“ค่ะ”
ส่วนเธอก็ตอบออกไปโดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ
“ระหว่างผมไม่อยู่ คุณจะไปเที่ยวไหนก็ได้นะ แต่ห้ามไปกับหนุ่มอื่นด้วยและห้ามไปหาพ่อคุณ ผมกลับมาแล้วรู้ว่าคุณปันใจให้ชายอื่น ผมจะทำให้มันเป็นหมันไปเลย”
พิมพ์ภิษาอยากจะโกรธ และอยากจะคิดว่าเขากำลังดูถูกไม่น้อย แต่เพราะใบหน้าเจือยิ้มของเขานั่นเอง ทำให้เธอเข้าใจว่าเขาเพียงแค่แหย่เล่นเท่านั้น
“ผมพูดเล่น! ผมจะกลัวคุณปันใจให้คนอื่นทำไม ในเมื่อผมรู้อยู่เต็มอกว่าคุณน่ะ ทั้งรักทั้งหลงผมจะตาย”
อีกครั้งที่พิมพ์ภิษาไม่ได้ว่าอะไร นอกจากนั่งกินเงียบๆ นั่นเลยทำให้คนข้างๆ อดหันมาจ้องมองอย่างยั่วเย้าไม่ได้ เพราะจนป่านนี้แล้ว เขาก็ยังอ่านใจเธอไม่ออก ว่ารู้สึกยังไงกับเขากันแน่
ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เธอมักจะนิ่ง! เฉย! ไม่แสดงอาการใดๆ ให้เขาเข้าใจ ว่าเธอปลาบปลื้มในความร่ำรวยบวกหล่อเหลาของเขาเลย
นั่นช่างผิดกับผู้หญิงหลายๆ คนที่เขาเคยมีมา เพราะพวกนั้นมักจะรักเขาได้ภายในหนึ่งเดือน หรืออาจจะน้อยกว่านั้น นับตั้งแต่ได้อยู่ร่วมเตียงกับเขา
แม้จะรู้ว่าถ้าเขามีเงินน้อยหน่อย ก็อาจจะได้ความรักจากสาวๆ ไม่มากและไม่รวดเร็วเท่านี้ก็ตามที
นี่เป็นอะไรที่เขาไม่ชอบเอาเสียเลย เพราะเขาไม่เคยแพ้ใคร และเขาจะต้องชนะเธอในทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องหัวใจ ไม่มีผู้หญิงหน้าไหนไม่หลงเสน่ห์เขา
หรือถ้ามี เขาก็จะทำให้เธอเหล่านั้นหันมารักเขาให้จงได้ โดยเฉพาะเธอ ผู้ปฏิเสธเขาตั้งแต่แรก เขาจะไม่ปล่อยให้เธออยู่โดยไม่รักเขาได้แน่
พิมพ์ภิษาหิ้วของพะรุงพะรัง ตามหลังปานประไพเข้าไปในบ้านสองชั้น ทรงทันสมัย หลังใหญ่ สมราคาสิบห้าล้าน ไม่รวมตกแต่ง ในหมู่บ้านจัดสรรกว้างขวาง ร่มรื่น สบายตา
มีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ให้ลูกค้าครบครัน ระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา แม้อยู่คนเดียวก็ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายด้วยซ้ำ
“เฮ้อ! เหนื่อยๆๆ กว่าจะซื้อของครบ เพิ่งรู้ว่าการมีบ้านมันเหนื่อยขนาดนี้”
ปานประไพวางของได้ ก็กระแทกบั้นท้ายลงไปกับชุดรับแขกที่เพิ่งสั่งเข้ามา
ยังไม่ได้แกะพลาสติกหุ้มด้วยซ้ำ พิมพ์ภิษาได้แต่หันมายิ้ม ขณะเดินไปวางสารพัดถุงไว้บนเคาน์เตอร์ครัว
“อยากมีแล้วจะบ่นทำไมยะ”
มือนั้นจับของจากถุงจัดเข้าตู้เย็นที่เพิ่งซื้อมาใหม่ไป ปากก็เหน็บไป ใบหน้านั้นก็ยิ้มกริ่มเพราะดีใจแทนเพื่อนไปด้วย เพราะในที่สุดก็ได้บ้านหลังนี้สมใจ
หลังจากรอคอยมานานหลายปี
“ก็มันเหนื่อยนี่นา ว่าแต่ไวน์ไม่เหนื่อยหรือไง พักก่อนสิ เดี๋ยวค่อยจัดของก็ได้ วันนี้คุณชายยังไม่กลับไม่ใช่เหรอ เราอยู่ด้วยกันดึกๆ หน่อยมั้ยล่ะ”
