“อืม...วงเครื่องสาย พวกเชลโล่ ไวโอลิน ฉันให้คุณนุสบาผู้จัดการห้องอาหารกับบาร์ของที่นี่ติดต่อให้มาเล่นเพราะแขกยุโรปรีเควสต์ (ร้องขอ) อยากฟังแบบแสดงสด ก็เอา...จัดให้แขกไป”
นัยน์ตาสีฟ้ามรกตเข้มขึ้นทันที่ที่ปรีชาพูดจบ เขาไม่ได้คิดถึงอะไรนอกจากผู้หญิงเห็นแก่ได้คนนั้นที่ล่อลวงเขาเป็นสะพานทอดไปหาเงินตรา
“ฉันไม่ชอบฟัง! นายจะฟังนายก็ฟังไปคนเดียวเถอะ ปิเอโร่!”
“เฮ้! ริค... นายเป็นอะไร อย่าปฏิเสธกันแบบนี้สิ ดนตรีพวกนี้ก็อยู่ในสายเลือดของอิตาเลียนอย่างนายไม่ใช่เหรอ ทำไมนึกไม่อยากฟังขึ้นมา ฉันจำได้ว่าตอนอยู่มหาลัยนายชอบไปดูการแสดงออเคสตร้าอยู่เป็นประจำ ชอบพูดกับฉันว่าฟังเพลงคลาสสิคเพราะคิดถึงบ้าน”
“เวลาเปลี่ยน คนเราก็ไม่มีวันเหมือนเดิม เมื่อก่อนฉันชอบ แต่ตอนนี้ฉันเกลียดมันเข้ากระดูกดำ ของที่เกลียดไปแล้วจะให้มานึกชอบใหม่ไม่ใช่ลอวเรนซ์คนนี้แน่!”
“เป็นอะไรของนายวะ!” ปรีชาลุกขึ้นเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงสแล็กขณะมองผิวสีแทนทองบนร่างสูงใหญ่กำยำที่ใบหน้าคมคายนั้นเครียดตึงทันทีเมื่อเพื่อนสนิทพูดเรื่องที่ไม่คิดว่าคนฟังจะโกรธ หนุ่มไทยส่ายหน้าก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ก็ยังชัดเจน
“นึกเสียว่าฉันขอร้องก็แล้วกันคืนนี้ ฉันอุตส่าห์บอกคุณนุสบาผู้จัดการกับนักดนตรีที่เขาจะมาเล่นที่ห้องอาหารว่าหุ้นส่วนใหญ่ของโรงแรมชอบฟังเพลงคลาสสิคมาก นายจะฟังเพลงเดียวแล้วกลับฉันก็ไม่ว่า แต่อยากให้สตาฟได้เห็นหน้าเป็นกำลังใจก็พอ”
คนพูดเดินออกจากห้องไปแล้วโดยไม่ทันเห็นคนที่นั่งอยู่ขบกรามเข้าหากันแน่นจนนูนเป็นสันด้วยความเคียดแค้นในใจ เขาเลิกฟังเพลงที่เคยชอบจนถึงขั้นเรียกว่ารักพวกนี้ไปนานแล้วตั้งแต่ความฝันของตัวเองพังทลายไปจนหมดด้วยน้ำมือของผู้หญิงที่ตีค่าตัวเองเป็นเงินแค่สิบล้านบาทก่อนเขี่ยเขาทิ้งอย่างไม่ใยดี
มัสมิน เธียรธรากุล
เขายังท่องชื่อนี้ได้ขึ้นใจที่เธอสลัดเขาทิ้งไปหลังเรียกเงินจากบิดาเป็นค่าเสียเวลาแสดงความรักกับคนอย่างเขาด้วยตัวเลขสูงลิ่ว ลอวเรนซ์เคยรักผู้หญิงคนนั้นมากจนถึงขนาดอยากตกร่องปล่องชิ้นอยากอยู่กับเธอไปจนชั่วชีวิต ทว่าสิ่งที่ได้ตอบแทนคือคำโกหกปลิ้นปล้อนทำให้เขาหัวปั่นจนแทบบ้าและเมื่อถูกหักหลังจากคนหิวเงินแล้งไร้ความจริงใจความโกรธเกลียดชิงชังเท่านั้นที่มันกัดกร่อนหัวใจจนชาด้าน ไม่ว่าที่ไหนหรือเมื่อไหร่หากเขาได้พบมัสมินอีกครั้ง การเอาคืนให้พินาศกันไปข้างคือสิ่งตอบแทนไม่มีคำว่าปราณี
********************
“นุ่น...นุ่นสวยมากเลยนะคืนนี้ แหม...เธอคงรู้ใช่มั้ยล่ะว่าหุ้นส่วนใหญ่ของคุณปรีชาจะมาฟังพวกเราเล่นไวโอลินที่ห้องอาหารของโรงแรม”
