บทที่-7-สายเปย์ตัวจริง
“ทองไม่ได้ไป เพราะอาจะไปกับหนูสุสองคน” คำพูดของอาสาว ทำให้สุพรรณษาเกิดใจสั่นแปลก ๆ คำพูดเหมือนมีเลศนัยบางอย่าง โดยที่ไม่อาจจะรู้ได้
“หนูสุไม่สะดวกไปกับอาเหรอ งั้นอาคงต้องไปคนเดียวสินะ” เมื่อเห็นว่าสาวสวยอึ้งไป เพลงพิชชาจึงแกล้งเอ่ยตัดรอน
“เปล่าค่ะ หนูไปได้ แต่หนูไม่มีชุดนี่คะ” ใครจะไม่อยากไป ยิ่งเธอไปแบบนี้ก็จะได้เห็นไง ว่าคู่หมั้นของคุณอามีหน้าตายังไง นิสัยดีไหม อีกอย่างถ้าเธอไปด้วย อาพิชจะได้ไม่ไปกับคู่หมั้นด้วย และคงไม่ไปนอนด้วยกันแน่ ๆ แววตาของสุพรรณษาคมกล้าขึ้นโดยที่เพลงพิชชาไม่ทันได้เห็น
“เดี๋ยวอาพาไปซื้อชุดในห้าง” สายเปย์ก็มา
“เคค่ะ” คนสวยแก้มแทบปริ ยังไงก็ได้ในตอนนี้ ญาติหนุ่มถึงกับตาโต ที่น้าสาวกำลังจะเปย์หลานนอกไส้ เขานั้นรู้ดีว่าน้าพิชคนสวยไม่ได้มีใจพิศวาสผู้ชาย แล้วจะไม่ให้เขาระทึกใจได้ยังไง
“เรากลับบ้านไปเลยนะทอง น้าจะไปห้างเลย” บอกกับหลานชายเพียงคนเดียว
“ได้ครับ”
หลังจากนั้นรถตู้คันหรูก็จอดสนิท ทองธนา เม็ดทราย และจอมขวัญก็ออกจากรถตู้ เพื่อขึ้นรถของตนที่ตามมาติด ๆ หลังจากนั้น รถของเพลงพิชชาก็มุ่งหน้าไปที่ห้างหรู
ในรถเพื่อนสามคนต่างก็นั่งมองหน้ากัน บางอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้น มันทำให้เม็ดทรายรู้สึกตงิดในใจ ความรู้สึกเหมือนชายหนุ่มกำลังไล่ต้อนผู้หญิงที่ถูกใจเข้ามาในกรงทองยังไงไม่รู้
แต่ที่มันค้างคาก็เพราะว่า ทั้งสองคนเป็นผู้หญิง ความจริง เพศเดียวกันแต่งงานกันก็เยอะนะ แต่ในกรณีนี้ มันจะยากไปนิด
เพราะเพื่อนของเธอเป็นหลาน แม้จะคนละสายเลือด แต่ทางสังคมก็รับรู้ แล้วมันจะถูกครหาหรือเปล่า อีกอย่าง เพลงพิชชาก็เป็นนักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ มีทั้งเงินและอำนาจอยู่ในมือ แล้วจะมีใครที่จะยินดี หากว่า นักธุรกิจคนสวยมีใจรักกับหลานสาวของตัวเอง
ต่างคนต่างคิดไปในทางเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย จู่ ๆ ทั้งสามก็พูดพร้อมกัน
“กูกลัว”
“มันจะดีเหรอ”
“แปลก ๆ แฮะ”
แล้วก็มองหน้ากัน
“แปลกยังไง” เม็ดทรายถามจอมขวัญ
“เอ๋า ก็อาพิชเป็นอาของไอ้สุไง…แล้วคนอื่นเขาจะมองยังไงวะ” สิ่งที่เพื่อนพูดมันตรงกับใจของเธอเป็นอย่างมาก จึงพยักหน้าหงึกหงัก
“อือ นั่นดิ แล้วนายล่ะ ทอง”
“อย่างที่ขวัญบอกนั่นแหละ มันดีแน่เหรอ ฉันกลัว” ทองธนาเป็นห่วงคนเป็นน้าและญาติเพียงคนเดียว
“เฮ้อ นั่นสิ กูก็กลัวเหมือนกัน”
ที่ห้างหรูแห่งหนึ่ง เพลงพิชชานำพาสุพรรณษาไปเลือกชุดสวย หญิงสาวเลือกอย่างไม่รู้เรื่องในแฟชั่นต่าง ๆ สุดท้าย คนที่เลือกให้ก็คือคุณอาคนสวย
“หนูสุเอาชุดนี้ดีไหม” เพลงพิชชาเลือกชุดหรูมาให้หลานสาวคนใหม่ สาวจากแดนที่ราบสูงมองดูชุดเดรสสีโอลด์โรสซึ่งดูแล้วน่าจะขับผิวของเธอให้ขาวผ่องมีออร่าพอสมควร ที่ด้านหน้าดูเหมือนจะเรียบร้อย แต่ด้านหลังกลับคว้านลึกจนถึงเอวบาง ซึ่งสวยถูกใจหญิงสาวมาก แต่ดูราคาแล้ว ถึงกับผงะ ใบหน้าถอดสี ชุดอะไรทำไมแพงโคตร ๆ
“สวยค่ะ แต่แพงมาก” หลานสาวคนสวยพูด
เพียะ !!
