อาการของข้าวหอมค่อย ๆ ดีขึ้นจนหายเป็นปกติ แต่หญิงสาวกลับคิดว่าพักหลังมานี้ดูเหมือนว่าพลอยใสจะเริ่มตีตัวออกห่าง ไม่มาเล่นหรือนอนด้วยกันเหมือนเมื่อก่อน เดินสวนกันในบ้านก็ไม่ยอมพูดด้วย นอกจากถามคำตอบคำแบบผ่าน ๆ เท่านั้น
“น้องพลอย...” ข้าวหอมยิ้มทักทายในขณะที่พลอยใสตามสิตาลงมาจากชั้นบนของบ้าน แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้หันมาสนใจเพราะสายตากำลังหันไปสนใจผู้เป็นแม่ที่กำลังจะออกจากบ้าน
“คุณแม่พาน้องพลอยไปเล่นที่สวนสาธารณะหน่อยได้ไหมคะ”
“ไม่ได้หรอกจ่ะ วันนี้แม่มีนัดสำคัญกับลูกค้า” สิตาตอบพลางหยิบมือถือขึ้นมากดดูสถานที่นัดหมายอีกครั้ง
“แต่วันนี้เป็นวันหยุดนะคะคุณแม่ ไหนคุณแม่บอกว่าจะอยู่กับน้องพลอยตามที่น้องพลอยต้องการไงคะ”
“น้องพลอยอย่ามาเซ้าซี้แม่ได้ไหม ! ” สิตาเผลอตะคอกออกมาด้วยความลืมตัว ครั้นเห็นสีหน้าลูกเปลี่ยนไป เธอจึงรีบปรับน้ำเสียงให้อ่อนลงทันที “เอ่อ...วันนี้แม่ไม่ว่างนะคะ น้องพลอยไปชวนคุณพ่อก่อนดีไหม”
“ก็ได้ค่ะ” ว่าแล้วพลอยใสก็เดินคอตกกลับเข้ามาในบ้าน ยังไม่ทันที่ข้าวหอมจะเอ่ยปากถาม หนูน้อยก็เดินแยกออกไปที่ห้องทำงานของ พริษฐ์เสียก่อน
“ได้ เดี๋ยวฉันจะไปตอนนี้เลยละกัน“ ชายหนุ่มเดินสวนออกมาพร้อมกับโทรศัพท์เหมือนกำลังรีบร้อนออกไปอีกคน
“คุณพ่อคะ”
“ว่าไงคะน้องพลอย” พริษฐ์เอ่ยถามเมื่อเห็นลูกสาวมารออยู่หน้าห้อง
“วันนี้คุณพ่อพาน้องพลอยไปเล่นที่สวนหน่อยได้ไหมคะ”
“พ่อมีธุระต้องไปทำน่ะ เอาไว้วันอื่นได้ไหม”
“ฮือ...ไม่มีใครรักน้องพลอยเลยสักคน คุณแม่ก็ไม่รักคุณพ่อก็ไม่รัก” พลอยใสร้องไห้โฮออกมาทันทีที่ถูกปฏิเสธเป็นครั้งที่สองจนพริษฐ์ต้องยอมใจอ่อน
“ก็ได้ค่ะ ก็ได้ งั้นเดี๋ยวพ่อชวนลุงวินไปด้วยนะคะ”
“เย้ ! คุณพ่อใจดีที่สุดเลย” พลอยใสร้องลั่นด้วยความดีใจก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปชั้นสองของบ้านเพื่อนำของเล่นในกระเป๋าลงมา พริษฐ์จึงใช้จังหวะนั้นรีบโทรเปลี่ยนสถานที่นัดหมายกับกวินเพื่อหารือเรื่องกฏหมายทันที
“เปลี่ยนที่คุยเป็นสวนสาธารณะกลางหมู่บ้านนะ พอดีน้องพลอยเขาอยากไปเล่นน่ะ”
(เออ ๆ )
เมื่อปลายสายตอบรับกลับมาในทันทีก่อนที่ชายหนุ่มจะวางสายแล้วหันไปจูงมือลูกสาวออกจากบ้านแต่สายตาดันหันไปปะทะเข้ากับร่างบางที่กำลังรดน้ำต้นไม้เสียก่อน
“ข้าว ไปเล่นที่สวนด้วยกันไหม” เขาเอ่ยชวน ทำให้ข้าวหอมรีบปิดน้ำแล้วเดินตามออกมาทันทีด้วยความดีใจแต่พลอยใสกลับรีบปฏิเสธ
