“แน่นอนอยู่แล้ว ผมจะลืมได้ยังไงครับพ่อ ก็อย่างที่บอกนั่นล่ะ จะเล่นมันให้เจ็บเราต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ เฉือนมันทีละนิดๆ จะได้ละเลียดความเจ็บปวดไปนานๆ ก่อนตายไง”
เขาเชื่อคำแนะนำของลูกเสมอ เพราะลูกมักจะบอกว่าให้ใจเย็นๆ รอเวลาเหมาะสม จะได้เพิ่มความเจ็บปวดให้ศัตรูมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ และอะไรจะทำให้ศัตรูเจ็บปวดมากขึ้นได้
แต่ก็ไม่อยากถามเพราะเชื่อแน่ ว่าลูกมีวิธีเอาคืนชนิดไอ้คนที่มันเคยทำกับชีวิตและคนในครอบครัว ต้องไม่มีวันลืมลงอย่างแน่นอน
“เอ่อพ่อ! อาทิตย์หน้าให้ป้าผายกับพอดีช่วยดูแลบ้านให้เรียบร้อยหน่อยนะ แมกกาซีนอะไรสักอย่างจะมาสัมภาษณ์ ผม อยากให้บ้านดูดีในสายตาคนทั้งโลก”
“ได้เลยไอ้เสือ! เดี๋ยวบ่ายๆ จะบอกให้ ว่าแต่นัดวันที่เท่าไหร่ล่ะ”
“ผมจำไม่ได้ เดี๋ยวให้เลขาโทรมาบอกก็แล้วกัน”
“จะถ่ายตรงไหน มากันกี่คน”
“เห็นว่าจะถ่ายเกือบทั้งบ้านนะ ส่วนคนก็คงจะไม่หนีห้าหรอก อ้อ! ช่วยเตรียมอาหารไว้ด้วยก็แล้วกัน จะสั่งโรงแรมหรือร้านไหนก็ตามใจพ่อ แต่! ขอหรูๆ นะ ผมไม่อยากเป็นขี้ปากให้พวกนี้เอากลับไปนินทาว่าเราขี้เหนียว”
“ได้สิ เรื่องแค่นี้ จิ๊บจ๊อยมาก แกก็รู้ว่าถ้ามีเงินแล้วอะไรๆ ก็สั่งได้ทั้งนั้น”
ไพทัชยิ้มกริ่มกับคำพูดของตัวเอง เพราะมันคือความจริง ไม่ว่าจะสมัยนี้หรือสมัยไหนๆ ถ้าไม่มีเงินทุกอย่างก็ดูจะยุ่งยากไปหมด แต่พอมีใบเบิกทางเอาไปฟาดหัวผู้คนเท่านั้น ทุกอย่างก็แทบจะมากองอยู่แทบเท้าของเขากับลูกแล้ว
“เออเนี่ยเบียร์! ช่วงนี้ไปหาย่าบ้างหรือเปล่า วันก่อนโทรบ่นฉันใหญ่เลย ว่าแกหายหัวไปเป็นเดือนๆ แล้ว ว่างๆ ก็ไปบ้างนะ”
คฑาธรได้แต่นอนนิ่งฟัง ไม่รู้จะตอบอะไรออกมาดี ช่วงนี้เขาห่างจากย่าจริงๆ เพราะรู้ดีว่าไปแล้วจะต้องถูกเทศนากัณฑ์ใหญ่เกี่ยวกับความประพฤติของเขา แล้วย่าก็มักจะบ่นตลอดหรือไม่ก็ถามตลอด ว่า
‘เมื่อไหร่จะแต่งงานสักทีละเบียร์’
‘เมื่อไหร่จะมีเหลนให้ย่าอุ้มสักที จะรอให้ย่าไปอยู่วัดก่อนใช่มั้ย’
“ว่างัยล่ะเบียร์! จะไปได้เมื่อไหร่ถ้าย่าโทรมาฉันจะได้บอกถูก”
“เอาไว้ผมขอคิดดูก่อนแล้วกันนะครับ พอดีช่วงนี้ยุ่งมากเลย ไม่รู้จะจัดตารางเวลายังไง อีกอย่าง ไปทีก็ต้องนั่งฟังย่าบ่นเป็นครึ่งค่อนวัน บอกตรงๆ นะ ผมเบื่อ”
ไพทัชมองลูกแล้วยิ้มน้อยๆ เพราะเข้าใจดีว่าจะต้องเจออะไร อย่าว่าแต่ลูกเลย แม้แต่เขาเป็นพ่อ ก็ถูกแม่บ่นสารพัดเรื่อง เขาก็จำต้องเอาหูทวนลม นอนให้แม่บ่นเป็นครึ่งค่อนวันเหมือนกัน
พิมพ์ภิษาจ้องมองของสด สำหรับไว้ทำอาหารเที่ยง คือก๋วยเตี๋ยวราดหน้าเส้นใหญ่ทะเลอยู่ในจาน ยังไม่ได้ลงมือปรุง เพราะอยากรอให้เขามาถึงก่อน
