แม้อยากรู้คำตอบจนล้นหัวใจ แต่ลัดดาไม่กล้ามากพอจะไลน์ไปถาม ‘คุณหนูของบ้าน’ พอๆ กับไม่กล้าจะอ้าปากบอกสามี เพราะกลัวจะเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้น
อีกทั้งไม่แน่ใจว่า ‘คุณหนูของบ้าน’ ทำไปเพราะความสมัครใจ หรือถูกบังคับข่มขู่ แต่เท่าที่เห็นกันครั้งสุดท้าย แน่ใจว่าคงจะเป็นอย่างแรกมากกว่า
ประตูออดี้ถูกปิดลงทันที หลังวนหาที่จอดอยู่นาน พิมพ์ภิษาสะพายถุงผ้าดิบใบย่อม เดินเข้าตลาดด้วยท่าทีไม่รีบเร่งนัก เพราะมีเวลาอีกหลายชั่วโมงในการจับจ่าย
ดวงตาคู่สวยเศร้าหยุดอยู่กับแผงหนังสือ เมื่อเห็นปกนิตยสารฉบับหนึ่ง มีเขาอยู่ในนั้น อยากจะยืนอ่านใจจะขาด แต่ก็เกรงใจเจ้าของร้าน เลยรีบจ่ายเงินแล้วยัดใส่ถุงผ้าไว้
แล้วเดินไปซื้อของต่อ ผักทุกต้น อาหารสดทุกอย่าง ถูกเลือกสรรด้วยความตั้งใจ จึงกินเวลาเป็นชั่วโมงๆ ในตลาด กับอีกเกือบสองชั่วโมงในห้างสรรพสินค้า จนได้ทุกอย่างครบถึงขับรถกลับคอนโด โดยไม่คิดจะไปไหนอีก
เพราะเหนื่อย ไหนจะต้องทำมื้อเที่ยงให้เขา ป่านนี้คงจะกำลังนั่งทำงานรออยู่โต๊ะตัวเดิมเป็นแน่
รปภ. เจ้าเก่า มักจะคอยมาช่วยหอบหิ้วข้าวของขึ้นไปส่งถึงหน้าห้อง แล้วได้ขนมที่เธอเตรียมมาให้ เป็นการตอบแทนน้ำใจไม่เคยว่างเว้น ก่อนจะหิ้วถุงสารพัดเข้าไปไว้ข้างในเพียงคนเดียว
และต้องเดินหลายรอบกว่าของจะหมด หันไปมองเขาก็ยังคงนั่งทำงานอยู่ที่เดิมจริงๆ
เดาว่ายังไม่หิว ไม่งั้นคงจะบ่นไปแล้ว อีกอย่างก็เพิ่งสิบเอ็ดโมง นั่นแปลว่าเธอมีเวลาไปอาบน้ำ ให้เนื้อตัวสบายได้สักสิบนาที แล้วค่อยออกมาทำข้าวผัดปูกับซุปเต้าหู้แค่นั้น
กางเกงขาสั้นกับเสื้อกล้ามหรือสายเดี่ยว คือชุดที่เขาอยากให้ใส่ เวลามีเขาอยู่ในห้อง เพราะฉะนั้นจึงมีมันห่อหุ้มร่างกายตอนออกมาอีกรอบ
“ผมขอน้ำอะไรเย็นๆ สักแก้วสิ”
เขาสั่งเหมือนรอจังหวะให้เธอออกมาก็ไม่ปาน ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธใดๆ นอกจากตรงไปตู้เย็น รินน้ำส้มที่คั้นทิ้งไว้เมื่อเช้าใส่แก้ว พร้อมน้ำแข็งสี่ห้าก้อน ถือไปส่งให้ถึงโต๊ะ
เขารับมาแล้วดื่มทันที แต่อีกมือที่ว่าง ยังรั้งมือเธอไว้ไม่ยอมปล่อยให้ไปไหน พอวางแก้วได้เขาก็ยิ้มบางๆ ให้ ก่อนจะออกแรงรั้งจนเธอถลาไปหาตักเขา
“หิวจัง”
เขาเอ่ยเสียงนุ่ม สายตามองมาหานั้นหวานฉ่ำไม่ห่างหาย พิมพ์ภิษาไม่เคยชินกับการต้องนั่งบนตัวเขาสักครั้ง แม้เขาจะทำแบบนี้บ่อยๆ ก็ตามที แต่ก็อายตลอด และไม่เคยรู้สึกสนิทสนทกับเขาได้สักที มันเหมือนมีเส้นบางๆ มากั้นระหว่างกันไว้ พยายามบอกเขาไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่แสดงความประหม่าให้เขาได้รู้
“รอสักครึ่งชั่วโมงนะคะ เดี๋ยวฉันจะรีบไปทำให้ค่ะ”
“ผมไม่ได้หิวข้าว แต่หิว...”
“อุ๊ย!”
