แต่เรื่องบางเรื่อง ประสบการณ์บางอย่างมันก็อยู่ในสายเลือดแล้ว
เพราะย่าเคยตั้งร้านขายโจ๊กข้างทาง ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน เขาต้องไปช่วยงานเสมอ หน้าที่ประจำคือการทำไข่ลวก ลูกค้าติดอกติดใจจนเขาต้องไปทุกวันเลยก็ว่าได้
พิมพ์ภิษาก้าวมายืนอยู่ตรงโต๊ะด้วยความอึ้งนิดๆ กับหน้าตาข้าวต้มในชาม มีกุ้งตัวโตวางโปะหน้าถึงสามตัว มีหอมหั่นฝอย กระเทียมเจียว พริกไทยโรยหน้าไว้อย่างสวยงาม
‘เปรี้ยง!’
“ว๊าย!!!”
เจ้าของเรือนร่างมีกางเกงขาสั้นกับสายเดี่ยวหุ้มอยู่ ถึงกับถลาไปหาแผงอกของเขาทันที เมื่อเสียงฟ้าผ่าลงมาดังลั่นห้อง เป็นช่วงเวลาที่ไม่ชอบเอามากๆ
และไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องเปิดหน้าต่างไว้ด้วย
‘เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!’
เสียงนี้เสมือนสั่งให้สองแขนเรียวกอดกายเขาไว้แนบแน่น แก้มขาวนุ่มแนบลงไปกับแผงอกอันอบอุ่นของเขาโดยอัตโนมัติ ยังผลให้สองแขนแข็งแรงต้องรีบกอดกระชับเรือนร่างผอมบาง
และสั่นเทาเพราะความกลัวโดยอัตโนมัติเช่นกัน มันให้ความรู้สึกเป็นสุขในหัวใจเขาขึ้นมาแว๊บหนึ่ง เมื่อรู้ว่าอกตัวเองกลายเป็นที่พึ่งพิงให้เธอได้
“คุณกลัวฝนเหรอ”
เขาเอ่ยเสียงนุ่ม สองมือก็ลูบแผ่นหลังไปมาเพื่อปลอบขวัญ
“เปล่าค่ะ ฉันกลัวเสียงฟ้าผ่าต่างหาก มันน่ากลัวมากๆ ค่ะ ยิ่งเวลาฉันเห็นสายฟ้าแลบขึ้นทีไร หัวใจจะวายทุกที”
“ไม่ต้องกลัวนะ ถ้ามีผมอยู่ใกล้ๆ สัญญาว่าสายฟ้าจะทำอะไรคุณไม่ได้หรอก”
“ค่ะ”
“แล้วเมื่อก่อนคุณทำยังไงล่ะ ตอนไม่มีอกผมให้ซบแบบนี้”
“ฉันก็ไม่มองมัน ไม่เปิดประตูหรือหน้าต่างตอนฝนตก หรือถ้าอยู่นอกบ้านฉันก็กอดเพื่อนแทนค่ะ”
“เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ผู้หญิงสิคะ แล้วคุณจะถามทำไมคะ”
“ไม่มีอะไรหรอก ถ้าเป็นผู้ชายผมจะตามไปหักคอเจ้านั่น แต่ถ้าเป็นผู้หญิงผมจะตบรางวัลให้ แทนความขอบคุณที่ช่วยให้คุณหายกลัวไง”
ชายหนุ่มยิ้มอย่างอารมณ์ดีกว่าปกติ เมื่อถูกกำปั้นน้อยๆ ทุบตรงอก และไม่รู้สึกเจ็บสักนิด พอเห็นว่าฟ้าทิ้งช่วงการแลบแปลบปลาบแล้ว เขาก็ประคองสองไหล่ระหงออกจากแผงอก ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“งั้นนั่งรอตรงนี้นะ”
“คุณจะไปไหนคะ”
แต่เสียงของอีกคนตกใจไม่น้อย เพราะยังไม่อยากห่างเขาไปไหนเลย
“แป๊บเดียว รอผมตรงนี้ล่ะ”
“ไม่เอาค่ะ” มีหรือคนกลัวจะนั่งใจเย็นอยู่ได้ เลยรีบก้าวตามเขาไปไม่ห่าง
“เห็นผมมีค่าขึ้นมาเชียวนะ ทีตอนชวนมาอยู่ด้วยกันแรกๆ ล่ะทำเป็นไม่สนใจ”
ชายหนุ่มบ่นเล็กน้อย ขณะกดปุ่มปิดกระจกรอบๆ ห้อง แล้วเปิดเครื่องปรับอากาศแทน เพราะเห็นว่าคนอยู่ด้านหลังกลัวจนตัวสั่นแล้ว และไม่ยอมเอ่ยอะไรนอกจากเดินตามเขากลับมายังโต๊ะอาหาร
“กินข้าวกัน เดี๋ยวผมจะนั่งข้างๆ ถ้ามีเสียงฟ้าผ่าเล็ดรอดเข้ามา คุณก็กอดผมได้ตลอด หรือจะนั่งตักผมเลยเอามั้ยล่ะ”
คนถูกชวนไม่พูดอะไร นอกจากทำหน้าง้ำหน้างอใส่เขา แล้วนั่งเก้าอี้ที่เขาเลื่อนให้อย่างสุภาพบุรุษแทน ส่วนเขาก็ได้แต่ยิ้มแล้วมองอาหารด้วยความอารมณ์ดี
