"อ้าว..ทำไมละคะ..ทะเลาะกันเหรอคะ"
อีกด้าน
เกียรติพงษ์ที่ฟังอยู่อดทนฟังไปต่อไม่ไหวจึงกระซิบกระซาบบอกพอได้ยินกันแค่สองคน
"มันน้อยใจพ่อมันน่ะครับคุณหมอ มันลูกคนเล็กด้วย เวลามันน้อยใจใครมันจะมีสภาวะทิ้งตัวแบบนี้ละครับ เอาเป็นว่าเดียวพี่ไปส่งมันที่คอนโดคุณหมอแล้วกันนะครับ อย่างอื่นค่อยว่ากัน
"เอางั้นเหรอคะ ก็ได้ค่ะ แต่หนูขอ บอกคุณตากับคุณยายด้วยนะคะเดี๋ยวท่านจะเป็นห่วง ยิ่งคุณตามีโรคหัวใจอยู่ด้วย..เฮ๊อ..." ปารดีกล่าวอย่างเป็นกลาง
"หึหึ ตามนั้น ถ้ามันไม่ยอมกลับจริง ๆ พี่นี่แหละจะเป็นคนไปเอาเสื้อผ้าของมันมาให้เอง ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว" เกียรติพงษ์พูดอย่างปลงใจ
ส่วนอีกคนยิ้มแหย ๆ ตอบกลับไป
"เอ่อ ลืมเลยคุยกันมาตั้งนาน พี่ชื่ออะไรเหรอคะ?" ปารดีถามอย่างเกรงใจ
"พี่ชื่อเกียรติ เป็นเพื่อนกับนายพิทตั้งแต่มัธยม มาแยกกันตอนเค้าสอบติดนายร้อยตำรวจ มาเจอกันอีกทีก็รู้ว่าลาออกจากราชการมาสานต่อธุรกิจของครอบครัวแล้ว" เกียรติพงษ์อธิบายอย่างใจเย็น
"ถึงว่าซิ พี่ไม่ทราบว่าพี่พิทเค้าแพ้แอลกอฮอล์" คนตัวเล็กพึมพำ
"หึหึ ตอนนั้นยังเด็กน่ะ ไม่อนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็เลยไม่รู้ว่ามันแพ้"
"อ๋อ ค่ะ"
หลังจากตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยได้ข้อสรุปว่าคนขี้ใจน้อยไม่ยอมกลับบ้านเป็นหน้าที่ของพลขับต้องไปส่งที่คอนโดของคุณหมอสาวหลานรักนอกไส้ของคุณตาคุณยายอีกที
@คอนโดปารดี
"เป็นยังไงบ้างคุณพิท เชิญค่ะ" ดวงใจเชื้อเชิญเด็กขี้ใจน้อยหนีออกจากบ้านเพราะประชดบิดาเข้าห้อง เพราะเธอได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นจากเกียรติพงษ์และปารดีบ้างแล้ว
ทางด้านเกียรติพงษ์เมื่อเห็นว่าเพื่อนโอเคขึ้นจึงขอตัวกลับและอาสาไปเอาเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวมาให้เพื่อนรัก และให้ลูกน้องนำรถยนต์ส่วนตัวของเพื่อนรักมาจอดไว้ที่คอนโดของสาวเจ้าพร้อมกับมอบกุญแจคืนให้กับเจ้าตัวแล้ว
@บ้านบริรักษ์คุณากร
เกียรติพงษ์ขับรถถึงหน้าบ้านเพื่อนรักและเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับหลักฐานสำคัญที่จะเก็บไว้แบลคเมล์เพื่อนรักแต่สำหรับตอนนี้เขาคิดว่ามันคงเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้พ่อลูกเข้าใจกันมากขึ้น
"อ้าวนายเกียรติใช่มั๊ย ไปไงมาไงล่ะ นี่จะมาส่งข่าวไอ้เด็กมีปัญหาใช่มั๊ย" คุณพัฒนาพูดขึ้นด้วยอารมณ์กรุ่น ๆ เพราะได้รับข้อมูลเบื้องต้นจากปารดีบ้างแล้วเรื่องดื่มแล้วแพ้แอลกอฮอล์จนต้องไปหาหมอ
"สวัสดีครับคุณพ่อ พอดีผมมาส่งข่าวนะครับว่านายพิทยาแพ้แอลกอฮอล์ หลังจากไปดื่มกับผมเมื่อวาน แล้วตอนนี้มันอยู่ที่คอนโดน้องปริมไม่ยอมกลับบ้านครับ มันหงอยมากเลยครับคุณพ่อ แล้วผมก็จะมาขออนุญาตมาเอาเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวไปให้มันหน่อยน่ะครับ" เกียรติพงษ์ใจดีสู้เสือ
