ดังนั้นจึงจำต้องค่อยๆ หยัดกายให้ลุก กวาดบิกินี่ร่วงหล่นจากเตียงไปอยู่คนละทิศขึ้นมาจ้องมองอีกครั้ง
“สีชมพูก็แล้วกันวันนี้” เขาตัดสินใจให้เธอโดยไม่ต้องเอ่ยปากถาม
“ฉันใส่ผ้าปาเรโอไว้อีกชั้นได้หรือเปล่าคะ”
หญิงสาวหันไปหาเขาขณะยกผ้า Pareo[1] จากกระเป๋าที่หอบใส่มาด้วยให้ดู คฑาธรนอนหนุนมือตัวเองครุ่นคิดอยู่นิดหนึ่งก่อนจะต่อรองด้วยความอารมณ์ดี
“ใส่ปิดท่อนล่างไว้ แต่ข้างบนห้าม เร็วๆ เราต้องไปอาบน้ำแล้ว เดี๋ยวเพื่อนผมจะคิดไปในทางอื่น เพราะผมขึ้นมานานแล้ว”ไม่บอกเปล่า เขายังอุ้มเธอขึ้นพาตรงไปยังห้องน้ำทันทีอีกด้วย
พิมพ์ภิษาแทบอยากจะกลับขึ้นห้อง เมื่อถูกเขาจูงมือเดินไปหาผองเพื่อน กำลังนั่งดื่มเหล้าคละเคล้านารีอยู่จุดเดิม เพราะให้อายเหลือกำลังกับสภาพเกือบจะเปลือยท่อนบนของตัวเอง
แต่ถูกมือหนากำแขนไว้แน่น แถมพาเดินไปนั่งลงกับเปลไม้สักเนื้อดี มีเหลือแค่อันเดียวอีกต่างหาก นั่นแปลว่าเธอจะต้องนั่งเบียดกับเขา เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ มีสาวนุ่งน้อยคอยคลอเคลียอยู่ไม่มีผิดเพี้ยน
“เดี๋ยวนีจะไปดูกับแกล้มในครัวให้นะคะ ใกล้หมดแล้วนี่”
รัชนีผู้เป็นภรรยาของชยุกรณ์ ซึ่งเป็นเพียงสองในห้าคนที่เธอรู้จัก เอ่ย พร้อมกับลุกขึ้นจากเปลคนละอันกับสามี
“ขอรสเด็ดๆ นะที่รัก”
หมอชยุกรณ์พยักหน้าให้ภรรยา พร้อมสำทับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะหันไปคุยเรื่องที่ค้างไว้กับเพื่อน
“ไวน์! ไปช่วยพี่มั้ย ดูท่าทางแล้วน่าจะทำกับข้าวเป็น”
พิมพ์ภิษาไม่กล้าเอ่ยอะไร นอกจากยิ้มให้คนชวนเท่านั้น เพราะไม่แน่ใจว่าอีกคนนั่งอยู่เปลจะอนุญาตหรือขัดเคืองกันแน่ แต่พอเห็นเขาหันมาหาแล้วพยักหน้าให้เท่านั้น
เธอก็ยิ้มกว้างแล้วรีบลุกเดินไปหามือขาวๆ ของรัชนี ที่ยื่นมาจูงเธอพาเดินเข้าบ้านไปอย่างคนสนิทสนทกัน ทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกันครั้งแรก
“มีอะไรเหลือเป็นกับแกล้มบ้างจ๊ะสาวๆ”
สองคนรับใช้หันมามองเธอกับรัชนี ที่ด้านบนเกือบจะเปลือยให้เห็นอยู่แล้ว สำหรับเธอนั้นอายจนอยากจะหนีไปให้ไกลๆ แต่ไม่เห็นว่ารัชนีจะมีอาการแบบนั้นเลย
นอกจากจะหยิบนั่นจับนี่ในครัวอย่างคล่องแคล่วตามปกติ
“หนุ่มๆ มาพักบ้านนี้บ่อย มาทีก็จะหอบคู่ควงมาอวดกันตลอด แต่ละครั้งไม่เคยซ้ำคนนะ พี่เลยไม่รู้จักสาวคนไหนเลย ส่วนคุณชายทั้งหลาย พอมาแล้วก็เอาแต่นั่งดื่มอยู่ริมสระนั่นล่ะ”
พิมพ์ภิษายิ้มบางๆ ให้ ขณะเข้าไปช่วยจัดจานเอาวางเรียงไว้บนเคาน์เตอร์ ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะใส่อะไร แต่ก็ขอให้ได้หยิบจับงานบ้าง รัชนีเองก็เหมือนจะคิดไม่ออกว่าจะหาอะไรไปให้หนุ่มๆ กินดี เพราะของสดที่ซื้อมาเกือบหมดแล้ว เลยหันไปหาสาวไม่ช่างพูด
