนอนกับใคร ให้ตายยังไงก็ไม่เคย...” พี่แบมจับมือฉันพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เพลงเชื่ออะไรพี่อีกได้บ้าง?? เพลงเชื่ออะไรพี่ได้ไหม ? ตอนนั้นเรื่องของพี่เบลล์กับพี่ราชันย์พี่จำได้ไหม ที่พี่ไปแบล็คเมลเขาสองคนแล้วทำให้คนอื่นเข้าใจผิด...และเป็นเพลงที่ต้องรับหน้าแทน
พี่ก็รับปากกับเพลง สัญญากับเพลงว่าจะไม่ปล่อยคลิปของพี่เบลล์กับพี่ราชันย์ แต่พี่ก็ยังทำอะ !! ”
“เพลงเรื่องนั้น...พี่ไม่ได้ตั้งใจ... ”
“พี่รู้ไหมหลังจากวันนั้น เพลงโดนอะไรบ้าง เพลงต้องเจออะไรบ้างพี่รู้ไหม!! เพลงต้องมาทนรับผิดในสิ่งที่เพลงไม่ได้ทำ เพลงโดนเขาทำร้ายศักดิ์ศรีจนไม่เหลือชิ้นดี ! เพลงแทบไม่เหลือคุณค่าอะไรเลย ไม่เหลือเลย ”
“เพลง แกอย่าบอกนะว่าพี่เขา...." พี่แบมพูดก่อนจะมองหน้าฉันด้วยความตกใจ
พอพูดถึงเรื่องนั้น เรื่องราวเลวร้ายในวันเกิดฉันมันก็ย้อนกลับเข้ามาฉายในหัวฉันอีกครั้ง
ฝันร้ายที่ฉันไม่เคยลืมมันได้เลย....