“อือ!”
คนกำลังหลับสบายส่งเสียงอู้อี้ออกมา เมื่อถูกกวนด้วยสองแขนแข็งแรง กำลังช้อนตัวขึ้นจากเตียงนอนอย่างง่ายดาย ร่างที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กแต่ตอนแรก สักพักก็แนบแก้มไปกับแผงอกอุ่นของเขา แล้วปิดเปลือกตาลงตามเดิม
“ยังไม่ดึกเลย คุณจะรีบหลับหนีผมไปไหน”
แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีก เมื่อมีเสียงอันนุ่มนวลกระซิบอยู่ข้างหู ยิ่งแก้มนุ่มถูกเขาทั้งจูบทั้งหอมหลายต่อหลายครั้งด้วยแล้ว ความง่วงก็ยิ่งค่อยๆ ถอยห่างออกไป
แล้วกลายมาเป็นตาสว่างเต็มร้อย เมื่อเขาก้มลงไปใช้ปากอันอุ่นร้อนปิดปากเธอเอาไว้ เจ้าของปากไม่มีหนทางเอ่ยอะไรออกมา เมื่อปากถูกเขาครอบครองเอาไว้แล้ว
“ทำไมคุณถึงไม่มานอนรอผมในห้องนะ”
และอีกครั้งที่เธอไม่มีโอกาสได้เอื้อนเอ่ย เมื่อเขาส่งน้ำเสียงนุ่มหูมาหาแล้วก็ปิดปากเธอไว้
“หรือว่าคุณชอบให้ผมตามไปอุ้มมาไว้ห้องนี้กัน ถึงได้หนีไปนอนห้องโน้นรอผมทุกวันแบบนี้”
คราวนี้ปากว่างแล้ว แต่ไม่คิดจะตอบอะไร เพราะขุ่นเคืองในความคิดของเขาอย่างช่วยไม่ได้ เลยฝืนกายไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตามเขาเหมือนเคย
แต่มีหรือเขาจะยอมให้ทำแบบนั้นได้ เพราะแรงกายอันมหาศาล แค่จับแขนเล็กกดไว้กับเตียง เธอก็หมดปัญหาแล้ว
ต่อมาเขาก็สามารถทำให้เธอยินยอมพร้อมใจ ร่วมเดินทางไปกับเขาได้ ด้วยจุมพิตอันหวานล้ำ การดื่มด่ำไปแทบจะทั่วผิวกายเธอ ประหนึ่งไม่พานพบอาหารมานานปี สี่เดือนดูเหมือนจะได้อยู่ร่วมเตียงกันแทบทุกคืนนั้น
เธอเองก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมเขาถึงไม่รู้จักเบื่อหน่ายในรสรักสักที มิหนำซ้ำยังทำเหมือนกับว่า ไม่ได้เจอกันมาเป็นแรมปีอีก
“รู้มั้ยว่าระหว่างผมนั่งกินข้าวกับลูกค้าอยู่น่ะ ผมคิดถึงแต่คุณ ฝันถึงคุณในสภาพนี้ตลอดเลย คุณเสกคาถาอะไรใส่ผมหรือเปล่า”
คนถูกกล่าวหาไม่ว่าอะไร เพราะเคืองอีกแล้ว และอีกเช่นเคยที่เขาไม่คิดจะแคร์ นอกจากยิ้มหวานๆ ส่งมาให้ ก่อนจะมอบรสรักอันหวานยิ่งกว่าให้ในเวลาต่อมา
จนเรี่ยวแรงในกายแทบไม่หลงเหลือให้ขยับเขยื้อนไปไหนได้อีก ได้แต่นอนโอบกอดเธอเอาไว้อยู่อย่างนั้น ก่อนจะหลับไปแทบจะพร้อมกัน
แต่คนที่ตื่นก่อนคือเธอ เพราะไม่ได้ถูกเขาปลุกขึ้นมามอบรสรักรับอรุณเหมือนทุกเช้า กายเปล่าเปลือยยังถูกเขาโอบกอดเอาไว้ จึงค่อยๆ ขยับ หมายจะลุกไปตระเตรียมชุดกับของใช้อื่นๆ ไว้ให้
แต่ดูเหมือนเขาจะตื่นตามมาติดๆ และไม่ยอมให้เธอไปไหนง่ายๆ ด้วยการใช้แขนแข็งแรงรั้งเอวกิ่วไว้ จนล้มลงไปนอนกองอยู่บนเตียงด้วยกัน
“จะรีบตื่นไปไหนกัน ยังเช้าอยู่เลยนะ” เขาเอ่ยเสียงนุ่มหู ควบคู่กับการจูบแก้มนุ่มหนึ่งฟอด
“จะไปเตรียมเสื้อผ้าให้คุณ แล้วก็จะรีบไปทำมื้อเช้าด้วยค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก เช้านี้ผมจัดการเอง คุณนอนต่อเถอะ พอทำเสร็จผมจะมาปลุก”
เป็นอะไรที่ไม่เคยได้ยินเลยตลอดสี่เดือนมานี้ และไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยินหรือได้เห็น คนอย่างเขาทำอะไรเองด้วย อย่าว่าแต่ทำให้คนอื่นเลย คฑาธรรู้ดีว่าอาการนิ่งกับอึ้งของคนในอ้อมแขนนั้น มีความหมายว่ายังไง
“คุณคิดว่าผมไม่เคยทำอะไรเองเลยหรือไง แล้วจะได้เห็น”
‘จุ๊บ!’