“ว่าแต่เราจะทำอะไรเพิ่มดีล่ะไวน์”
มือก็เปิดตู้เย็นดู
“เอ่อ! มีของสดอะไรเหลือบ้างคะ”
พิมพ์ภิษาน่ะพอทำได้ แค่ขอให้รู้ว่ามีอะไรบ้างเท่านั้น
“ไม่มีเลย ของสดยังมาไม่ถึง พี่เพิ่งให้ป้าแจ๋วกับลุงจิตไปซื้อเมื่อกี้เอง สาวๆ มาช่วยดูหน่อยสิจ๊ะ ว่าฉันจะทำอะไรไปให้ยักษ์ข้างนอกกินได้บ้าง”
รัชนีหันไปหาสองสาวที่จนด้วยเกล้าไม่แพ้กัน เพราะถ้ามีคงเอาไปเสิร์ฟให้แล้ว
“ไหนขอไวน์ดูได้มั้ยคะ”
พิมพ์ภิษาเข้าไปยืนตรงตู้เย็น รัชนีหลีกทางให้แต่โดยดี หลังรื้อตู้อยู่สักพักก็ไปเปิดตู้ของแห้ง เห็นมาม่า ปลากระป๋องอยู่ เลยหันไปหาสองสาวน้อยกับหนึ่งสาวใหญ่ที่ใบหน้ายังสวยใสไม่สร่าง
“ทำยำมาม่า กับพล่าปลากระป๋องแล้วกันค่ะ มีพริก หอม มะนาวอยู่ คงพอแก้ขัดได้นะคะ ขาดแค่ตะไคร้คงไม่มีใครว่าอะไรหรอกมั้งคะ”
“ตะไคร้บ้านหนูมี เดี๋ยวนั่งรถเครื่องไปเอามาให้ค่ะ”
หนึ่งในสองสาวรับใช้รีบอาสา เป็นอันว่าเมนูผ่านจากสมาชิกทุกคน
“ให้พี่ช่วยอะไรบ้างจ๊ะไวน์”
พิมพ์ภิษายิ้ม เพราะไม่กล้าออกปากบอกอะไร ได้แต่ขนทุกอย่างในตู้เย็นที่มีอย่างละนิดละหน่อย ออกมาวางไว้บนเคาน์เตอร์ เพื่อตรวจตราดูเท่านั้น รัชนีก็เดินเข้ามาช่วยดูนั่นนี่อย่างคนหวังดี แม้เรื่องงานครัวจะไม่ค่อยถนัดนัก เพราะอยู่บ้านก็มีคนทำให้ไม่ค่อยได้เข้าครัวนัก
“พี่นีรอหั่นตะไคร้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวที่เหลือไวน์กับน้องจัดการเอง”
“เอางั้นเหรอ”
“ค่ะ” รัชนีรีบหลีกทางให้หญิงสาวที่ตัวเองเพิ่งรู้จักอย่างจริงๆ จังๆ ก็เมื่อเดือนก่อน แถมเป็นการรู้จากปากของสามีและในเชิงบ่นด้วยท่าทีเบื่อน้อยๆ ให้ฟังว่า
‘วันนี้ไอ้เบียร์ไปหาพี่ที่โรงพยาบาล แล้วก็ทำท่าจะฉกพนักงานต้อนรับสาวสวยอันดับหนึ่งไปด้วย แถมยังสั่งให้พี่เป็นคนเจรจาค่าตัวด้วยนะนี ดูมันทำสิ ไอ้เพื่อนเวร!’
แล้วเรื่องราวของพิมพ์ภิษา ก็ถูกสามีเอาไปบ่นให้ฟังอีกหลายครั้ง เมื่อข้อเสนอไม่ถูกยอมรับ มาเงียบๆ ก็ตอนทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของคฑาธรแล้วเท่านั้น แต่รัชนีก็ยังไม่วายได้ยินสามีบ่นอีกคำรบว่า
‘ดูมันนะ ได้คนของพี่ไปแล้วนี่เงียบเป็นเป่าสาก โรงพยาบาลไม่เคยโผล่ไปเลย แถมยังหางานด้วยการส่งคนไข้มาให้อีก ไอ้นี่มันร้ายจริงๆ’
รัชนีเคยถามสามีเหมือนกัน ว่าทำไมพิมพ์ภิษาถึงได้ยอมคฑาธร ทั้งๆ ที่ตอนแรกปฏิเสธเสียงแข็ง ชนิดเอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่ เลยได้รู้ว่ามีข้อเสนอเกี่ยวกับการรักษาพ่อเข้ามาด้วย
มุมมองในแง่ลบที่รัชนีเคยมีเลยค่อยลดน้อยลง ยิ่งมาเห็นท่าทีนอบน้อม เจียมเนื้อเจียมตัวตอนนี้ด้วยแล้ว ยิ่งสงสารมากกว่าสองสาวนุ่งสั้นนั่งอยู่ข้างนอกคนละเรื่อง
[1] ผ้าโสร่งสีต่างๆ ที่ใส่กันตามชายหาด pareo