หลังจากได้รับภารกิจพิทยาก็พยายามติดตามท่านพัฒนาผู้เป็นบิดาด้วยทุกครั้งเวลาไปรับยาตามนัด และทุกครั้งมีเมนูเด็ด ๆ ก็จะนึกถึงหลานสาวนอกไส้เสมอ ใส่กล่องหิ้วไปฝากจนเป็นเรื่องปกติ
วันนี้เป็นอีกวันที่เขาได้ติดสอยห้อยตามบิดาไปอีกเช่นเคยแต่เป็นเวลาใกล้เที่ยง
@ตึกนักศึกษาแพทย์มหาวิทยาลัยJ
นักศึกษาแพทย์ทยอยกันลงมาเพื่อรับมื้อเที่ยง แล้วคนตัวเล็กก็เดินเข้ามา
"สวัสดีค่ะคุณตา วันนี้นัดรับยาเหรอคะ เพิ่งรับไปเมื่อเดือนที่แล้วนี่คะ หรือว่ายาหมดก่อนนัด" คนตัวเล็กถามอย่างสงสัย
"หึหึ" พิทยาหัวเราะในลำคอ
"เปล่าหรอกลูก วันนี้ตามาหาหนูโดยเฉพาะเลย..นี่ไง" พัฒนายกตะกร้าของกินชูให้หลานสาวนอกไส้ดู
"โอ้โห น่ากินทั้งนั้นเลย ให้หนูเหรอคะ?"
"ใช่ซิจ๊ะ อร่อยนะ ฝีมือคุณยายพิชญากับคุณตาช่วยกันทำมีจานช้อนมาพร้อมเลยน๊ากินได้เลย"
"เหรอคะ ขอบคุณค่ะ หนูทานเลยนะคะ" ว่าจบเด็กสาวก็รับตะกร้ามาวางหยิบจานช้อนมา ตักแบ่งอาหารใส่จานแล้วตักเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ อย่างเอร็ดอร่อย ส่วนคนแก่ก็นั่งยิ้มปรี่อยู่ข้าง ๆ
"อยากให้คุณยายพิชญาเห็นหนูจัง คุณตาขออัดคลิปวีดีโอตอนหนูกินอาหารที่คุณยายทำหน่อยได้มั๊ย ลูก?" พัฒนาพูดจบก็พยักหน้าให้ลูกชายที่กำลังยืนอมยิ้มเป็นเชิงบอกให้ยกโทรศัพท์มาอัดคลิป
"ได้เลยค่า เอาเลยนะค๊า"
๐คุณยายพิชญาคะ หนูชื่อปารดี สุธาลัย หรือน้องปริมค่ะ ตอนนี้อายุ 21 ปี กำลังเรียนแพทย์ปีสี่ค่ะ อาหารนี่คุณตา บอกว่าเป็นฝีมือคุณยายกับคุณตาช่วยกันทำ น้องปริมกินแล้วอร่อยมากเลยค่ะ อร่อยกว่าแม่ดวงใจทำอีก คิ๊ก ๆ แต่ไม่บอกแม่หรอกเดี๋ยวแม่เสียใจ น้องปริมจะกินให้หมดเลยค่ะ แต่ถ้าไม่หมดจะเก็บไว้กินตอนดึกนะคะเผื่อทำงานดึกแล้วหิวอีกค่ะ ขอบคุณมากนะคะ แล้วก็สวัสดีค่ะ๐
"เป็นไงคะคุณตา คุณตาให้คุณน้าส่งคลิปให้คุณยายเลยซิคะ" ปารดีบอกคนตัวโตอย่างอ้อม ๆ
"บอกพี่เค้าเองซิลูก" พัฒนาพูดนำทาง
"เอ่อ พี่คะช่วยส่งคลิปอันนั้นไปให้คุณยายหน่อยได้มั๊ยคะ..เอ่อ" ปารดีทำหน้าเจื่อน ๆ มองหน้าคนโน้นทีคนนี้ที
"ส่งตั้งนานแล้ว กินต่อเถอะ กินให้หมดจะได้เก็บของไปเลย" หนุ่มใหญ่วัยสามสิบหกบอกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่ยังคงความเข้มแข็งเสียงดังฟังชัดอยู่ในที
"อืม...มันเยอะ อิ่มแล้ว เดี๋ยวหนูเอากล่องมาใส่เก็บไว้กินตอนดึกได้มั๊ยคะ"
"ไม่ต้องหรอกเอาไว้นี่เลยพรุ่งนี้เดี๋ยวมาเอา แล้วจะเอาของกินชุดใหม่มาให้ด้วย อยากกินอะไรล่ะ" เป็นพิทยาที่ออกความเห็นโดยมีพัฒนาที่ฟังอย่างชอบใจไม่เสียแรงที่ชี้โพรงกระรอกให้
"คือ หนูเกรงใจค่ะ ที่คุณนะ...เอ๊ยพี่ต้องเทียวมาเทียวไป แฮร่.."
"พี่พิทยา หรือ พี่พิทก็ได้ พูดซิ๊"
"พี่พิทยา แฮร่.."
