หลังกินอาหารเช้าเสร็จดวงใจกับพิทยาก็นั่งคุยกันเรื่องสูตรข้าวต้มปลาแสนอร่อย และเลยไปถึงเรื่องสัพเพเหระจนไปถึงเรื่องของคุณหมอ จึงพบว่าคุณหมอนอนหนุนตุ๊กตาหมีสีเหลืองตัวเขื่องและหลับไปแล้วจึงขอตัวกลับเพราะกลัวจะเสียมารยาท
อ้าวลูกฉั๊น หลับเป็นตายเลยนะ ปริม..ปริม..น้องปริม..ตื่นลูก..แปะ..แปะ..แปะ ดวงใจตบที่ต้นแขนลูกสาวด้วยน้ำหนักไม่หนักไม่เบาจนเกินไปก็ยังไม่ตื่น
..โถหลับลึก คงเหนื่อยน่าดูเลย เอาไงดี หรือจะปล่อยให้นอนตรงนี้ดี...แต่ก็จะหลับไม่สนิท เดี๋ยวไอ้นั่น ไอ้นี่เสียงดังก็ตื่นอีก...เฮ๊อ...ลูกนะลูก ไปนอนที่อื่นจะเป็นยังไง หนูจะหลับแบบนี้ไม่ได้นะลูก แม่เป็นห่วง..
อีกด้าน
พิทยาที่ขอตัวกลับและกำลังจะเดินออกไปแต่บังเอิญมาได้ยินเข้าจึงถือวิสาสะเข้าไปอีกครั้ง
"เอ่อ ขอโทษครับ แม่ดวง ให้ผมช่วยอุ้มน้องเข้าไปนอนในห้องดีดีมั๊ยครับจะได้สบายตัว จะได้นอนนาน ๆ"
"เออ ก็ดีเหมือนกันลูก แม่รบกวนหน่อยนะ ยัยคนนี้เค้าเป็นแบบนี้แหละ ถ้าได้หลับแล้วใครอย่าหวังว่าจะปลุกเธอได้ เว้นเสียแต่ว่าเธอจะตื่นขึ้นมาเอง..เฮ๊อ..ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เปลี่ยนเลย ไม่รู้เหมือนใคร" ดวงใจบ่นลูกสาวกระปอดกระแปด
"ครับ งั้นผมขออนุญาตนะครับ" ว่าแล้วพิทยาก็ช้อนอุ้มคนตัวเล็กที่นอนหลับไหลไม่รู้เรื่องไปที่ห้องนอนโดยมีดวงใจอุ้มตุ๊กตาหมีสีเหลืองตัวเขื่องไปให้และคอยเปิดประตูให้ชายหนุ่ม แต่ในขณะที่เขากำลังจะวางคนตัวเล็กบนเตียงนั้นก็ได้ยินคนตัวเล็กพูดพึมพำ ๆ
..อื้อ..แผลลึกค่ะ ต้องเย็บค่ะ..
"หื๊อ..ครับ..น้องปริมพูดว่าอะไรนะครับ.." พิทยาถามย้ำอีกครั้ง
อีกด้าน
ดวงใจถึงกับพ่นขำ
..พรื่ด..ไม่มีอะไรหรอกค่ะ น้องละเมอตรวจตนไข้น่ะค่ะ สงสัยจะเป็นคนไข้ฉุกเฉิน ได้ยินน้องบอกว่าแผลลึก ต้องเย็บค่ะ..
ทางด้านพิทยาเมื่อได้ยินผู้เป็นมารดาของสาวเจ้าอธิบายแทบจะหัวเราะก๊ากแต่ปิดปากเอาไว้ทันและรีบออกมาจากห้องสาวเจ้าอย่างไว
"ฮ่าฮ่าฮ่า...จริงเหรอครับแม่ดวง ผมก็มัวแต่อุ้มน้องระวังนี่ระวังนั่นเลยไม่ได้ตั้งใจฟัง ฟังไม่ถนัดครับ"
"จริงจ้ะ นอกจากหลับลึกแล้ว เธอยังชอบละเมอ มักจะเอาเรื่องเรียนเรื่องงานมาละเมออยู่บ่อย ๆ...เอ้าแม่เลยรบกวนเวลาของพ่อพิทยาเสียนานเลย ขอบใจนะจ๊ะ"
"ครับ ยินดีครับ สวัสดีครับ"
.............................
