ถ้าให้คะเน บ้านของคุณย่าน่าจะกินเนื้อที่ไม่ต่ำกว่ายี่สิบไร่ ต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นเต็มไปหมด เลยคิดว่าจะใช้เวลาในช่วงบ่ายเดินสำรวจตรวจตราให้รอบ
จะได้ไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น
“อาหารมาแล้วค่ะคุณ”
แม้ไม่หิว แต่ก็จำต้องลุกไปนั่งพับเพียบกับพื้น จ้องมองอาหารบนตั่งไม้สักเก่าแก่แต่สะอาดเอี่ยม ผัดซีอิ้วเส้นใหญ่ พร้อมซุปอะไรสักอย่าง มีผลไม้รวมอีกหนึ่งจาน
“ถ้าอิ่มแล้วก็ทิ้งไว้ตรงนี้นะคะ ป้าเข้าสวนก่อน ออกมาแล้วจะเก็บเองค่ะ”
“ขอบคุณค่ะป้า”
หญิงสาวไม่คิดจะทำแบบนั้น แต่ก็ไม่อยากเปิดปากคุยกับใคร พอป้าใจดีลุกไปแล้ว ก็ตักอาหารคำแรกของวันเข้าปาก อิ่มแล้วก็ยกเข้าไปล้างเก็บในครัวด้วยตัวเอง
จากนั้นก็เดินดูต้นไม้ใบหญ้าในสวนไปเรื่อยๆ พยายามปล่อยหัวใจให้สบายไม่คิดถึงใครหรืออะไร นานหลายชั่วโมงถึงกลับเข้าบ้าน
ถึงเวลาอาหารเย็นก็นั่งกินอยู่ที่เดิมเพียงคนเดียว แล้วไปนั่งรับลมอยู่ระเบียงริมน้ำจนดึกดื่นก็ยังไม่รู้สึกง่วง ราวเที่ยงคืนถึงเห็นย่าของเขากลับเข้าบ้าน เลยรีบลุกเข้าห้อง จะได้ไม่เกะกะลูกตาผู้ใหญ่
“ยังไม่นอนอีกเหรอจ๊ะแม่หนู”
พิมพ์ภิษาหันไปหาย่าของเขาแล้วส่งยิ้มบางๆ ให้ ในใจนั้นก็อบอุ่นกับน้ำเสียงอันนุ่มนวลขึ้นมาไม่น้อย เลยเดินตรงเข้าไปหาแล้วตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลท่าทีนอบน้อม
“กำลังจะไปค่ะคุณย่า”
“ดีแล้วล่ะ ดึกมากแล้ว เอ่อ! ตาเบียร์ฝากของมาให้หนูแน่ะ”
แม้ไม่รู้ว่าในซองเป็นอะไร แต่หญิงสาวก็ยกมือไหว้แล้วรับมาถือไว้ “ย่าจะไปนอนล่ะ เหนื่อยมาตั้งแต่เช้าแล้ว”
“ค่ะ”
อีกครั้งที่มือบางยกไหว้ผู้อาวุโส แล้วยืนรอจนท่านเดินเข้าห้อง มีละไมถือกระเป๋าตามเข้าไป ตัวเองถึงได้กลับห้องบ้าง และแม้อยากจะรู้ว่าในซองที่เขาฝากมาคืออะไร
แต่อีกใจก็ยังไม่อยากเปิดดู เลยอาบน้ำเพื่อให้เนื้อตัวสบาย แล้วเข้านอนทันที
เพราะคิดว่าถึงเวลาลูกในท้องต้องพักผ่อนแล้ว และน่าอัศจรรย์ใจยิ่งที่นอนไม่นานก็หลับไป
พอได้นอนเต็มอิ่มแล้ว ก็ทำให้ตื่นแต่เช้าได้และด้วยหัวใจก็ปลอดโปร่งไม่น้อย ตั้งใจว่าอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะลงไปเดินเล่นในสวน รับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า
ลูกจะได้สดชื่นไปด้วย แต่ก็ไม่วายหันไปมองซองสีน้ำตาล ด้านในไม่รู้เป็นอะไร แต่มีน้ำหนักพอสมควร
เลยตัดสินใจถือติดมือไปด้วย บ้านเงียบเชียบราวไม่มีใคร ได้ยินเสียงถ้วยชามดังมาจากใครครัว แปลว่าป้ารวยคงกำลังจะเตรียมมื้อเช้า เดินตรงไปนั่งม้าโยก ที่ตั้งไว้มุมสุดของระเบียงและอยู่ไกลมากพอ
จะไม่ได้ยินเสียงอะไร เพราะอยากนั่งรับลมเย็นๆ เพียงลำพัง มือบางเปิดซองออกมาก็พบว่ามีไอแพดอยู่ด้านใน