ตกใจไม่น้อย เมื่อเขาจัดให้เธอเปลี่ยนท่านั่งค่อมบนตัวเขาได้อย่างรวดเร็ว แล้วความอายก็เล่นงานจนใบหน้าขาวใสเปลี่ยนเป็นแดง เมื่อรับรู้ได้ตรงต้นขาส่วนที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นมา
ว่าเขาหิวจริงๆ และเขาก็เติมเต็มความหิว ด้วยการปิดริมฝีปากนุ่มนิ่มเอาไว้ ไม่ยอมให้เอ่ยห้ามปรามเลยแม้แต่แอะเดียว
“สัมผัสผมสิ ผมต้องการคุณ”
น้ำเสียงกระซิบอยู่ข้างหูนั้นแหบพร่า ก่อนจะคว้ามือบางที่เกาะบ่าเขาไว้ ลงไปหากายเต็มตึงผงาดตั้ง แทบจะทะลุกางเกงผ้าร่มสีขาวออกมาให้ได้ เจ้าของมือให้อายจนไม่รู้จะทำยังไง
เพราะตลอดสองเดือนที่อยู่ด้วยกันมา ไม่เคยแตะต้องผิวกายส่วนนั้นของเขาเลยสักครั้ง แม้เขาจะอ้อนวอนยังไงก็ตามที
แต่คราวนี้เขามาแนวใหม่ คือสั่งไม่ใช่อ้อนวอน เธอก็ไม่คิดจะทำตาม ส่วนเขาก็ไม่คิดจะยอมอ่อนข้อให้อีกแล้ว เลยรีบดึงขอบยางยืดออกพร้อมบ๊อกเซอร์
นำพามือบางไปสัมผัสหลักฐานความต้องการของเขาให้ถูไถไปมา แม้จะปวดหนึบหนับแต่เขาก็ชอบไม่น้อย เมื่อผิวเนื้อนุ่มถูกกอบกำด้วยมือบางอย่างแผ่วเบา
“อย่างนั้นล่ะคนดี”
เขายิ้มกริ่มอย่างอิ่มใจ เมื่อสั่งได้แล้ว ส่วนมือก็รีบกำจัดสายเดี่ยวกับบราเซียร์สีขาว ออกจากกายสาวอย่างไม่ยุ่งยากนัก ก่อนจะดื่มกินปลายยอดเต่งตึง เย้ายวนใจ ยั่วน้ำลาย
ตั้งแต่เห็นเธอเดินออกมาจากห้องนอนแล้ว จนไม่อาจจะทนรอให้มื้อเที่ยงผ่านพ้นไปได้ เพราะเขาจะต้องลงแดงตายก่อนเป็นแน่
“ทำได้ดีมากที่รัก”
พิมพ์ภิษาไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเวลาเขาพูดด้วย ขณะเขาจับมือบางออกห่างกายผงาด แล้วใช้สองแขนยกเธอออกจากตักเขาไปวางไว้บนโต๊ะทำงานแทน
มือเขาสั่นน้อยๆ ตอนปลดตะขอกางเกงขาสั้นให้ เพราะรับรู้ได้จากผิวตรงหน้าท้องแบนราบเรียบ เธอจำต้องใช้ฝ่ามือหยัดพื้นโต๊ะไว้ เพื่อให้เขาดึงกางเกงออกจากสะโพกผายตึงได้ง่ายขึ้น
“มองผมสิที่รัก”
เธอไม่คิดจะทำตาม กระนั้นก็ยังรับรู้ได้ว่าตอนนี้เขายืนขึ้น แล้วกำลังเปลื้องอาภารณ์ออกจากกายอยู่ แต่ได้ยินเสียงผิวเนื้อเสียดสีกับเสื้อผ้า
แถมยังได้ยินว่ามันตกลงไปใส่โถดินสอหรือปากกาบนโต๊ะด้วย เขาก้าวเข้ามาหาช้าๆ แยกสองเรียวขาออกห่าง ดึงสะโพกเธอให้ไปนั่งหมิ่นเหม่อยู่กับขอบโต๊ะ
“อื๊อ!!!”
ไม่อาจจะควบคุมเสียงนี้ให้อยู่ในลำคอได้ เมื่อจู่ๆ เขาก็ฉกลงไปลิ้มลองด้วยลิ้นอันช่ำชองที่เธอคุ้นชิน เขาดื่มกินเกสรนุ่มประหนึ่งไม่เคยพานพบอาหารมาช้านาน
“อื๊อ!!!”
อีกครั้งที่ไม่อาจควบคุมเสียงนี้ได้ เมื่อจู่ๆ เขาก็ผุดลุกขึ้นแล้วพากายเต็มตึง เยี่ยมเยือนเข้าหาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย และเป็นไปในแบบรุนแรงรวดเร็ว จนตั้งตัวไม่ทัน
แต่มันช่างให้รสชาติแปลกใหม่ ไม่เคยพานพบมาก่อนเลย เพราะปกติเขาจะค่อยเป็นค่อยไปในช่วงแรก แล้วถึงได้เร่งเร้าภายหลัง