พิทยากลับบ้านด้วยใจเปี่ยมสุข
เขาไม่ได้บอกความในใจของเขาให้คนตัวเล็กได้รับรู้แต่แอบเข้าข้างตัวเองว่าคนตัวเล็กคงรับรู้ได้ด้วยตนเอง
@บ้านบริรักษ์คุณากร
"หน้าบานเป็นจานดาวเทียม ไปบ้านโน้นมาละซิ" คุณพัฒนาเอ่ยแซวลูกชายคนเล็ก แต่ความจริงแอบมีสายสืบกับเค้าเหมือนกัน
"แน่ะ แอบสืบ?" พิทยาแกล้งเดา
"มีที่ไหน ก็เดาเอาทั้งนั้น แล้วจริงป๊ะล่ะ?" คุณพัฒนาถามย้ำ
"ก็จริงครับ"
"ไปทำไม?"
"ไปบอกแม่ดวงว่าขออนุญาตคบน้องอย่างเป็นทางการและเปิดเผยครับ"
"แล้ว...?"
"ก็ไม่ว่ายังไง แม่ดวงใจบอกว่าแล้วแต่น้องครับ"
"แล้วบอกหลานสาวฉั๊นรึยัง?"
"ถ้าจะให้คุณนายพิชญาเดานะ..อะแฮ่ม... อิฉั๊นขอเดาว่ายังค่ะ/จริงมั๊ยจ๊ะพ่อลูกชาย" (ไม่เอาถ่าน) วลีนี้พูดในใจ ประโยคแรกคุณพิชญาพูดกับสามี ประโยคหลังหันไปถามพ่อลูกชาย
"เอ่อ จริงครับ แฮร่.."
"โอ๊ย....เหนื่อยใจ ปะ..จะไปไหนก็ไปไป๊..เห็นหน้าแล้ว..ฮึ่ย..อยากเตะซักป่าบ" คุณพัฒนาสบถบ่นอย่างขัดใจ
"คุณอย่าโมโหน่ะ เดี๋ยวหัวใจทำงานหนักต้องใช้ยาเพิ่มอีก ไม่ดีนะ" คุณพิชญาเตือนสามียิ้ม ๆ
"อืม...เอามันไปให้พ้น ๆ หน้าผมที เห็นแล้วหงุดหงิด" คุณพัฒนาบอกอย่างขัดใจ ทางด้านคนกลางจึงพยักหน้าให้ลูกชายเป็นสัญญาณบอกให้ทำตามไปก่อน
...............................................
อีกด้านของคนที่เข้าเวรดึก
หลังจากกินข้าวต้มปลาแสนอร่อยอิ่มแล้วก็เข้าไปนอนต่ออีกนานเลยจนได้เวลาใกล้เที่ยง
ดวงใจจึงเข้าไปเปิดประตูห้องนอนลูกสาวเพราะไม่อยากให้นอนทับตะวันและเป็นเวลาอาหารมื้อเที่ยงแล้ว
แอร๊ด...เสียงเปิดประตู
"ตื่นแล้วเหรอลูกสาวแม่..มากินมื้อเที่ยงกับแม่มะ มียำไข่ดาว ปลานิลทอด ผัดผักรวมอุดมไปด้วยผักนานาชนิด กับข้าวสวยร้อน ๆ สนใจมั๊ยคะ.."
"อื้อ...สนใจค่ะ หิวขึ้นมาทันทีเลย..วันหยุดนี่หนูกินแล้วก็นอนจริง ๆ เลย ไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ ว่าจะเอาตำรามาอ่านก็ไม่ได้อ่านเลย..."
"ก็หนูเพิ่งออกเวรดึกมาเมื่อเช้านี่เองลูก ก็ต้องเพลียเป็นธรรมดาแหละ..ปะ ไปกินมื้อเที่ยงกัน"
"เอ๊ะ แม่คะ หนู้คุ้น ๆ ว่า เมื่อสาย ๆ หนูหิวแล้วตื่นมากินข้าว มีข้าวต้มปลาด้วยค่ะ หรือว่าหนูละเมอ ก็แม่ไม่ทำข้าวต้มปลาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ แม่บอกว่าไม่เซียน กลัวคาว"
"นี่เราไม่ได้นอนจนเบลอร์ละซิ ก็พี่พิทยาของหนูละซิมาทำให้ นู่นยังเหลืออยู่เลย แต่แม่ตักใส่กล่องแล้วใส่ตู้เย็นไว้ แม่ว่าจะอุ่นกินก่อนนอนไม่อยากทิ้ง เสียดายเพราะอร่อยมาก"
"งั้นแม่เผื่อหนูด้วยนะคะ เราจะกินข้าวต้มมื้อดึกกันสองคน ฮ่า ฮ่า ฮ่า" แล้วสองแม่ลูกหัวเราะขึ้นพร้อมกัน