“ไม่ต้องให้พี่ข้าวไปหรอกค่ะ เราไปกันสองคนก็ได้”
“ได้ยังไงล่ะคะ วันก่อนน้องพลอยสัญญาว่าจะพาพี่ข้าวไปไม่ใช่เหรอ” พริษฐ์เลิกคิ้วถาม รู้สึกแปลกใจที่พลอยใสทำท่าทีเหินห่างกับข้าวหอมถึงขนาดนี้
“ก็ได้ค่ะ ให้ไปก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้นเราแว้นจักรยานไปนะคะ จะได้ออกกำลังกายด้วย” พูดจบร่างสูงก็พาลูกสาวไปที่โรงรถก่อนจะเข็นจักรยานคู่ใจออกมาคนละคัน “ข้าว ขึ้นมาสิ”
เขาเอ่ยชวนพลางผายมือไปยังเบาะหลังของจักรยาน ข้าวหอมชะงักเล็กน้อยแต่ก็ยอมขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย
“พร้อมแล้วไปกันเลยนะคะ” พลอยใสให้สัญญาณก่อนจะออกตัวปั่นจักรยานนำไปก่อน จากนั้นพริษฐ์จึงตามออกไปโดยมีข้าวหอมนั่งซ้อนท้าย จับชายเสื้อของเขาไว้แน่นเพราะกลัวตก
แสงแดดในตอนเช้าสาดส่องลงมาผ่านร่มไม้ที่ถูกปลูกไว้สองข้างทาง สลับกับบ้านหลังใหญ่ที่ถูกจัดสรรไว้อย่างเป็นระเบียบ ตลอดสองข้างทางได้ยินเสียงของเพื่อนบ้านเอ่ยทักทายพลอยใสมาตลอดจนกระทั่งถึงสวนสาธารณะของหมู่บ้าน หลังจากที่มองหาทำเลเหมาะ ๆ พลอยใสจึงรีบจัดการนำของเล่นที่ติดตัว ออกมาเล่นอย่างสบายใจ ส่วนพริษฐ์ก็หาที่นั่งเพื่อรอกวินอยู่ใกล้ ๆ
“พี่ขอเล่นด้วยคนสิน้องพลอย” ข้าวหอมเอ่ยถามแต่อีกฝ่ายกลับพาของเล่นแล้วหันหน้าหนีไปทางอื่น
“ไม่ได้หรอกค่ะ น้องพลอยไม่อยากแบ่งของเล่นให้ใคร”
“แต่เล่นคนเดียวมันไม่สนุกน้า”
“ไม่เป็นไรค่ะ น้องพลอยไม่อยากเล่นกับคนที่จะมาแย่งคุณพ่อไปจากน้องพลอย” พลอยใสเผลอหลุดปากพูดออกมาตามความไร้เดียงสาจนข้าวหอมถึงกับชะงัก
“ว่าไงนะคะ ใครจะมาแย่งคุณพ่อกัน”
“ก็พี่ข้าวไงคะ คุณแม่บอกว่าพี่ข้าวจะมาแย่งคุณพ่อไปจากน้องพลอย เพิ่งจะมาอยู่ได้ไม่กี่วันก็ตีสนิทกับคุณพ่อเสียแล้ว” เธอเอ่ยออกไปตามสิ่งที่มารดาพูดกรอกหูในทุก ๆ วัน ทำให้พริษฐ์ที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ต้องรีบเข้ามาถามเพื่อความอยากรู้
“คุณแม่บอกน้องพลอยอย่างนั้นเหรอคะ”
“ใช่ค่ะคุณพ่อ” พลอยใสก้มหน้าตอบ ข้าวหอมจึงเป็นฝ่ายอธิบายเอง
“ไม่มีใครแย่งคุณพ่อไปจากน้องพลอยได้หรอกนะคะ คุณพ่อก็ยังเป็นคุณพ่อของน้องพลอย พี่แค่มาขออยู่อาศัย มาเป็นเพื่อนเล่นน้องพลอย น้องพลอยจะได้ไม่เหงาไงคะ”
“แล้วทำไมคุณแม่ต้องบอกว่าพี่ข้าวจะมาแย่งล่ะคะ”
“น้องพลอยคะ” พริษฐ์จับมือลูกสาวไว้แน่น “ต่อไปนี้ไม่ว่าคุณแม่จะพูดอะไร ขอให้น้องพลอยเชื่อใจคุณพ่อนะคะว่าคุณพ่อไม่มีวันทิ้งน้องพลอยไปไหนเด็ดขาด”
“แต่ว่า...”