แขนเรียวถูกคุณอาคนงามตีเข้าให้
“นี่อาจะซื้อให้นะ ไม่ใช่หนูสุซื้อเอง จะได้มาบ่นว่าแพง” เพลงพิชชาว่า ดูเหมือนหลานสาวของเธอคงจะลืม ว่ามีอาชื่อเพลงพิชชา และร่ำรวยขนาดไหน ถ้าราคาไม่กี่หมื่นยังซื้อไม่ได้ เรื่องอื่นคงไม่ต้องพูดถึงแล้วล่ะ
“….” สุพรรณษาอึ้งไปนิด เมื่อคิดตามแล้วต้องยิ้มแหยกันเลยทีเดียว
“แฮร่ หนูลืมค่ะ ถ้างั้นเอาชุดนี้แหละค่ะ” ยิ้มแห้ง ๆ ส่งไปให้อาสุดสวย
“เค เอาชุดนี้ค่ะ” นักธุรกิจสาวยื่นชุดให้พนักงานก่อนจะไปนั่งเงียบ ๆ ที่โซฟามองดูสาวหลายคนเลือกชุดไป ก็สังเกตหลานของตนไปด้วย
หลานสาวคนใหม่นี้ สวย น่ารัก และดูสดใสร่าเริงมาก ในเมื่อสวยมากแบบนี้ ที่มหาวิทยาลัยคงมีหนุ่ม ๆ จีบเยอะเป็นแน่ เมื่อคิดไปถึงว่าหลานคนสวยแอ่นกายระแน้ให้ชายอื่นทิ่มแทง เพลงพิชชาก็มีแววตาวาววับและแน่นในอกขึ้นมากะทันหัน
ซึ่งคนที่ผ่านโลกมาจนถึงสามสิบสี่ปีจะไม่เข้าใจ มันคงจะเป็นไปไม่ได้
“อาพิชคะ” สุพรรณษาเรียกผู้เป็นอา
“…..” เพลงพิชชายังคงเงียบ
“อาพิชคะ” เรียกอีกครั้ง
“.….” แต่คนเป็นอาก็ยังคงเงียบ จนหลานสาวขมวดคิ้วมุ่น อาเธอเป็นอะไร ทำไมถึงได้เหม่อแบบนี้ด้วย หญิงสาวมองไปตามสายตาของผู้เป็นอาไปแล้วก็หน้าตึงเล็กน้อย เพราะสายตาคู่สวยของเพลงพิชชา หยุดอยู่ที่ผู้หญิงสามคนกำลังเลือกเสื้อผ้า คราวนี้ เลเวลการเรียกจึงเพิ่มระดับขึ้น
“อาพิชคะ จ่ายเงินได้แล้วค่ะ”
“ห่ะ? หนูสุว่าไงนะ อาไม่ได้ยิน” ถามหลานกลับไป ผู้เป็นหลานพลันหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“หนูบอกว่า จ่ายเงินได้แล้วค่ะ” บอกกับผู้เป็นอา พลางมองอาคนสวยนิ่ง ๆ เพลงพิชชาจึงเปิดกระเป๋าสตางค์ยื่นบัตรเครดิตไปให้ พนักงานรับบัตรเครดิตและเดินไปที่เคาน์เตอร์ เพื่อคิดเงิน
ความหงุดหงิดยังไม่จางหายไป หญิงสาวจากดินแดนที่ราบสูงจึงเดินออกไปจากร้าน แล้วมายืนดูตรงรั้วกั้น เพื่อมองดูผู้คนในชั้นต่าง ๆ เห็นความสับสนวุ่นวายแล้วก็ค่อยสงบลง