พัชชุลีทักทายเพื่อนสาวอย่างอารมณ์ดีขณะหิ้วกระเป๋าไวโอลินเข้ามาที่ม้าหินยาวตรงระเบียงทางเดินซึ่งทอดไปยังห้องอาหารอันหรูหราของ เซลิโน่ รีสอร์ท แอนด์ เรสสิเดนท์ เธอนั่งลงข้าง ๆ มัสมินซึ่งงดงามอยู่ในชุดราตรียาวสีขาวไหล่เบี่ยงเผยนวลเนื้อขาวเนียนของไหล่อีกข้างเคลียด้วยเรือนผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้มดั่งเทพธิดากรีก
“นุ่นก็แต่งแบบนี้ของนุ่นเป็นปกตินะ ลี ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหุ้นส่วนใหญ่ของเซลิโน่จะมาคืนนี้ และถึงเขามามันก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับนุ่นเลย เพราะนุ่นต้องเล่นไวโอลินทุกวันอยู่แล้ว”
“ลีว่ามันอาจจะสำคัญก็ได้นะ หุ้นส่วนใหญ่ของโรงแรมหรูขนาดนี้น่ะไม่ธรรมดาหรอกนะจ๊ะ คุณนุสบาผู้จัดการห้องอาหารบอกว่าหุ้นส่วนใหญ่ของที่นี่เป็นชาวต่างชาติ หล่อมากถึงมากที่สุด เธอบอกว่าเขาเป็นผู้ชายทรงเสน่ห์ ดูดีดึงดูดใจโดยไม่ต้องทำอะไรเลย ลีล่ะอยากเห็นตัวจริงว่าจะเป็นอย่างที่เขาร่ำลือกันหรือเปล่า อืม...นุ่น...ดูนุ่นจะรักไวโอลินตัวนี้มากเลยนะ พอว่างลีเห็นนุ่นชอบนั่งลูบมันเหมือนลูบสัตว์เลี้ยงยังไงยังงั้น คงเป็นของที่มีความหมายกับนุ่นมาก”
หญิงสาวในชุดราตรีปักเลื่อมสีนิลก้มลงมองไวโอลินแสนสวยบนตักของมัสมินด้วยแววตาชื่นชมระคนสงสัย เธอมักเห็นเพื่อนของเธอนั่งพิศดูเครื่องดนตรีที่ทำจากไม้ด้วยฝีมือละเอียดลออซึ่งในฐานะผู้เล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้แค่มองแวบเดียวก็รู้ว่ามันไม่ได้ผลิตในประเทศแถมราคาคงสูงลิบอย่างมิต้องกังขา มันอาจมีความเชื่อมโยงกับแววตาเศร้าสร้อยที่ปิดไม่มิดของมัสมินตั้งแต่เดินทางมาถึงที่นี่ตามคำชวนของเธอ เกาะแสนงามรายล้อมด้วยน้ำทะเลใสและบรรยากาศอันน่าสุขสันต์ หากทว่ามัสมินเหมือนคนอมทุกข์ไม่ยอมเผยความนัยที่แอบซ่อนไว้ภายใต้กรอบวงหน้ารูปไข่แสนสวยราวหน้ากากแก้วของนางละคร
“ไวโอลินตัวนี้มีความหมายกับนุ่นมากจ้ะลี มันเป็นของรักของนุ่นที่ใครคนหนึ่งซื้อให้นุ่นเป็นของขวัญวันเกิด”
“ใครกันจ๊ะนุ่น...ท่าทางเขาคงรักนุ่นมาก ไวโอลินตัวนี้ไม่ใช่ของราคาถูก ๆ เลยนะ”
มัสมินหันมายิ้มกับพัชชุลีใต้แสงจันทร์เต็มดวงและเกลียวน้ำสะท้อนเงาเงินยวงระยับในท้องทะเล
“เป็นของคนที่นุ่นรัก แต่ตอนนี้เขาจากไปแล้ว...เราเลิกกันแล้วล่ะจ้ะ”
“นี่ใช่มั้ยเป็นเหตุผลที่ทำให้นุ่นรับปากลีว่าจะมาสมุยโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ลีสงสัยตั้งแต่นุ่นมาถึงที่นี่แล้ว ขอโทษนะจ๊ะ ลีไม่น่าถามเรื่องที่ทำให้นุ่นต้องคิดมากอย่างนี้เลย”
“ไม่เป็นไรหรอกนะลี เราต่างจากกันด้วยดีต่างหากล่ะจ๊ะ” ว่าพลางก้มลงมองเข็มบนเรือนเวลาบนข้อมือบอกว่าเธอและเพื่อนสาวควรไปถึงห้องอาหารของโรงแรมในตอนนี้