มือบางเลื่อนลงไปลูบตรงที่มีลูกอยู่ในนั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตวันข้างหน้าที่มีร่วมกันจะเป็นยังไง แม่คนนี้จะรักษาชีวิตลูกเอาไว้ได้มากน้อยแค่ไหน
หรือถ้าได้ ก็ไม่รู้ว่าแม่จะทนกับความทุกข์ใจแบบนี้ไปได้มากน้อยแค่ไหน แม่อยากให้ลูกรู้เหลือเกิน ว่าตอนนี้แม่เจ็บ เจ็บกับการกระทำจากพ่อของลูก
ถ้าย้อนเวลากลับมาได้ หญิงสาวบอกกับตัวเองว่า จะไม่พาตัวเข้ามาข้องเกี่ยวกับเขา จะไม่สนใจว่าพ่อจะรักหรือไม่ยังไง จะไม่คิดถึงใครนอกจากตัวเอง จะได้ไม่ต้องมานั่งเจ็บอยู่แบบนี้
ยิ่งคิดถึงสิ่งที่ตัวเองลงทุนทุ่มลงไป กับผลที่ได้กลับมาด้วยแล้ว มันช่างหาความคุ้มค่าอย่างที่คาดคิดไว้ไม่มี
ภาพเด็กสาวนั่งร้องไห้มาหลายชั่วโมง สร้างความสะเทือนใจให้ย่าเงิน ขณะกำลังยืนอยู่ตรงหน้าต่างแล้วมองออกไปไม่น้อย แม้ไม่อยากยุ่ง และไม่อยากรู้ต้นสายปลายเหตุเลยสักนิด
แต่มีบางอย่างสะกิดให้ต้องค้นหาคำตอบ จะด้วยความสงสารในตัวเด็กสาว หรือเพราะอะไรนั้นก็ยากจะให้คำตอบตรงๆ ได้
ย่าเงินจึงเดินไปห้องนั่งเล่น อยู่อีกมุมของบ้าน มีประตูกระจกบานใหญ่ เปิดกว้างไว้ให้ได้เห็นวิวสุมทุมพุ่มไม้ในสวน
ลมพัดเย็นๆ โชยเข้ามาโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมแต่อย่างใด ละไมนั่งจัดของอยู่ไม่ห่าง
“ละไม! ทำอะไรเสร็จแล้วช่วยไปหานมอุ่นๆ มาให้ย่าที จะเอาไปให้แม่หนูคนนั้นหน่อย”
“ค่ะ”
ละไมรีบจัดแจงข้าวของจนเสร็จ แล้วก็ออกจากห้องไป ทิ้งให้คนนั่งอยู่บนเบาะสี่เหลี่ยมถอนหายใจออกมาหนักๆ ด้วยไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองจะทำตอนนี้จะมีผลตามมายังไง
จะผิดหรือถูกมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าจะให้เมินเฉยต่อไปก็คงทำไม่ได้แน่
“คุณย่าคะ ได้แล้วค่ะ”
ย่าเงินรับแก้วนมมาถือไว้ แล้วเดินออกจากห้องตรงไปยังระเบียงน้ำ วางแก้วลงโต๊ะกลาง
แล้วขึ้นไปนั่งบนม้าโยกอีกตัวข้างๆ กัน จ้องมองสองมือบางกำลังเช็ดน้ำตาออกจากแก้มอย่างรวดเร็ว
“ย่าเอานมมาให้แน่ะแม่หนู ดื่มก่อนสิ ตั้งแต่เช้ายังไม่กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ”
“ขอบพระคุณค่ะคุณย่า”
พิมพ์ภิษายกมือที่ยังเปื้อนคราบน้ำตา ไหว้ขอบคุณด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แล้วยกแก้วนมขึ้นจิบ แม้ไม่อยากจะกลืนอะไรลงไป แต่ก็ไม่กล้าทำให้ผู้ใหญ่เสียน้ำใจแต่อย่างใด
“แม่หนูเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันจ๊ะ”
ย่าเงินไม่คิดจะคะยั้นคะยอคนวางแก้วนมลงบนโต๊ะ แม้จะจิบไปแค่ครั้งเดียว เพราะมีเรื่องอยากถามอยากคุยมากกว่า ส่วนพิมพ์ภิษาก็ไม่รู้จะบอกยังไง
ในเมื่อเพิ่งรู้มาว่าตัวเองเป็นลูกชู้ นั่นแปลว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ แต่จะบอกแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อมันเหมือนสาวไส้ให้กากินโดยแท้
“ไวน์เป็นลูกพ่อขจรกับแม่ศุภิษา วัฒนากรณ์ค่ะ” คนถามถึงกับถอนหายใจหนักๆ ออกมา และเพื่อขอความแน่ใจ เลยฝืนใจถามออกไปอีกครั้ง
“จริงเหรอ แล้วบ้านแม่หนูอยู่ไหนจ๊ะ”
“อยู่นครไชยศรีค่ะ”
ย่าเงินปิดเปลือกตาลงแล้วถอนหายใจหนักๆ อีกคำรบ ราวกับจะบอกว่าเรื่องที่สงสัยไว้แต่แรกไม่มีผิดเพี้ยน
“แล้วแม่หนูรู้จักกับเจ้าเบียร์ได้ยังไง ไหนลองเล่าให้ย่าฟังหน่อยซิ นั่นเป็นสาเหตุทำให้แม่หนู นั่งร้องไห้อยู่เป็นชั่วโมงๆ หรือเปล่า”
เธอหรือจะกล้าบอกความจริงออกไปได้ ในเมื่อไม่รู้จักคนตรงหน้าด้วยซ้ำ เลยมีท่าทีอ้ำอึ้งให้เห็น
“บอกย่ามาเถอะนะแม่หนู บอกความจริงทุกอย่างอย่าปิดบังย่า รับรองว่าไม่มีใครทำอะไรแม่หนูได้หรอก โดยเฉพาะเจ้าเบียร์ ย่าสัญญา!”