“สัญญากับพ่อสิคะ พี่ข้าวเขาแย่งพ่อไปไม่ได้หรอกเพราะว่าพ่อมีน้องพลอยอยู่แล้วนี่ไง” มือหนาประคองพวงแก้มแดงระเรื่อไว้แล้วจุมพิตเบา ๆ ลงบนหน้าผากเพื่อบอกรักเหมือนที่เคยทำ
“ก็ได้ค่ะ น้องพลอยเชื่อคุณพ่อก็ได้”
“เก่งมาก เด็กดีของพ่อ” ชายหนุ่บลูบศีรษะเล็กของลูกสาวแผ่วเบา ความอบอุ่นที่เขาปฏิบัติต่อพลอยใส ทำให้ข้าวหอมนึกอิจฉาขึ้นมาเพราะตั้งแต่เกิดเธอไม่มีแม้แต่โอกาสจะเห็นหน้าพ่อด้วยซ้ำ
“งั้นพี่ข้าวมาเล่นกับน้องพลอยนะคะ”
“ค่ะ” หญิงสาวยิ้มตอบพลางหยิบตุ๊กตาออกมาช่วยแปรงผม เห็นดังนั้นพริษฐ์จึงหันกลับไปนั่งที่เดิม เพียงไม่นานกวิน เพื่อนสนิทที่ทำงานด้านกฏหมายก็เดินทางมาถึง
“ฝากน้องพลอยด้วยนะข้าว ฉันขอไปคุยธุระก่อน”
พูดจบเขาก็ลุกไปหาที่นั่งที่ไกลกว่าเดิมเล็กน้อยเพราะไม่อยากให้ลูกสาวได้ยิน แต่แทนที่จะเริ่มเข้าประเด็นสนทนา กวินกลับจับจ้องไปที่ข้าวหอมตาไม่กระพริบจนพริษฐ์ต้องเอ่ยเรียก
“ไอ้วิน ฉันเรียกแกมาปรึกษานะโว้ย มานั่งจ้องเด็กอยู่ได้”
“เด็กอะไรวะ น่ารักเป็นบ้า แฟนใหม่แกเหรอ” อีกฝ่ายเอ่ยถาม
“จะบ้ารึไง ฉันมีแฟนเด็กขนาดนั้นตำรวจได้จับเข้าคุกพอดี”
“เด็กที่ว่าน่ะ อายุเท่าไหร่วะ”
“สิบเก้า ยี่สิบล่ะมั้ง” พริษฐ์ตอบผ่าน ๆ
“ยี่สิบไม่เด็กแล้วนะ ถ้าไม่ใช่แฟนแกงั้นฉันจีบ บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าน้องเขาชื่ออะไร เป็นใคร มาจากไหน”
“ชื่อข้าวหอม เป็นหลานของสิ ฉันไปรับมาอยู่เป็นพี่เลี้ยงน้องพลอยเขาน่ะ”
“ดีเลย งั้นฉันขอสมัครเป็นหลานเขยแกตอนนี้เลยละกัน” กวินยิ้มกริ่ม ทำท่าจัดผมเพื่อเดินเข้าไปทำความรู้จักกับข้าวหอมแต่กลับถูกเพื่อนสนิทดักทางไว้เสียก่อน
“ให้มันน้อย ๆ หน่อย ตกลงจะช่วยหรือไม่ช่วย”