‘คุณไม่ให้ของขวัญวันแต่งงาน ผมเลยเป็นฝ่ายทำให้คุณแทน เปิดดูสิว่ามีอะไรอยู่ข้างใน’
มีโน๊ตเขียนด้วยลายมือเขาแปะไว้ตรงหน้าจอ ลูกศรชี้ไปตรงวีดีโอ ความที่ไม่ได้คิดอะไรเลยทำตามเขาบอกไว้ แต่แล้วหัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาในทันที เมื่อภาพงานแต่งของเขาปรากฏขึ้น
มือบางวางไอแพดลงบนโต๊ะข้างม้าโยก ดวงตาคู่เศร้าปิดลงช้าๆ สองมือดึงผ้าคลุมไหล่เข้าหากัน เมื่อรู้สึกว่าภายในกำลังหนาวเหน็บและเจ็บร้าวกับของขวัญจากเขา
ภาพเขากับเจ้าสาวกำลังมีความสุขยังคงเด่นชัดราวตัวเองอยู่ในงานด้วยก็ไม่ปาน ภาพเขากำลังบรรจงสวมแหวนเพชรเม็ดโตให้เธอคนนั้น
ภาพทั้งสองในชุดไทยเรียบหรู กำลังโอบกอดกันให้ช่างภาพถ่ายรูปเก็บไว้ ท่ามกลางรอยยิ้มของผู้คนในงานช่วงเช้า ไปจนถึงงานเลี้ยงตอนเย็น ที่จัดยิ่งใหญ่อลังการ
ผู้คนนับพันมาร่วมงานในโรงแรมระดับห้าดาว สองบ่าวสาวในชุดสีขาวสะอาดตากำลังยิ้มอย่างมีความสุข
ผิดกับคนนอนปิดเปลือกตาอยู่ตรงนี้ มีแต่ความทุกข์รุมเร้า แม้ภายนอกจะนั่งเอนหลังอยู่แน่นิ่ง ปล่อยให้น้ำตาไหลรินอาบออกมาสักแค่ไหน แต่ภายในนั้นช่างเจ็บช้ำจนอยากจะหนีไปให้ไกลๆ แม้บอกตัวเองนับร้อยครั้ง
ว่าความสัมพันธ์ระหว่างกัน มันไม่มีอะไรมากไปกว่าความใคร่ของเขา แต่หญิงสาวผู้ไม่เคยพานพบชายใดมาก่อน กลับเผลอใจรักเขาเต็มเปา
‘รักทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาเป็นคนใจร้ายมากแค่ไหน’
‘รักทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาทำร้ายเธอและคนในครอบครัวยังไง’
‘รักทั้งๆ ที่รู้ว่าหัวใจเขาไม่มีที่ว่างให้ใครนอกจากเธอคนนั้น’
สองแขนเรียวยกขึ้นกอดอกด้วยความหนาวเหน็บ รู้สึกคิดถึงย่าผู้จากไปอย่างไม่เคยมีมาก่อน ถ้าย่าอยู่คงได้ซบหน้าร้องไห้กับอกแล้ว แต่ตอนนี้เธอไม่มีใคร
ชีวิตไม่หลงเหลือใครหรืออะไรอีกแล้ว มีเพียงน้ำตาไหลรินมาเท่านั้นคอยเป็นเพื่อน คอยให้ระบายความคับแค้นในใจที่มี
ภาพฝ่ามือพ่อที่ฟาดลงมาตรงแก้ม ลอยเข้ามาตอกย้ำให้ช้ำชอกกว่าที่เป็น ภาพใบหน้าของเขาในวันที่ยืนบอกหน้าตาเฉยเรื่องสัญญาอันสับปลับ
เขาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยด้วยซ้ำ นั่นแปลว่าเขาตั้งใจจะไม่ทำตามคำพูดมาตั้งแต่แรก เธอเองโง่ไปเชื่อเขา จนต้องเอาตัวเข้าไปแลก
กายบอบบางยังคงนั่งนิ่งไร้การเคลื่อนไหวใดๆ มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่ไหลรินออกมา เมื่อคิดทบทวนถึงชีวิตเก้าเดือนที่ผ่านมาโดยมีเขาเข้ามาข้องเกี่ยว
ยิ่งมีภาพความสุขของเขากับเจ้าสาวแสนสวยไหลเข้ามารวมกันด้วยแล้ว ยิ่งตอกย้ำซ้ำเติมให้หัวใจน้อยๆ ดวงนี้เจ็บหนึบหนับได้ไม่ยาก