เขาจูบแก้มนุ่มอีก แล้วผละจากผ้าห่มหนาเดินโทงๆ ไปคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ไม่นานก็กลับออกมา แล้วสลัดผ้าออกจากท่อนล่างพาดไว้บนบ่า
แถมยังหันมาหาคนนอนทำตาแป๋วอยู่บนเตียง ชนิดไม่คิดจะอาย พอเลือกกางเกงได้ ก็โยนผ้าขนหนูผืนนั้นมาใส่เจ้าของใบหน้าสวยใส ที่หลับตาปี๋หนีอายอยู่นิ่งๆ
“อย่าหลับลึกจนผมปลุกไม่ตื่นล่ะ”
ว่าแล้วเขาก็ออกจากห้องไป ทิ้งให้อีกคนยิ้มบางๆ ตาม พอหันไปมองหน้าต่างกระจก ก็เห็นสายฝนโปรยปรายลงมาอย่างหนัก มีสายฟ้าแลบแปลบปลาบเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว
เกิดอาการเสียวไส้ จนต้องลุกขึ้นเอาผ้าผืนเดียวกับเขามาพันรอบกาย แล้วเดินออกไปห้องตัวเอง เพราะกลัวฟ้าร้องจนหนังตาแข็ง เกินกว่าจะหลับลงแล้ว
“ผมบอกให้นอนไง แล้วคุณจะลุกมาทำไม”
“ฝนตกหนัก ฟ้าก็แลบน่ากลัวค่ะ ฉันหายง่วงแล้วเลยจะไปอาบน้ำ”
“งั้นก็ตามใจ แล้วอย่าลืมชุดเซ็กซี่ๆ นะ เพราะวันนี้ผมไม่ไปทำงาน”
คนอยู่ในครัวหันไปส่งวาจาเย้ายวน ตามแผ่นหลังบางไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง ที่เขาจงใจเปิดกระจกออก เพื่อรับลมภายนอกยามฝนตกหนักแบบนี้ เขาชอบมากกว่าจะต้องเปิดแอร์เสียอีก และชอบเห็นลัมพัดผ้าม่านบางๆ ตรงระเบียง ปลิวว่อนไปมาเป็นชีวิตจิตใจ
ถ้าทำได้ อยากไปเดินกลางสายฝนด้วยซ้ำ เพราะมันทำให้เขาคิดถึงค่ำคืนที่ฝนตกหนักอย่างบ้าคลั่ง ค่ำคืนที่พ่อกับย่าพาเขาเดินไปตายเอาดาบหน้า หลังจากสูญเสียทุกอย่างไปแล้ว
ชายหนุ่มรีบสลัดภาพในอดีตทิ้ง แล้วหันกลับมาหาหม้อน้ำใกล้เดือดแล้ว เขาคดข้าวสวยด้วยชามกะพออิ่มใส่หม้อ ระหว่างรอให้เดือดอีกรอบ ก็จัดการหั่นต้นหอมอย่างคล่องแคล่ว
ส่วนกระเทียมเจียว กับเครื่องอื่นๆ ดูเหมือนจะมีพร้อมแล้วเป็นกระปุกเล็กกระปุกน้อย จัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยในตู้เย็น จะเป็นฝีมือใครที่ไหนทำไว้ถ้าไม่ใช่เธอ
‘สอนลูกได้ดีนี่นายขจร’
เขาไม่วายค่อนขอดในใจ แล้วหันไปหย่อนไข่ไก่ลงหม้อน้ำเดือดปุดๆ จับเวลาเพื่อให้ได้ไข่ลวกแบบพอดีอย่างแม่นยำ ประหนึ่งทำมาช้านาน ทั้งๆ ที่หลายปีมานี้ ไม่ได้แตะงานครัวเลย