"อือ..ไปเถอะ เดี๋ยวให้แม่บ้านพาไป" คุณพัฒนาบอกแบบขอไปทีพร้อมกับพยักหน้าให้แม่บ้านพาชายหนุ่มขึ้นไปบนห้องเจ้าลูกชายขี้แสนงอนทันที
ทางด้านแม่บ้านรีบเดินเข้ามาหาและเชื้อเชิญชายหนุ่ม
เชิญค่ะ/...ครับ นำไปเลยครับ...เมื่อถึงห้องของเพื้อนรักเกียรติพงษ์จึงร้องบอกแม่บ้านให้รอก่อน /..รอผมสักครู่นะครับผมเก็บของแป๊บเดียว..ผมเอาไปชุดสองชุดแค่นั้นแหละครับ..เกียรติพงษ์พูดไปเก็บไป
"เสร็จแล้วครับป้า ขอบคุณครับ"
"ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะคุณ" แม่บ้านรับคำแล้วเดินไปทำงานที่ค้างของตัวเองต่อ ส่วนเกียรติพงษ์เดินลงบันไดมาเห็นเจ้าบ้านยังนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกเหมือนเดิมจึงเข้าไปคุยด้วยอีกครั้ง
"เก็บของเสร็จแล้วเร๊อะ เอาชุดโกนหนวด กับครีมบำรุงผิวหน้าไปให้มันด้วยรึเปล่าล่ะ"
"เรียบร้อยครับเพราะเป็นสิ่งแรกที่มันบอกผมเลย"
"อืม..ก็ดี"
"พ่อครับ ผมมีบางอย่างอยากให้พ่อดู จากนั้นเกียรติพงษ์ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์มาปลดล็อคหน้าจอ
"คุณพ่อดูคลิปนี้ก่อนซิครับ" พร้อมกับเปิดคลิปโทรศัพท์ให้บิดาของเพื่อนดู
๐"คุณพ่อไม่เข้าใจกูว่ะ จะให้กูบอกรักน้องให้ได้...อึ่ก..เอิ่ก..ก็น้องพึ่งเรียนจบยังทำงานได้ไม่กี่เดือนเลย จะให้กุรีบบอกไปไหน..อึ่ก..พอกุไปบอกแม่น้องขอคบอย่างเป็นทางการก็ถามกุว่าบอกรักน้องรึยัง ก็น้องเพิ่งออกเวรดึก นอนหลับอุตุ แถมยังละเมอเย็บแผลอิก น้องจะมีกะใจฟังกุอยู่เหรอ เหนื่อยขนาดนั้น หาเวลาจะนอนยังยากเลย เอิ่ก ก็ว่ากู ไม่ได้เรื่อง ไล่กูให้ไปพ้น ๆ หน้า กุเสียใจน๊ะเว้ย อุตส่าห์ดูแล พาไปหาหมอทุกนัด พาไปหาน้อง ส่งข้าวส่งน้ำจนรู้จักสนิทกันเนี่ยะ ไม่รู้หรอกว่ากูเนี่ยเป็นคนกลางรับรู้ เอิ่ก..เข้าใจทั้งสองฝ่ายเลย.." .....ฟื่บ..…๐
ทันทีที่ที่ฟังดูคลิปจนจบพัฒนาถึงกับอึ้งไปพักใหญ่
"คุณพ่อครับ"
"อืม...พ่อไม่เป็นไร เค้าอยากนอนกับคนของใจเค้าก็ให้เค้านอนที่นั่นไปเถอะ..ห่วงก็แต่ชื่อเสียงของหลานสาวฉั๊นนะซิ พรุ่งนี้ก็เป็นวันทำงานล๊ะ บอกมันด้วย ถ้าจะงอนก็งอนไปแต่อย่าให้เสียงานล่ะ แล้วตาหายบวมมั่งยัง ยังปวดหัวอยู่มั๊ย ฝากดูมันหน่อยละกันนะลูก ไอ้นี่มันไม่เปลี่ยนสักที ตั้งแต่เล็กจนโตจนหมาเลียตูดไม่ถึงอยู่แล้ว" พัฒนาพูดถึงลูกชายโดยไม่รู้ตัวว่าอีกฝ่ายได้อัดคลิปวีดีโอไว้หมดแล้ว
"ครับพ่อ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ มันอยู่กับคุณหมอนะครับ งั้นผมลาละครับ"
"อืม..ขับรถดี ๆ เดินทางปลอดภัย"
"ครับ สวัสดีครับ" เกียรติพงษ์กล่าวลาบิดาเพื่อนแล้วเดินออกมาด้วยหัวใจที่พองฟู รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนดี และทำได้ดี (มาก) ก็วันนี้แหละ