เมื่อพนักงานเดินกลับมา พร้อมกับถุงใส่เสื้อผ้าแล้วยื่นบัตรเครดิตให้กับคนเป็นเจ้าของ เพลงพิชชารับมาแล้วเซ็นชื่อในบิล ก่อนจะรับถุงเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากร้านไป ไม่สนสายตาของพนักงานในร้านเสื้อสักนิด ว่ามองตามกันอย่างชื่นชมแค่ไหน ที่เห็นคนสวยอย่างเธอ
“ไปกันเถอะหนูสุ”
20.45 น. ที่ลานจอดรถในคอนโดหรู ของนางแบบชื่อดัง เพลงพิชชานั่งมองหลานสาวคนใหม่ก็อดขำไม่ได้ เธอเป็นคนสวยมาก เมื่อแต่งหน้าแต่งตัวแล้วก็ยิ่งสวยสุด ๆ แต่เพราะความไม่เคยแต่งจึงออกเขิน ๆ เลยได้แต่นั่งกระมิดกระเมี้ยนไม่กล้าจะลงจากรถ
“ลงไปเถอะ ไม่ต้องอาย คนที่เขาแต่งแบบหนูสุมีเยอะมาก และอาจะบอกนะ หนูสุของอา สวยมาก” พูดให้กำลังใจหลานสาว แต่แอบแฝงบางอย่างในใจ ทำให้สุพรรณษาข่มกลั้นความความขัดเขินลง แล้วใจเต้นแรงขึ้นมาแทน
“…..” ใบหน้าสวยสดแดงก่ำเล็กน้อย พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ กัดฟันเปิดประตูลงมา เพลงพิชชารีบลงมายืนเคียงข้างกลับข่มให้หญิงสาวจากแดนไกลเตี้ยลงถนัดตา
นักธุรกิจสาวสูงมาก สูงถึง 189 C. ซึ่งเกินมาตรฐานหญิงไทยไปตั้งเยอะ แต่เธอกลับสูงแค่ 167 C. เอง แตกต่างราวฟ้ากับเหว เลยทำให้สาวจากที่ราบสูงน่าทนุถนอมสุด ๆ
คุณอาคนสวยมองภาพความแตกต่าง ทว่า ลงตัวด้วยหัวใจอุ่นวาบ พลางเอื้อมมือมาจับข้อมือของหลานสาวให้เดินเข้าไปด้านในด้วยกัน ไม่นำพาว่าคนที่ถูกจับจะมีอาการยังไง
สุพรรณษาอึ้งที่อีกคนจับมือของเธอ หัวใจสาวนั้นเต้นรัวเร็วด้วยความตื่นเต้นและพองฟู จนแทบระงับอาการไม่อยู่ แม่เจ้า เธออยากจะกรี๊ดให้ลั่นโลก!!
“…..”
นักธุรกิจคนสวยคิ้มขมวด เมื่อนึกขึ้นมาได้ ว่าลืมกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดอยู่ในรถ
กึก!!
