“อื๊อ!!!”
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แบบนั้น เขาแทบไม่ปล่อยให้มีเวลาหายใจด้วยซ้ำ กายกำยำขยับเขยื้อนอย่างคล่องแคล่วว่องไว จนสองแขนหยัดกายอยู่บนโต๊ะนั้นหมดเรี่ยวแรงลง เธอจึงจำเป็นต้องปล่อยให้แผ่นหลังอันเปล่าเปลือย ทาบลงไปบนโต๊ะช้าๆ
และเมื่อเขาเห็นว่ามีสิ่งกีดขวางอยู่ จึงละมือจากการประคองเรียวน่องไปกวาดเอาทุกอย่างออก จนตกลงไปกระจัดกระจายอยู่บนพื้นอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะรีบกลับมาประคองสองเรียวนุ่มให้มั่นคง แล้วมอบความสุขสมให้ เขาเดาได้ไม่ยากว่าเธอกำลังเป็นสุขยิ่งกับรสรักอันเร่าร้อนนี้ และอยากให้บอกเขา มากกว่าจะเก็บงำเอาไว้
แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อเธออายไม่ยอมเลิกรา ทั้งๆ ที่มีห้วงเวลาอันหอมหวานนี้ด้วยกันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
“อื๊อ!!!”
คฑาธรยิ้มเมื่อได้ยินเสียงนี้ แต่ก็ยังไม่รู้จักพอ เขาต้องการได้ยินมากกว่านี้ ต้องการคำอ้อนวอนอันอ่อนหวานจากเธอ และเชื่อแน่ว่า ต่อไปเขาจะทำให้เธอเผลอหลุดคำเหล่านี้ออกมาให้ได้ยินอย่างแน่นอน
แต่ครั้งนี้เขาไม่อาจจะรั้งรอใดๆ ได้แล้ว นอกจากเดินหน้า แล้วพาเธอไปให้ถึงดินแดนอันแสนสุขเท่านั้น
“อ่าส์!!!”
เขาส่งเสียงเรียกพลังเข้าตัว ก่อนจะทุ่มแรงกายทั้งหมดเข้าหาอย่างรุนแรง จนกระทั่งโอบอุ้มเธอไปยืนอยู่ดงดอกไม้นานาพันธุ์ อันแสนสวยงามและวิเศษล้ำ
จ้องมองกายผอมบางนอนหอบหายใจรวยริน อยู่บนโต๊ะด้วยใบหน้าเป็นสุข แล้วค่อยๆ ถอนกายออก อุ้มเธอตรงเข้าห้องไปวางไว้บนเตียงหนานุ่ม
“เรานอนพักสักชั่วโมงก่อน แล้วคุณค่อยออกไปทำมื้อเที่ยงนะ ส่วนผมจะเก็บโต๊ะ”
สิ้นคำก็จูบแก้มนุ่มหนึ่งฟอด ก่อนจะล้มตัวลงนอนกอดเธอเอาไว้ด้วยความอิ่มใจและเป็นสุขยิ่ง เขาไม่เคยรู้สึกเสียดายเม็ดเงิน ที่จ่ายเป็นค่ารักษาพ่อเธอไปสักนิด
เพราะเรือนกายเธอ ช่างตอบแทนคุ้มค่าเกินราคา นี่เป็นแค่ครั้งที่สองของการได้ลิ้มลองสาวบริสุทธิ์ผุดผ่องในชีวิต และเขาก็ประทับใจไม่รู้ลืม กับความหอมหวานซาบซ่านทรวงทั้งสองครั้งสองครา
เป็นอีกเช้าที่พิมพ์ภิษาพบว่า ตื่นมาแล้วไม่เจอเขาอยู่ข้างกาย หันไปมองนาฬิกาบนหัวเตียงเกือบสิบโมงแล้ว รู้ดีถึงสาเหตุของการตื่นมาเวลานี้
นั่นเพราะเขามักจะเรียกร้องไม่รู้จักเบื่อหน่ายในทุกๆ ค่ำคืน เป็นเหตุให้ไร้สิ้นเรี่ยวแรง จนต้องละเลยการทำหน้าที่ตระเตรียมมื้อเช้าให้เขา
หญิงสาวหยัดตัวขึ้นช้าๆ คว้าเสื้อคลุมกองอยู่ปลายเตียงมาห่อหุ้มกายเอาไว้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ เรียกความสดชื่นให้ร่างกาย ด้วยการลงไปนอนแช่น้ำอุ่นๆ ในจากุซซี่
และมันก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ ควบคู่กับการใช้ความคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ระหว่างกันในค่ำคืนที่ผ่านมา
ทุกวันหยุด มีน้อยครั้งมากที่เขาจะออกไปไหน ส่วนใหญ่จะอยู่แต่ในห้องด้วยกันแทบทั้งวันทั้งคืน เขาไม่สนใจว่าจะเรียกร้องจากเธอกี่ครั้ง ดูเหมือนเขาจะต้องการไม่รู้จักจบสิ้น
ไม่รู้ว่าเขาเอาพละกำลังมาจากไหนมากมายนัก แต่เธอก็รู้ว่าตัวเองมีความสุขไปกับรสรักที่เขามอบให้ทุกครั้ง
แม้จะมีความน้อยเนื้อต่ำใจในเรื่องที่เขา ดูเหมือนไม่ให้ความสำคัญระหว่างเธอกับคนรอบข้างของเขา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือครอบครัวของเขา เธอไม่เคยรู้จักและเขาก็ไม่คิดจะเปิดปากบอก ส่วนเธอก็ไม่คิดจะเอ่ยถาม พอๆ กับแต่ละวันเธอจะไม่ถามว่าเขา
‘จะไปไหน!’