"อืม..นั่นคือปัญหาของพี่ ส่วนนี่คือปัญหาของเรา นี่..กินไม่หมดก็เก็บไว้กินห้ามทิ้งรู้มั๊ย นี่ก็ใกล้บ่ายล๊ะ เก็บของ แล้วไปแปรงฟันเตรียมเข้าเรียนได้แล้ว"
"ค่า งั้นหนูไปนะคะ สวัสดีค่ะคุณตา/ สวัสดีค่ะคุณน้า..เอ๊ย..พี่พิท" ว่าแล้วสาวน้อยก็วิ่งตื๋อเข้าตึกไป
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า เป็นไงหลานสาวของฉั๊น...ให้เวลาน้องหน่อย น้องยังไม่ชินปากน่า"
"ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับคุณพ่อ" พิทยาแกล้งทำไขสือแต่นัยน์ตาเป็นประกายมุมปากยกยิ้ม《ท่าทางจะมีลุ้นได้ลูกสะใภ้คราวหลานกันละเว๊ยทีนี้》
@เช้าวันต่อมา
"คุณแม่คร้าบ อาหารเสร็จรึยังคร้าบ เดี๋ยวน้องจะเข้าเรียนสายน๊า" พิทยาเอ่ยถามมารดาเสียงดัง
"เสร็จแล้ว ๆ นี่ก็เร่งจริง" คุณนายพิชญาบ่นกระปอดกระแปดมือก็เร่งเป็นระวิง
"กว่าจะขับรถไปถึงก็เที่ยงเศษ ๆ กว่าจะได้กิน แล้วคุณแม่แยกอีกกล่องสำหรับมื้อเย็นด้วยมั๊ยครับ"
"แบ่งแล้วจ้า ยกไปได้เลย รีบ ๆ เถอะ น้องมีเวลาพักเที่ยงน้อยอยู่" คุณนายพิชญาบ่นไม่จริงจัง
"ครับ ครับ ไปแล้วครับ" ว่าแล้วคนตัวโตก็รีบจับรถคู่ใจออกไปยังจุดหมายทันที
@โรงอาหารคณะแพทยศาสตร์
พิทยามาถึงที่หมายแต่ไม่พบคนตัวเล็กจึงเข้าไปถามนักศึกษาแพทย์รุ่นเดียวกันเขาคุ้นหน้าว่าเคยเดินด้วยกันกับคนตัวเล็ก
"เอ่อ น้องครับ เห็นน้องปริมนักศึกษาแพทย์ปีสี่บ้างมั๊ยครับ"
"อ้อ ปริมเฝ้าสังเกตเคสผ่าตัดกับอาจารย์หมอยังติดเคสอยู่เลยค่ะ"
"เหรอครับ ขอบคุณครับ" 《ตายหละวานี่เกือบจะบ่ายเข้าไปแล้วยัยตัวเล็กยังไม่ได้กินข้าวอิก โหไม่เป็นลมล้มพับไปแล้วเหรอ》พิทยาได้แต่คิดในใจ ไม่รู้จะทำไงได้แต่รอ งานการก็มีทำแต่ต้องมารอเนี่ยมันเป็นเพราะอะไร ทุกวันจะต้องมานั่งห่วงลูกชาวบ้านว่าจะได้กินอะไรหรือยัง หงุดหงิดทุกครั้งเมื่อไม่เห็นหน้าเขาได้แต่ถามใจตัวเองอยู่อย่างนั้นจนกระทั่ง...
"สวัสดีค่ะ คุณนะ...เอ๊ยพี่พิทยา คุณตาคุณยายให้เอาอาหารมาให้หนูเหรอคะ" พิทยารีบหันไปตามเสียงที่เฝ้ารอคอยฟัง
"อ้อ ใช่..เห็นเพื่อนบอกว่าเราติดเคสน่ะ นั่งก่อนเดี๋ยวก็เป็นลม เหนื่อยมั๊ย อะ..นี่น้ำหวาน...นี่ทิชชู่เปียก..กินเลยนะบ่ายกว่าแล้วเนี่ย"
"อ๋อ...แค่สังเกตการณ์ด้านนอกค่ะยังไม่ได้ผ่าตัดจริงค่ะ/วันนี้ขอจิบน้ำหวานหน่อยนึงนะคะคุณตา
..อื้ม....ชื่นจาย.." ประโยคแรกปารดีอธิบายให้ชายหนุ่มฟัง ประโยคหลังพูดกับบิดาของชายหนุ่มที่ไม่ได้มาด้วยแต่ยังมีกะใจขออนุญาติอีก พร้อมกับรับแก้วน้ำหวานมาดูดเพียงเล็กน้อยแล้วลงมือแล้วลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้าที่คนตัวโตจัดเตรียมไว้ให้อย่างเอร็ดอร่อย
"กินเข้าไปเยอะ ๆ กินให้หมดนี่แหละ มีอีกกล่องสำหรับมื้อเย็นเผื่อหิวอีก" พิทยาเอ่ยยิ้ม ๆ แต่ในใจรู้สึกไหววูบเต็มไปด้วยความสงสารและเอ็นดูในคราวเดียวกัน