เพลงพิชชาจึงหยุดการเดินกะทันหัน เป็นเหตุให้สุพรรณษาที่ไม่ทันได้มองถึงกับชนกึกเข้าที่กลางหลังของคนเดินนำหน้าเต็มแรง
“อะ…” ถึงกับเซ แต่มือนุ่มรีบตวัดกายสาวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้คนที่ไม่ทันตั้งตัวต้องตกอยู่ในวงแขนของอาสาวไปโดยปริยาย
“อะ อาพิช” คนสวยตกใจเสียงสั่น
“…..” เพลงพิชชาได้กลิ่นหอมละมุนจากกายหลานสาว จู่ ๆ ช่อดอกไม้งามกลางกายได้เกิดปฏิกิริยาบางอย่าง นั่นคือ การเต้นตุบ ตุบ ของช่อผกา
“อืม…” กัดฟันข่มความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ ทว่า สิ่งที่อดกลั้นอย่างยากลำบาก กลับเล็ดลอดออกมาประจานตัวเองด้วยน้ำเสียงแหบต่ำซะนี่ นักธุรกิจคนดังมั่นใจว่าหลานสาวคนสวยของเธอคงรับรู้ได้ เพราะร่างกายอวบอัดได้เกร็งค้างแปลก ๆ
“อะ อาพิช” เมื่อเจอกับสถานการณ์แบบเข้า สาวอีสานเองก็มึนงงไปชั่วขณะ
“อาลืมของ หนูสุรออาอยู่ตรงนี้แป๊บนึงนะ”
ไม่ต้องรออนุญาต คุณอาคนใหม่รีบผละออกจากกายงามอย่างรวดเร็ว
“ฟู่ววววว์” เมื่อพ้นจากขีดอันตราย สองสาวต่างวัยก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เพลงพิชชารีบกลับไปที่รถ นำกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือ พร้อมทั้งดอกไม้ช่องามที่สั่งทำเป็นพิเศษมาด้วย
ท่วงท่าการเดินของหญิงนักธุรกิจ เต็มไปด้วยมาดนางพญาและน่าเกรงขาม ความมีอิทธิพลในเมืองไทย ทำให้ทุกคนไม่กล้างัดข้อด้วย เพราะมีอำนาจสั่งเป็นสั่งตายได้ หากไม่พอใจขึ้นมา
“รออานานไหม” พูดแก้เก้อ
“ไม่ค่ะ” น้ำเสียงยังคงแปร่งปร่า แสดงว่าอารมณ์ยังไม่คงที่
“งั้นเราเข้าไปกันเถอะ” ชักชวนหลานสาวคนสวยเข้าไปในลิฟท์ ซึ่งสุพรรณษาเองก็เดินตามต้อย ๆ เช่นกัน
ภายในลิฟท์ความเงียบงันที่เกิดขึ้น ก่อให้สองสาวรู้สึกอึดอัด ภาพที่เผลอกอดกัน มันวาบเข้าสู่สมองสาวอีสาน หน้างามพลันแดงระเรื่อ ฟ้องให้คนอายุมากกว่าเห็นได้อย่างชัดเจน
ดวงตาคู่คม จึงเผลอมองความงามนั้นอย่างไม่ละสายตา
ในห้องของนางแบบชื่อดัง ตอนนี้มีแขกรับเชิญมาหลายคนแล้ว เมื่อเพลงพิชชาก้าวเข้ามาด้านใน
“หนูสุมาสิ” ยื่นมือไปหาทำให้ทุกคนมองตาม ก่อนจะกระพริบตาปริบ ๆ เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งสวยมากเดินเข้ามาด้านใน พร้อมทั้งยื่นมือของตนมาจับที่มือนุ่มของนักธุรกิจสาวเสียงฮือฮาก็ดังอยู่ทุกทิศทาง
และเมื่อทุกคนต่างก็ยิ่งสงสัย อยากรู้ ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แถมไม่ได้มีชื่อเสียงจนถึงขั้นที่เจ้าของงานจะเชิญมา
เมื่อจับจูงหลานสาวเดินเข้ามาด้านใน แสงแฟลชก็ปะทะเข้าที่ใบหน้าของทั้งคู่ งานนี้มีนักข่าวมาด้วย คงเป็นข่าวดังในวันำพรุ่งนี้แน่นอน เพราะนักข่าวทุกคนที่มาที่นี่คือมาหาข่าวของนางแบบคนดังและนักธุรกิจสาว รวมทั้งที่เคยออกข่าวไปเมื่ออาทิตยก่อนว่ามีคนคุยแล้ว ทุกคนจึงรอคอยว่า ใครคือคนนั้น ซึ่งนางแบบคนดังก็มั่นใจเหลือเกิน ว่าคนในข่าวจะมา แต่สุดท้ายก็มา Surprise ซะเอง