‘จะกลับมาเมื่อไหร่!’
เพราะถือว่านั่นไม่ใช่หน้าที่ เขาเองก็คงไม่ชอบใจนัก หากจะถูกผู้หญิงที่เขาเพียงแค่ซื้อหามาไว้ปรนเปรือบนเตียง คอยซักไซ้ไล่เรียงประหนึ่งเป็น ‘แม่’ หรือ ‘เมีย’ เพราะเธอไม่ใช่ทั้งสองอย่าง เขาไม่มีทางยกฐานะให้ด้วย
สิ่งเดียวที่เธอมักจะยึดถือและทำเสมอนั่นคือ ทำหน้าที่ตามคำเรียกร้องของเขา กับการเตรียมหุงหาอาหารเย็นไว้ให้ บางเมนูจำเป็นจะต้องทานร้อนๆ เธอก็จะตระเตรียมไว้ แล้วรอจนกว่าเขากลับมา
ถึงจะลงมือปรุง หรือถ้าเขาไม่มา ก็จะเก็บไว้ทำต่อวันรุ่งขึ้น เพราะปกติแล้วถ้าไม่มีเขาอยู่ เธอก็ไม่ค่อยจะให้ความสำคัญกับมื้อเย็นอยู่แล้ว
วงจรชีวิตระหว่างเธอกับเขา มักจะเป็นแบบนี้ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา เดาว่ามันคงจะดำเนินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะครบสัญญา แล้วเธอก็จะได้ไปพบกับอิสระ
อยากจะทำอะไรหรืออยากจะไปไหน ก็ไม่ต้องคอยขอหรือคอยแจ้งใครให้เสียอารมณ์อย่างนี้
กระนั้นเธอก็ยังคิดว่าเป็นคู่นอนให้เขา ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร อย่างที่เพื่อนบอกไว้จริงๆ เพราะเขาถือได้ว่าเป็นผู้ชายแคร์ความรู้สึกของผู้หญิง ในเรื่องนั้นไม่น้อย
ตลอดเวลาที่ได้ใกล้ชิดกัน ไม่เคยเห็นเขาหักหาญเอาเพียงฝ่ายเดียว เพื่อให้ตัวเองมีความสุข
แต่เขาจะคอยฉุด คอยดึงให้เธอเดินไปพร้อมๆ กัน ให้ได้พบกับความสุขเหมือนกัน หรือถ้าเมื่อไหร่เขาก้าวผ่านพ้นไปก่อน เขาก็จะมีวิธีทำให้เธอ พานพบกับความสุขตามติดไปไม่ห่าง
เขาจะไม่ปล่อยให้เธอลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศเหมือน ‘ตาเ*******ู’ ของเพื่อน ที่มักจะเอามาเล่าให้ฟังด้วยความหัวเสียอยู่เสมอแม้แต่ครั้งเดียว
‘ติ๊ง’
เสียงไมโครเวฟดัง เรียกให้เดินไปเปิดเอาแก้ว ใช้ต้มน้ำร้อนสำหรับชงกาแฟออก ขนมปังปิ้งสองแผ่น ก็เด้งขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน เอามาทาแยมราสเบอร์รี่บางๆ ก็เสร็จสิ้น
การตระตรียมอาหารเช้าในยามสายๆ แล้วยกไปนั่งกินอยู่ตรงระเบียงหน้าห้องนั่งเล่น เหม่อมองออกไปดูวิวเมืองกรุงอันแสนจะวุ่นวาย
แล้วก็คิดได้ว่า เมื่อวานซื้อนิตยสารมา แต่ยังไม่มีเวลาได้เปิดอ่าน เพราะถูกเขาเรียกใช้งานจนหมดเรี่ยวแรง จึงเดินกลับไปเปิดกระเป๋าผ้าดิบ พบว่ามันยังอยู่ในนั้น
เลยถือมานั่งเปิดอ่านดู ว่าเขาให้สัมภาษณ์เรื่องอะไร แล้วก็ได้เห็นคฤหาสน์หลังงาม มีเพียงพ่อของเขาอาศัยอยู่กับคนรับใช้