หญิงสาวไม่คิดจะตอบ เพราะรู้ว่าเขาเองก็ไม่ได้ต้องการมัน สิ่งที่เขาต้องการนั้น คือแนบกายกำยำมาหา โน้มใบหน้าอันหล่อเหลาลงกับริมฝีปากนุ่มนิ่ม
แล้วดูดดื่มอย่างแผ่วเบา กายสาวก็สะท้านหวั่นไหวไปด้วย เมื่อบราเซียร์ตัวน้อย ถูกเขากำจัดให้พ้นทาง ก่อนจะช้อนเอาตัวเบาหวิวตรงไปหาเตียงสี่เสา
ดวงตาคู่เศร้าหลับพริ้มลง ระหว่างเขาใช้เวลาเปลื้องเสื้อผ้าออกจากกาย ไม่นานแพนตี้สีหวานก็ถูกเขาดึงออกไปทางปลายเท้า หญิงสาวไม่คิดจะต่อต้านเหมือนหลายครั้งที่ทำมา
นับตั้งแต่มีปัญหาเรื่องสัญญาอันสับปลับของเขา ราวกับจะให้บทรักในค่ำคืนนี้เป็นของขวัญงานแต่งของเขาก็ไม่ปาน
ส่วนเขาก็ราวกับอยากมอบความหอมหวานซาบซ่านทรวงให้ ก่อนจะมีใครเป็นเจ้าของอย่างถูกต้องทุกประการเช่นกัน ทุกการเคลื่อนไหวของเขาจึงเป็นไปด้วยความอ่อนช้อย อ้อยอิ่ง
หญิงสาวถึงกับเผลอยกสองแขนขึ้นโอบกอดกายเขาไว้ ทั้งๆ ที่หลายๆ ครั้งจะทำแค่นอนแน่นิ่ง ปล่อยให้เขาทำอะไรก็ได้ตามใจ
“ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา เราแทบไม่เคยห่างกันเลยแม้แต่คืนเดียว ผมรู้ว่าคุณเกลียดผม แต่อย่าเผลอนอนคิดถึงตอนผมไปฮันนีมูนก็แล้วกันล่ะ”
แม้น้ำเสียงของเขาจะนุ่มนวล แต่มันก็ทิ่มแทงหัวใจอันบาดเจ็บได้ไม่ยาก เมื่อได้ยิน แต่หญิงสาวจะไม่เอามาใส่ใจ และจะซึมซับเอาบทรักอันหอมหวานนี้ไว้ในความทรงจำเท่านั้น
ปล่อยให้เรื่องอื่นเป็นไปตามแต่โชคชะตาจะนำพา
“อ่าส์!!!”
ทุกเรื่องในหัวเหมือนจะหดหายไป เมื่อมีกายกำยำของเขาล่วงล้ำเข้าหาในท่วงท่านุ่มนวล กระนั้นก็ยังสร้างความกระสันเสียวให้ได้ไม่ยากเย็นนัก
ความรักท่ามกลางความขัดแย้ง ท่ามกลางความเจ็บช้ำพรั่งพรูออกมาอย่างยากจะหลีกเลี่ยงได้ แม้จะบอกตัวเองให้เลิกรักเขา แต่ภายในนั้นไม่อาจจะควบคุมได้
“ไวน์จ๋า! ผมมีความสุขที่สุดเลย ผมต้องการคุณ ต้องการมากกว่านี้ ต้องการตลอดไป”
ชายหนุ่มเปลี่ยนความนุ่มนวลเป็นแข็งกร้าวขึ้นมาในเวลาไม่นานนัก ด้วยกายเบื้องล่างนั้นจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แน่ ถ้าไม่ได้ปลดปล่อยความหิวกระหายออกไปในไม่ช้า
เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ต้องการเธอมากมายขนาดนี้ นี่ผิดปกติจากที่เคยเป็น เขาแทบไม่เคยคบหาใครนานเกินหกเดือนก็ต้องเปลี่ยนแล้ว
แต่กับเธอคนนี้!
เขามีแต่ความต้องการไม่จบสิ้น ทุกครั้งที่คิดว่าจะต้องปล่อยเธอไป ใจเขาร้อนรนจนแทบทนไม่ได้
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องเก็บเธอไว้ และทำไมต้องเอามาฝากไว้กับย่า
เพราะกลัวเธอจะหนีหน้าเขาไป จินตนาการไม่ออกว่าตัวเองจะเป็นยังไง โดยเฉพาะไปทั้งๆ ที่เธอเกลียดเขาอย่างนี้
“อื๊อ!”
