พิมพ์ภิษาก้าวออกจากรถ ที่จอดไว้ตั้งแต่ประตูรั้ว ด้วยกลัวเสียงจะแล่นเข้าหูพ่อ พลอยจะไม่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจก่อน ยืนมองบ้านทรงไทยเก่า แต่ตั้งแต่สมัยปู่ย่าด้วยความรู้สึกหดหู่เหลือล้น
นี่คงเป็นครั้งสุดท้าย จะได้มายืนอยู่บ้านที่ตัวเองเกิดและเติบโตมา รวมทั้งสวนที่เคยวิ่งเล่นกับน้องๆ เช่นกัน
สองเท้าก้าวเดินลัดเลาะเข้าไปในสวนส้มโอ แทนการตรงเข้าไปในตัวบ้านอย่างเคยทำมา ด้วยรู้ดีว่าถ้าพ่อเห็นคงจะเป็นเรื่อง คนอื่นก็คงจะเดือดร้อนตามเหมือนครั้งก่อน
จำได้ดีว่าน้าดาถูกฝ่ามือพ่อไปตั้งหลายครั้ง จากการเอาตัวมาขวางไว้ พอคิดถึง น้ำตามันก็พาลจะไหล แต่ก็ต้องรีบหักห้ามเอาไว้ เมื่อเดินใกล้ถึงจุดที่นัดน้าดาและน้องๆ ไว้
“พี่ไวน์”
น้องคนเล็กดีใจแล้วรีบวิ่งเข้ามาสวมกอดพี่ ส่วนพี่นั้นก็กอดน้องไว้ด้วยความรักไม่ต่างกัน น้องคนกลางพลอยเดินมากอดด้วยความรักพี่ไม่ต่างกัน
“คุณไวน์เป็นยังไงบ้างคะ น้าเป็นห่วงแทบแย่ ไลน์ไปก็ไม่เห็นตอบน้าเลย”
ลัดดาเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา ราวกับกลัวสามีมาได้ยิน ทั้งๆ ที่ตรงนี้ห่างจากบ้านไกลพอสมควร พิมพ์ภิษายิ้มให้แล้วละมือจากตัวน้องทั้งสองไปเปิดกระเป๋าสะพาย เพราะไม่อยากอยู่นานกลัวพ่อจะสงสัย
“ไวน์เอานี่มาให้น้าดาค่ะ เป็นค่ารักษาคุณพ่อแล้วก็ค่าเทอมดีกับดี้ ที่เหลือน้าดาก็เก็บไว้ใช้จ่ายนะคะ อาจจะไม่มากแต่ก็คงพอใช้ไปได้สักระยะค่ะ”
ลัดดามองของในซองสีน้ำตาลแล้วก็ตกใจ
“นี่เหรอคะที่บอกว่าไม่มาก คุณไวน์ไปเอาเงินมาจากไหนคะ แล้วเอามาให้น้าทำไมคะ”
ธนบัตรสีเทาเจ็ดปึกในซองทำให้ลัดดาอดสงสัยถึงสาเหตุและที่มาของเงินไม่ได้
“ไม่มากหรอกค่ะน้าดา นี่อาจจะเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่ไวน์จะมีให้แล้ว”
“ทำไมคุณไวน์พูดอย่างนี้คะ คุณไวน์จะไปไหนคะ”
“นั่นสิคะพี่ไวน์”
น้องสาวทั้งสองก็พลอยตกใจในข้อสงสัยของแม่ไปด้วย เลยเดินเข้ามาสวมกอดพี่ไว้อีกครั้ง ราวกับไม่ยอมให้ไปไหนน้ำตาก็ไหลออกมาแทบจะพร้อมกัน
ส่วนคนเป็นพี่สาวก็กอดน้องทั้งสองไว้ แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาไม่แพ้กัน มันเป็นภาพที่ลัดดาเห็นแล้วทั้งดีใจและสะเทือนใจ
จะมีพี่น้องต่างแม่บ้านไหนรักใคร่กันแบบนี้บ้าง ส่วนตัวเองนั้นก็รักพิมพ์ภิษาไม่ต่างจากลูก เพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก
“พี่ต้องไปจ้ะ ดีกับดี้ต้องดูแลคุณพ่อแทนพี่แล้วนะ และต้องเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนให้จบ จะได้มีงานดีๆ ทำ เป็นที่พึ่งของทุกคน”
“คุณไวน์จะไปไหนคะ ทำไมถึงสั่งเสียเหมือนจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีก”
ลัดดารู้แน่แล้วว่าเดาไม่ผิด ยิ่งมองสามชีวิตกอดกันกลมตรงหน้า ยิ่งน้ำตาไหลเพราะความสะเทือนใจ