“ช่วยสิวะ แก่แล้วใจร้อนนะเราเนี่ย” เขาว่าพร้อมกับทรุดกายนั่งลงที่เดิมเพื่อจะเข้าประเด็นสนทนา “งั้นก็ว่ามาจะให้ฉันช่วยอะไร”
“ฉันจะฟ้องหย่า” พริษฐ์ตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ทำไมวะ แกกับสิก็รักกันดีนี่”
“รักกับผีแกสิ” มือหนารีบหยิบสมาร์ตโฟนออกมาก่อนจะเปิดคลิปที่นภาแอบถ่ายไว้ส่งให้กวินดูจนอีกฝ่ายถึงกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
“หมอนี่เป็นใครวะ”
“ฉันไปสืบมา หมอนี่มันเป็นลูกครึ่งอเมริกาเคยเป็นนายหน้าขายคอนโด ฯ ให้สิ เราเคยเจอกันครั้งสองครั้งเมื่อปีก่อน ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะมาตีท้ายครัวฉันแบบนี้” พริษฐ์ขบกรามแน่น เขาไม่อาจทำใจดูคลิปนั้นจนจบจึงรีบปิดไป “นอกจากจะคบชู้ สิยังยักยอกเงินบริษัทไปให้มันอีกด้วย”
“โห ขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
“นั่นแหละ ฉันถึงได้มาปรึกษาแกไง คลิปนี่พอจะเป็นหลักฐานได้ไหม”
“ได้อยู่แล้ว ยิ่งมีพยานบุคคลด้วยก็ยิ่งชนะ ส่วนเรื่องยักยอกเงินนั่น ฉันว่าแกต้องไปหาหลักฐานหรือพยานเพิ่มอีกนิด จะได้มีน้ำหนักต่อสู้กันในชั้นศาล” กวินเสนอก่อนที่สายจะหันไปมองข้าวหอมอีกรอบ “แกมีเรื่องคุยแค่นี้ใช่ไหม ฉันจะได้ไปหา...”
“อืม แค่นี้แหละ งั้นฉันกลับก่อนละกันนะ ขอบใจมาก” พริษฐ์รีบตัดบท ก่อนจะเดินไปหาพลอยใสเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ทั้งที่กวินยังพูดไม่ทันจบด้วยซ้ำ
“จะกลับแล้วเหรอคะคุณพ่อ”
“ใช่ค่ะ เดี๋ยวพ่อจะต้องกลับไปเคลีย์งานต่อ” เขาตอบเป็นจังหวะเดียวกันที่กวินเดินตามมาถึงพอดี
“คุณลุงสวัสดีค่ะ” พลอยใสกระพุ่มมือไหว้ เมื่อเห็นดังนั้นข้าวหอมจึงรีบทำตามด้วยอีกคนเพราะจากการคาดเดา กวินเองก็น่าจะอายุพอ ๆ กับพริษฐ์
“สวัสดีค่ะคุณลุง...”