“ไวน์จ๋า! มีความสุขเหมือนผมมั้ย ผมมีความสุขที่สุดเวลาได้อยู่กับคุณ อยู่กับผมนะ อย่าหนีผมไปไหน”
เจ้าของเรือนกายที่กำลังนอนตะแคงหันหลังให้เขาต้องหลับตาพริ้มลง เมื่อมีแผงอนกว้างของเขาเบียดเข้าหา วงแขนแข็งแรงโอบกอดเอาไว้ น้ำตาแห่งความเสียใจก็ไหลรินออกมา
ด้วยเจ็บปวดจนเกินจะประเมินได้ กับน้ำคำที่หลั่งไหลออกมาจากปากของเขา เขาคงไม่รู้หรอกว่า เวลานี้เขาเป็นสุข
แต่สำหรับเธอนั้นมันคือความทุกข์ และหาสาเหตุไม่ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ระหว่างการที่เขากำลังจะจากไปเข้าสู่ประตูวิวาห์
กับการต้องทนอยู่เป็นเครื่องปนเปรอความสุขให้เขาอย่างคนไร้ความหมายใดๆ มือบางดึงผ้านวมขึ้นไปเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม เพราะไม่อยากให้เขารู้หรือเห็นว่ากำลังร้องไห้
“คุณเสียใจมากเหรอไวน์ คุณทุกข์ทรมานมากเหรอเวลาอยู่กับผม”
แต่ดูเหมือนจะสายไป เพราะเสียงสืบน้ำมูกไหลเข้าหูเขา หญิงสาวไม่ได้ว่าอะไร นอกจากนอนปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาโดยไม่ปิดบัง ในเมื่อเขารู้แล้ว
“คุณคงอยากจะไปจากผมมากสินะ อย่าหวัง! ไม่มีวันที่ผมจะปล่อยคุณไปแน่ คุณต้องอยู่กับผมอย่างนี้ จนกว่าคุณจะรักผม จำเอาไว้ด้วย!”
คฑาธรผุดลุกขึ้นนั่งทันที เพราะอารมณ์สุนทรีย์หดหายไป เมื่อได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นดังเข้าหู รู้ว่าเธอเกลียดเขา และรู้ว่าเธอเป็นทุกข์เวลาอยู่กับเขา
แต่เขาก็เกลียดตัวเองที่ปล่อยเธอไปไม่ได้สักที ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
พอหันมองไปหาคนนอนหันหลงให้ไม่ไหวติง นอกจากได้ยินเสียงสืบน้ำมูกติดๆ กัน นั่นทำให้เขาทนฟังหรือทนอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้
จนต้องลุกพรวดพราดไปคว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างรวดเร็ว
“อยากร้องไห้นักใช่มั้ย เชิญตามสบาย ร้องให้ถึงเช้าไปเลย”
พิมพ์ภิษาไม่ได้หันไปมองเขา แต่รับรู้ว่าเขาหุนหันออกจากห้องไปแล้ว
ไม่นานก็ได้ยินเสียงสปอร์ตหรูของเขาแล่นออกไป แม้ไม่รู้ว่าเขาจะไปไหน แต่ก็ไม่คิดจะสนใจ
ได้แต่นอนปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาเป็นเพื่อนเท่านั้น นานเท่านานกว่าจะหลับไปพร้อมน้ำตา
ตอนตอกย้ำและซ้ำเติม
พิมพ์ภิษาไม่รู้สึกหิวด้วยซ้ำ แต่จำต้องคิดถึงลูกในท้อง เลยยอมออกจากห้องนอนในตอนใกล้เที่ยง บ้านเงียบเชียบราวไม่มีใครอยู่ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคงจะไปงานแต่งของเขา
หญิงสาวบอกตัวเองให้หยุดคิด และห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล เพราะเมื่อคืนได้สูญเสียน้ำตาไปมากมายเพราะเขาแล้ว
“คุณหิวหรือยังคะ ป้าจะทำมื้อเที่ยงให้ ว่าแต่อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ”
แม่ครัวร่างอวบที่เห็นหน้ากันเมื่อคืนนี้ เดินเข้ามาหาด้วยท่าทีนอบน้อม พิมพ์ภิษาฝืนยิ้มให้ด้วยความขอบคุณก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่ม
“อะไรก็ได้ค่ะป้า ขอบคุณค่ะ”
“งั้นไปรอป้าตรงระเบียงริมน้ำเลยนะคะ เดี๋ยวป้ายกไปให้ค่ะ”
หญิงสาวก้าวเดินจากโถงไปยังระเบียงไม้กว้างใหญ่ ผ่านศาลาไปนั่งหย่อนขาลงในผืนน้ำ จ้องมองดอกบัวเต็มบึง ไกลออกไปถึงจะเห็นกำแพงสูง