จะได้กินร้อนๆ เลยหันไปหามะพร้าวขูด ซื้อมาจากตลาดพร้อมกระชอน เพราะเชื่อแน่ว่าในห้องนี้ไม่มีให้ จะทำลอดช่องแตงไทยกระทิสดเป็นของหวาน
แล้วจัดการคั้นเอาหัวกะทิข้นๆ แยกออกไว้ จะได้ใช้ทำอาหารเย็นด้วย ส่วนหางก็แบ่งไว้อีกกล่อง เสร็จก็ปอกแตงไทยลูกไม่ใหญ่มาก หั่นเป็นชิ้นพอดีคำใส่ชามปิดด้วยแผ่นฟิล์มเอาไปไว้ในตู้เย็น
ลอดช่อง เทใส่ชามแก้วใบใหญ่แช่น้ำไว้ แต่ไม่ใส่ในตู้เย็นเพราะจะทำให้แข็ง กินไม่อร่อย
แม้ในใจอยากไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนลงมือปรุง แต่ใบหน้าสวยใสหันไปหาประตู แล้วมีเขาก้าวเข้ามา นั่นเป็นสัญญาณว่าได้เวลาทำแล้ว
เธอไม่ได้ถามอะไรนอกจากเปิดเตาตั้งหม้อ เพื่อทำน้ำราดหน้า ส่วนเส้นนั้นผัดไว้แล้วและถูกจัดวางใส่จานใบใหญ่เรียบร้อยแล้ว
คฑาธรเปลี่ยนใจจากการเดินเข้าห้องนอน เป็นตรงมาในครัว สองแขนแข็งแรงสอดเข้าไปกอดเอวคอดกิ่ว ของคนกำลังจ้องมองหม้อด้ามจับยาวๆ มีควันโชยออกมา
ส่วนมือก็ถือชาม เขาเข้าใจว่ามีหมูหมัก เลยหมดสิทธิ์ห้ามปรามไม่ให้มืออันอยู่ไม่สุขของเขาขยับเขยื้อนไปส่วนอื่นๆได้
จมูกโด่งเป็นสันฉกลงไปหาแก้มนุ่มอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าทำแบบนั้นทำไม ปกติแล้วความหวานกับเขาไม่ค่อยจะได้อยู่ใกล้กันสักเท่าไหร่ และปกติอีกเช่นกัน
เขามักจะทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง ไม่ได้หยุดหลายๆ วันเพื่อใช้กับการต้อนรับผู้หญิง ที่เขาตกลงใจจะเลี้ยงดูปูเสื่อในช่วงระยะสั้นๆ เลยแม้แต่คนเดียว
แต่กับเธอเขาดันทำ
“เที่ยงนี้ทำอะไรให้ผมกินเหรอ! หอมจังเลย”
ที่ว่าหอมนั้น หมายถึงแก้มนุ่ม เขาฉกลงไปสูดดมอย่างรวดเร็วมากกว่า ยิ่งไม่เห็นเธอว่าอะไร ยิ่งได้ใจฉกลงไปใหม่อีกครั้ง แต่คราวนี้เจ้าของแก้มบ่ายหน้าหลบทันที
และแม้จะไม่ชอบการกระทำของเขามากแค่ไหน แต่ก็พยายามใช้วาจากับโทนเสียงให้เป็นปกติ เพื่อการอยู่ร่วมกันจะได้เป็นไปแบบราบรื่น
“คุณถอยไปก่อนสิคะ ฉันจะทำราดหน้าให้ค่ะ”
“ก็ได้ครับแม่ครัวคนสวย ไว้อิ่มแล้วเราค่อยว่ากันเรื่องอื่น”
คฑาธรยอมรามือแต่โดยดี เพราะเห็นว่าหม้อบนเตาเริ่มเดือดปุดๆ แล้ว เลยไม่อยากอยู่ให้แม่ครัวรำคาญใจ จึงเดินไปนั่งรอด้วยความอารมณ์ดี
สายตาคู่คมจับจ้องอยู่กับร่างผอมบาง หยิบโน่นฉวยนี่ใส่ลงในหม้ออย่างคล่องแคล่ว
ไม่นาน จานใบใหญ่ก็มาวางอยู่ตรงหน้า มีควันโชยขึ้นส่งกลิ่นหอมน่ากินไม่น้อย ผักหลายชนิดยังคงมีสีเขียวสด ไม่บอกก็รู้ว่าผู้หญิงคนใหม่ของเขา มีฝีมือทางด้านงานครัวแค่ไหน
“อื๊ม! กลิ่นหอมน่ากินจัง สงสัยเที่ยงนี้ผมคงต้องเบิ้ล....อีกจานแน่ๆ เลยล่ะ”