พอเห็นสีหน้าและแววตาของคนตรงหน้า ว่าจริงจังและจริงใจแล้ว ไม่รู้อะไรดลใจให้พิมพ์ภิษายอมเปิดปากบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ทั้งน้ำตาอยู่เป็นนาน
แต่ก็มีเรื่องลูกที่แอบเก็บงำไว้ เพราะยังไงๆ ก็ไม่กล้าไว้ใจใครได้หมดเสียทีเดียว ในเมื่อบทเรียนราคาแพงมีให้เห็นแล้ว
“ตายจริง! ทำไมเจ้าหลานของย่าถึงได้เป็นคนแบบนี้นะ กลับมานี่จะตีให้ก้นลายทีเดียว”
ย่าเงินบ่นด้วยความเจ็บใจไม่น้อย เมื่อรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว มือก็ส่งทิชชูให้คนตรงหน้าเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มนับตั้งแต่เริ่มเล่ากระทั่งตอนนี้
“แล้วแม่หนูจะทำยังไงต่อไปล่ะ หรืออยากให้ย่าช่วยอะไรบ้าง บอกย่ามาเถอะไม่ต้องเกรงใจ”
“ไม่เป็นไรค่ะ อีกแค่สามเดือนก็จะครบสัญญาแล้วค่ะ”
“แล้วถ้าไอ้เจ้าหลานตัวดีของย่า ไม่ยอมทำตามสัญญาอีกล่ะ แม่หนูจะทำยังไง จะต้องทนอยู่อย่างนี้ต่อไปเหรอ”
พิมพ์ภิษาถึงกับพูดไม่ออก เพราะตัวเองก็ใช่ว่าจะมั่นใจนัก ในเมื่อเขาเคยไม่รักษาสัญญาให้เห็นมาแล้วครั้งหนึ่ง
การจะมีครั้งที่สองนั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ และถ้าถึงตอนนั้นจะทำยังไงก็ยังไม่ได้คิดไว้ ไหนจะลูกในท้องอีก
“ย่าเลี้ยงหลานมากับมือ ย่ารู้ว่าหลานย่าเป็นคนยังไง เรื่องเจ้าคิดเจ้าแค้น เรื่องไม่ยอมแพ้ใคร มันมีในสายเลือดเหมือนพ่อมันไม่มีผิด ย่าถึงได้ถามแม่หนูไงล่ะ”
พิมพ์ภิษาก็ยังคงนั่งนิ่งไม่ออกความคิดเห็นอะไร เพราะตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหายังไงเช่นกัน ในเมื่อจะขยับขยายอะไรก็มีเงินเป็นตัวกำหนดไว้แบบนี้
ส่วนย่าเงินก็มองไม่เห็นประโยชน์อะไร จะให้หลานชายเพียงคนเดียว ทรมานผู้หญิงถึงสองคนในเวลาเดียวกัน
“เอาอย่างนี้นะแม่หนู ย่าจะช่วยออกเงินที่หลานย่ากั๊กไว้ให้แม่หนูเอง แล้วจะเพิ่มเงินค่ารักษาพ่อเรา ค่าเลี้ยงดูแม่กับน้องๆ ของเราให้อีกก้อน แล้วแม่หนูก็ไปจากหลานย่าซะ และต้องสัญญากับย่าด้วย ว่าจะไม่ติดต่อกลับมาหามันอีก แบบนี้แม่หนูคิดว่าดีมั้ย”