ปานประไพหมายถึงคู่นอนหนุ่มของเพื่อนรัก ที่พักหลังมานี้ มักจะมีเรื่องให้ต้องบินไปดูงานต่างประเทศบ่อยๆ พิมพ์ภิษาถือผักค้างไว้ แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้เหน็บเพื่อนกลับ
“จะให้อยู่ดึกๆ น่ะ แล้วคุณชายของหล่อนละยะ เดี๋ยวเย็นๆ ก็โทรตามหล่อนแล้วมั้ง”
“เฮ้อ! อย่าเพิ่งพูดถึงตาเฒ่าได้ป่าวไวน์ บอกตรงๆ ว่าหมดอารมณ์จัดบ้านน่ะ ว่าแต่ตกลงคุณชายของไวน์จะเอายังไงล่ะ นี่จะครบหกเดือนแล้วนะ ให้อยู่ต่อหรือจะยกเลิกสัญญาล่ะ เราจะได้ช่วยมองหาบ้าน หรือจะมาซื้อที่เดียวกับเราก็ดีนะ จะได้อยู่ใกล้ๆ กันไง”
ปานประไพเป็นกังวลไม่น้อย เพราะอีกไม่กี่วันก็จะครบหกเดือนแล้ว แต่คนทำสัญญาตรงๆ กลับไม่เดือดเนื้อร้อนใจที่จะได้เป็นอิสระ แถมยังรู้สึกใจหาย เมื่อได้ยินเพื่อนเอ่ยเรื่องนี้
“ไม่รู้สิ! ก่อนไปไม่เห็นเขาว่าอะไร”
พิมพ์ภิษาละไว้ตรงที่ว่า เขาตักตวงความสุขจากเรือนกายเธอจนหนำใจก่อนไปเอาไว้ เพราะถ้าเผลอปากบอกเล่าให้เพื่อนฟังมีหวังถูกแซวไม่เลิกแน่
“งั้นก็แปลว่าเขาคงอยากให้หล่อนอยู่ด้วยจนครบปีน่ะสิ ไม่งั้นคงให้แม่เลขาจอมเนี๊ยบ มาจัดแจงนั่นนี่แล้วล่ะ เพราะเหลืออีกแค่สามวันก็จะครบหกเดือนแล้ว”
ปานประไพเดาว่าต้องเป็นแบบนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไม่รู้สิ”
คนตอบเองกลับไม่อยากเดา และไม่อยากเข้าใจไปเอง ก็ได้แต่รอให้เขากลับมาบอกกล่าว อย่างเป็นการเป็นงานมากกว่า “แล้วตกลงเที่ยงนี้จะกินอะไร เราจะได้ทำให้”
แม้จะบ่ายโมงกว่าๆ แล้วก็ตาม คนถามก็ยังมั่นใจว่าจะได้คำตอบที่คิดไว้ในใจแล้ว
“อะไรก็ได้ถ้าไวน์ไม่เหนื่อยทำ แต่ถ้าเหนื่อยเราจะโทรสั่งร้านหน้าหมู่บ้านดีไหม”
“ไม่เหนื่อยหรอก ปานจัดของไป เดี๋ยวเราทำเอง ซื้อเครื่องมาแล้ว ทำแป๊บเดียวล่ะ ว่าแต่บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ ถ้าจัดเสร็จแล้วแม่จะมาอยู่ด้วยมั้ย”
“ไม่อะ! แม่บอกว่าไม่อยากจากบ้านมา อยู่คนเดียวจนชินแล้ว เพื่อนบ้านก็มีเยอะแยะไม่เหงาด้วย ถ้ามาอยู่นี่ แม่กลัวจะเฉาตาย ดูสิ! รอบข้างมีใครคบใครที่ไหนล่ะ สังคมในเมืองนี่ไม่เหมือนบ้านนอก คนแก่เลยไม่ค่อยชอบ แถมอีตาเฒ่าก็ไม่ชอบ ให้มีคนอื่นมาอยู่ด้วยเวลามันมาหาเรา มันว่าเอาเราไม่ถนัด ถ้าอยู่สองคน มันอยากได้ตรงไหนมันก็ได้ สาวสามสี่ฉึกแล้วมันก็หมดแรง ส่วนเราก็ค้างอยู่ปลายดอยทุกที่ เฮ้อ! พูดแล้วเบื่อมัน ถ้าขืนแม่มาอยู่ด้วยมีหวังเป็นลมแน่ๆ และถ้ารู้ แม่ก็คงไม่มาด้วยล่ะ”
“อืม! เราก็ต้องตามใจแม่ล่ะ ตกลงเราจะทำผัดซีอิ้วกุ้งนะ หรือจะข้าวผัดกุ้งดี แต่ต้องรอหน่อยนะเพราะยังไม่หุงข้าว”
“เอาอะไรที่มันง่ายๆ และเร็วๆ เหอะไวน์ เดี๋ยวเราเอาดอกไม้ขึ้นไปใส่แจกันในห้องนอนก่อนนะ”
“จ้ะ”
พิมพ์ภิษาส่งยิ้มบางๆ ให้เพื่อน ก่อนจะหันไปหาข้าวของเครื่องครัว ที่ล้วนแล้วแต่ใหม่เอี่ยมทั้งสิ้น พอทำของกินทีไร หัวใจก็ยิ่งคิดถึงเขาอยู่ร่ำไป ไม่รู้เป็นอะไร ยิ่งเวลาเขาไปต่างประเทศยิ่งคิดถึงจับใจ