“ไวน์บอกไม่ได้ค่ะน้าดา แล้วก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ไวน์จะได้มาหาอีก น้าดาเก็บเงินไว้ดีๆ นะคะ เอาไปเข้าแบงค์ไว้ อย่าให้คุณพ่อรู้เด็ดขาด เอาน้องๆ ไปเป็นเพื่อนด้วยก็ได้ค่ะ ไวน์ต้องไปแล้วค่ะ”
“พี่ไวน์! ทำไมต้องไปด้วย อยู่กับเราไม่ได้เหรอคะ”
น้องเล็กส่งเสียงสั่นเครือมาหา
“ไม่ได้หรอกจ้ะ มันเป็นข้อตกลงระหว่างพี่กับเจ้าของเงิน พี่ไปนะจ๊ะ อย่าลืมเป็นเด็กดีนะ”
คนพี่ละมือออกจากน้อง แล้วส่งยิ้มทั้งน้ำตาให้ ก่อนจะยกมือไหว้น้าดาด้วยความอาลัยรักไม่น้อย เพราะรองจากย่าแล้ว ก็มีน้าดานี่เอง ที่คอยเลี้ยงดูมา จึงรักและเคารพราวกับเป็นแม่ของตัวเอง
“ไวน์ไปนะคะน้าดา ฝากคุณพ่อด้วย รีบๆ พาน้องกลับเข้าบ้านเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อจะสงสัย พี่ไปนะจ๊ะ”
พิมพ์ภิษารีบหันหลังให้สามคนทั้งน้ำตา แล้วก้าวเดินอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวตัวเองจะเปลี่ยนใจหันกลับไปหาอีก ไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องมาพลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอนแบบไร้การติดต่อกันอย่างนี้
แต่นี่ก็คงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนแล้ว
พอเดินไปถึงรถได้ ก็รีบขับออกไปทันที แม้ไม่คิดว่าพ่อจะเห็น แต่ก็ไม่กล้าอ้อยอิ่งอยู่แถวนั้นนาน รังแต่จะทำให้ความทรงจำในวันเก่าๆ กับสภาพแวดล้อมรอบตัวโลดแล่นเข้ามาสร้างความสลดหดหู่ให้เปล่าๆ
บรรยากาศครื้มฟ้าครื้มฝน เมื่อหญิงสาวขับรถใกล้ถึงคอนโด ใบไม้ภายนอกปลิวไสวไปตามแรงลม พอจอดรถไว้ใต้อาคารได้ ก็รีบสะพายกระเป๋าเดินผ่านเคาน์เตอร์ไป
ไม่คิดจะหันมองใครเหมือนทุกครั้ง เพราะไม่ชอบสายตาพนักงานหลายต่อหลายคนที่มองมาหาและเอาไปซุบซิบนินทากันให้สนุกปาก
กระเป๋าเสื้อผ้าที่จัดไว้ก่อนออกไปธนาคารและไปบ้านสวน ยังคงอยู่ที่เดิมเมื่อเข้าไปในห้องแล้ว แม้ตอนแรกตั้งใจว่าจะแค่ขึ้นมาเอากระเป๋าแล้วก็จะรีบไป
แต่สุดท้ายก็ยังไม่วายหยุดยืนอยู่กลางห้อง มองไปรอบๆ อยู่ดี มันมีความทรงจำทั้งดีและร้ายอยู่มากมาย
เธอก็บอกกับตัวเองไว้แล้ว ว่าจะไม่มีวันกลับมาเยี่ยมเยือนที่นี่อีกตลอดไป และจะทิ้งความทรงจำอันเลวร้ายกับเขาไว้ที่นี่ พอๆ กับที่คิดจะทิ้งความทรงจำอันเลวร้ายจากพ่อไว้ที่บ้าน
เพราะมองไม่เห็นประโยชน์อะไรจะเก็บมาใส่ใจ รังแต่จะสร้างความทุกข์ให้ไม่มีวันสิ้นสุด
ชีวิตใหม่ที่ไม่มีเขาหรือไม่มีใครนอกจากลูก จะต้องเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข และรอยยิ้ม ความเจ็บช้ำทั้งหมดที่มี เธอจะไม่ให้ลูกได้รับรู้อีกต่อไปแล้ว ลูกผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร จึงไม่ควรจะมารับสิ่งไม่ดี ตั้งแต่ยังไม่ลืมตามาดูโลกอีกต่อไปแล้ว