“ฮ่า ๆ ๆ คุณลุง” พริษฐ์หลุดขำออกมาทันทีพร้อมกับชี้ไปที่หน้าของกวิน “เห็นไหมล่ะ ปลงซะบ้างนะแกน่ะ”
ว่าแล้วจึงตบไหล่กว้างของเพื่อนสนิทแล้วออกแรงอุ้มพลอยใสขึ้นมาเพื่อจะพากันกลับบ้าน
“เอาไว้ฉันจะติดต่อไปใหม่นะ”
“เออ ! ” กวินโบกมือไล่อย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อเดินมาถึงที่จอดรถ ข้าวหอมก็ขึ้นไปนั่งคร่อมจักรยานจากนั้นจึงเอ่ยถามพริษฐ์ด้วยความอยากรู้
“หนูพูดอะไรผิดไปเหรอคะ ทำไมน้าภูมิต้องหัวเราะด้วย”
“ไม่ผิดหรอก แต่เราน่ะไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าไอ้วินมันจะจีบ” อีกฝ่ายออกแรงปั่นจักรยานตามพลอยใสไป ตอบด้วยเสียงราบเรียบ
“จีบหนูนี่น่ะคะ”
“ใช่ ฉันถึงบอกให้มันปลงสังขารไง”เขานิ่งเงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะถามกลับบ้าง “ว่าแต่เราน่ะ อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ”
“เอ่อ...” ว่าแล้วข้าวหอมจึงลองนับดูในใจ “สิบเก้าค่ะ เดือนหน้านี่ยี่สิบพอดี”
“แล้วไม่อยากเรียนต่อเหรอ เห็นสิบอกว่าเราจบแค่มัธยมปลาย” บทสนทนายังดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ในขณะที่รถถูกปั่นไปข้างหน้า ทำให้ข้าวหอมเริ่มคลายความอึดอัดลงได้บ้าง ถึงจะเพิ่งรู้จักกันไม่นานแต่เธอก็สัมผัสได้ว่าพริษฐ์นั้นแตกต่างกับสิตามากนัก
“ไม่แล้วล่ะค่ะ ตอนนี้หนูอยากทำงาน มีเงินเก็บเอาไว้ซื้อบ้านซักหลังก็พอ” หญิงสาววาดฝัน ว่าวันนึงเธออาจจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้
“ฉันถามอะไรหน่อยสิ” อีกฝ่ายถามต่อ แต่ไม่แม้แต่จะหันมามองคู่สนทนา “ถ้าวันนึงฉันกับสิเลิกกัน เราจะทำยังไง”
“เอ่อ...คงแล้วแต่น้องพลอยมั้งคะ ถ้าน้องพลอยยังต้องการหนูหนูก็คงจะอยู่กับน้องพลอย”
“แล้วถ้าน้องพลอยไม่ได้ไปอยู่กับสิตาแต่อยู่กับฉันล่ะ เราจะอยู่ได้หรือเปล่า”
“คงได้มั้งคะ” หญิงสาวตอบกลับไปด้วยความไม่แน่ใจ ลำพังเด็กต่างจังหวัดที่เพิ่งจะเข้ามาใช้ชีวิตในที่แปลกตาอย่างเธอจะไปไหนได้ “แล้วน้าภูมิ จะเลิกกับน้าสิจริง ๆ เหรอคะ”
“อืม” พริษฐ์ตอบตามตรงเพราะข้าวหอมโตพอที่จะรับรู้อะไรได้แล้ว
“ทำไมล่ะคะ”
“เรื่องนั้นเราไม่ต้องรู้หรอก แล้วห้ามบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้เด็ดขาดแม้กระทั่งน้องพลอย” เขากำชับเสียงหนักแน่น “ถ้าสิเขาไม่ต้องการเรา ฉันสัญญาว่าฉันจะดูแลเรากับน้องพลอยเอง”
“ค่ะ” ข้าวหอมก้มหน้ารับ เพิ่งจะเข้ามาอยู่แท้ ๆ แต่ดันเกิดเรื่องบ้านแตกขึ้นมา ดูท่าแล้วสิตาก็ไม่ได้รักและหวังดีกับเธอเสียเท่าไหร่ หากวันนั้นมาถึงจริง ๆ แล้วพริษฐ์ยังมีเมตตา เธอก็คงต้องอาศัยใบบุญของเขาไปอีกระยะ เก็บเงินได้สักก้อนเมื่อไหร่ค่อยออกไปหาที่อยู่ใหม่ก็คงไม่สาย