“วันนี้ผมทำข้าวต้มแสนอร่อยให้ แถมไข่ลวกด้วยนะ คุณจะเอาหนึ่งหรือสองก็ได้ แต่ผมแนะนำให้สอง เพราะเราจะต้องใช้พลังงานไม่น้อยเลยล่ะ ยิ่งฝนตกฟ้าร้องอย่างนี้ ผมพนันได้เลยว่าคุณคงอยากนอนซบอกผมทั้งวันแน่”
คฑาธรยิ้มอย่างมีเลศนัยไปหาคนกำลังนั่งลงกับเก้าอี้ ขณะมือเขากำลังถอดผ้ากันเปื้อน แล้วเดินไปนั่งข้างๆ เธอ จัดการตอกไข่ลวกใส่ในชามข้าวต้มให้สองใบจริงๆ
โดยไม่ได้ถามย้ำอีก ว่ากระเพาะน้อยๆ จะมีที่พอไหม ส่วนตัวเองนั้นจัดไปถึงสามใบ
พิมพ์ภิษาไม่ได้ว่าอะไร นอกจากมองนิ่งๆ แล้วก้มมองชามตัวเอง ลองตักเข้าปากชิมก็รู้ว่าฝีมือไม่เบา เลยยิ้มให้ แม้ไม่ได้พูดอะไร เขาก็รู้ดีว่าเธอปลื้มในรสอาหารไม่น้อย
“นอกจากทำข้าวต้มแล้ว ผมยังทำโจ๊กอร่อยไม่แพ้คุณด้วยนะจะบอกให้ แต่ถ้าจะกินแบบอร่อยหลุดโลกนี่ ต้องฝีมือย่าผม รับรองว่าคุณจะต้องกินสองชามเป็นอย่างน้อยแน่ ไว้ว่างๆ ผมจะพาไปเยี่ยมท่าน”
คฑาธรเลยรีบอวดอ้างอีก มือก็ตักข้าวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย พิมพ์ภิษาอดประชดไม่ได้
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“อย่าเพิ่งทำหน้าแบบนั้น เอาไว้คุณได้ลองก่อนแล้วกัน แต่ตอนนี้ผมว่าคุณรีบกินดีกว่า เดี๋ยวจะเย็นหมดนะ เสร็จแล้วจะทำอะไรเราค่อยว่ากัน”
พิมพ์ภิษาพอจะเดาได้ไม่ยากว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร เลยไม่ต่อปากต่อคำ เพราะรังแต่จะเข้าตัวเปล่าๆ
‘เปรี้ยง!’
เสียงสายฟ้ายังคงเล็ดรอดเข้ามาอยู่ แต่ไม่ดังเท่าตอนหน้าต่างเปิด และไม่เห็นสายฟ้าแล้วเพราะม่านช่วยบดบังไว้
ชายหนุ่มขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้ๆ แขนซ้ายสอดเอวคอดไว้เพราะรู้ว่าเจ้าของเอวกลัว
แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากส่งยิ้มให้ พร้อมสายตามีความหมายบางอย่างแอบแฝงเอาไว้
“เอ่อ! พรุ่งนี้ผมจะไปต่างประเทศนะ กลับก็ปลายอาทิตย์หน้า วันนี้ผมเลยไม่ไปทำงาน แต่อยู่กับคุณแทน คุณอยากไปเที่ยวไหน หรือช้อปปิ้งอะไรก็บอก ผมพาไปได้ทั้งวัน”
เลยตัดสินใจบอกโปรแกรมของเขาให้รู้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงยอมลุกมาทำมื้อเช้าให้ เพราะอยากไถ่โทษ ที่จะทิ้งเธอไว้คนเดียวเกือบสองอาทิตย์
และเขาก็ไม่อาจจะพาเธอไปด้วยได้ แม้ใจอยากแทบแย่ก็ตามที พิมพ์ภิษาครุ่นคิดนิดหนึ่ง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนุ่ม
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ชอบออกไปไหนเวลาฝนตก”
“เข้าห้างก็ไม่ได้ยินแล้วล่ะ”
“ไม่เอาค่ะ” คนถูกชวนยังคงปฏิเสธเสียงแข็งเพราะความกลัว
“แล้วไม่ซื้อเสื้อผ้าหรือของกินมาไว้เหรอ”
ส่วนเขาก็ไม่ยอมแพ้ อดสงสัยไม่ได้ เพราะอุตส่าห์เปิดทางให้แล้วเธอยังไม่ยอมคว้าไว้อีก
“ไม่ค่ะ ฉันมีเยอะแล้ว ส่วนอาหารฉันทำอะไรกินก็ได้ง่ายๆ ค่ะ”
“เหรอ!” เขาเองก็คิดนิดหนึ่งก่อนถามด้วยความทึ่ง