“มึงอย่ามาห้ามกู! ออกไปให้พ้น! ไม่งั้นกูจะจัดการมึงอีกคน!”
“ไม่ค่ะคุณพี่! ดาจะไม่ยอมให้คุณพี่ทำอะไรคุณไวน์อีกแล้ว! แค่นี้คุณไวน์ก็เจ็บมามากพอแล้ว!”
ลัดดานั่งกอดขาสามีเอาไว้อย่างแน่นเหนียว แม้สามีจะพยายามสลัดออกมากแค่ไหนก็ไม่ยอมปล่อยมือ
“ปล่อยกูนะ! มึงเป็นอะไรกับมันนักหนา มันไม่ใช่ลูกมึงด้วยซ้ำ ปล่อยกู!”
“ไม่ค่ะ! คุณไวน์หนีไปข้างล่างเร็วค่ะ เดี๋ยวน้าจะเล่าให้ฟังเองค่ะ”
พิมพ์ภิษาปาดน้ำตาที่หลั่งรินออกมาอาบสองแก้มออก แล้วพยุงตัวให้ลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก
“อีลูกเลว! มึงไปแล้วอย่ากลับมาเหยียบบ้านนี้อีก! กูกับมึงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก! กูหรือมึงตายก็อย่าเผาผีกัน ไปให้พ้นๆ หน้ากู! เลือดชั่วๆ จะได้หมดไปจากบ้านกูสักที! ความเสนียดจันไรจะได้พ้นจากบ้านกูสักที อีลูกชั่ว! มึงจะไปตายที่ไหนก็ไป อย่าแม้แต่คิดจะกลับมาให้กูเห็นหน้าอีกนะ ไม่งั้นกูจะยิงให้มึงตายตามแม่มึงไปเลย อีลูกชั่ว อีลูกชู้! มึงไม่ใช่ลูกกู! มึงมันเป็นลูกไอ้ผู้ชายเลวๆ ที่แม่มึงใจง่าย ไปนอนแบให้มันเอาจนได้มึงมา! กูไม่น่าเลี้ยงลูกชู้อย่างมึงไว้เลย! ไปให้พ้นหน้ากู อีนังลูกชู้!”
จากน้ำคำด่าทอของพ่อ ทำให้ขาทั้งสองข้างไร้ซึ่งเรี่ยวแรง จนแทบจะก้าวลงบันไดไม่ได้ ในใจก็เจ็บปวดยิ่ง ไม่รู้จะไปหลบอยู่ตรงไหนของบ้าน ถึงจะไม่ได้ยิน เลยรีบคว้ากุญแจร้านกับกุญแจรถ ขับออกไปโดยเร็ว
พอจอดรถไว้ประตูหลังร้านได้ ก็รีบไขกุญแจเข้าไป น้ำตาพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก ไม่เคยมีครั้งไหน จะเสียใจกับการกระทำของพ่อเท่าครั้งนี้
แม้พ่อจะด่าทอหรือพูดกระแทกแดกดันเสมอมา แต่ก็ไม่เคยจะตบตีราวกับไม่ใช่ลูกขนาดนี้
‘อีลูกชั่ว อีลูกชู้!’
และไม่เคยมีคำด่าไหน จะทำให้เจ็บปวดหัวใจได้เท่าคำนี้อีกแล้ว ความสงสัยใคร่อยากรู้ทั้งหมดทั้งมวลที่มีในใจ เพิ่งหลุดออกมาจากปากพ่อก็วันนี้
วันที่ได้รู้ว่า ตัวเองไม่ใช่ลูกพ่อแล้ว แต่เป็นลูกชู้ที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าแม่เคยทำเรื่องเลวร้ายกับใครมา จริงเท็จมากน้อยแค่ไหน
แต่ไม่ว่าจะยังไง คำนี้ของพ่อก็ทำให้เสียใจ จนต้องนั่งกอดเข่าเจ่าจุกอยู่กับพื้น ร้องไห้สะอึกสะอื้นชนิดไม่คิดจะเกรงกลัวใครมาได้ยิน เพราะยังไม่มีใครมาเปิดร้านเนื่องจากเป็นวันธรรมดา
เวลาเปิดจึงสายกว่าปกติ เธอจึงได้ปลดปล่อยน้ำตาออกมาได้เต็มที่ จนแทบจะไม่หลงเหลืออะไรให้ไหลออกมาอีกแล้วก็ว่าได้
ไม่รู้ว่าหมกตัวอยู่ในร้านนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าน้าดามาถึงเมื่อไหร่ รู้ตัวอีกที ก็เห็นประตูหลังร้านเปิดออกแล้ว สองมือบางรีบยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้ม
เมื่อไม่อาจจะห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้ได้ แล้วรีบผละไปล้างหน้าตรงอ่างหลังร้าน จนแน่ใจว่าจะไม่อ่อนแอและร้องไห้ใส่น้าดาได้แล้ว ถึงได้เข้ามาหา
“เกิดอะไรขึ้นคะน้าดา”
แต่เพียงแค่เอ่ยถาม น้ำตาก็ไหลรินออกมาอีกวาระ จึงไม่คิดจะห้ามมันอีกแล้ว ได้แต่ปล่อยให้ไหลตามใจ ขณะพาตัวเองไปนั่งเก้าอี้บุนวม ยกสองขาขึ้นกอด
เพราะรู้สึกอ้างว้างอย่างยิ่งในเวลานี้ เวลาที่รู้สึกว่าไม่มีใคร รู้สึกว่าเหลือตัวคนเดียวในโลกก็ว่าได้
“เมื่อวานคุณคนนั้นมาบ้านเราค่ะ”
“ใครกันคะ”
“ก็นายทุนทำโรงแรมนั่นไงคะ”
“จริงเหรอคะ เขามาทำไมคะ”
“มากับกำนันเอียดค่ะ บอกว่าร้านที่คุณพี่ขายให้น่ะ จริงๆ แล้วกำนันมาซื้อแทนเขาเท่านั้น ไปๆ มาๆ ร้านก็เป็นของเขาอยู่ดีค่ะ แล้วเขาจะเดินหน้าสร้างโรงแรมต่อ หลังจากยอมหยุดมาสักพัก เพื่อเห็นแก่ที่คุณไวน์เอาตัวไปขายให้ถึงเตียง แล้วอ้อนวอนขอความเมตตาจากเขา ว่าไม่ให้สร้างเพราะไม่อยากให้ตลาดต้องยุบลง เขาก็เลยยอม แต่ตอนนี้ไม่แล้วค่ะ เขาจะเดินหน้าทำต่อแล้ว”
“จริงเหรอคะ...”
พิมพ์ภิษาเอ่ยได้แค่นั้น ก็อัดอั้นต้นใจจนพูดอะไรไม่ออกอีก ไม่เคยคาดคิด ว่าจะได้ยินคำบอกเหล่านี้เลยสักนิด ลัดดาเองก็เหมือนพอจะเดาได้ เลยไม่คิดจะโทษ
ตรงกันข้ามกลับเห็นใจไม่น้อย
“ใช่ค่ะ เขาเริ่มงานมาตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อนแล้วนะคะ น้าอยากจะบอกคุณไวน์แทบแย่ค่ะ แต่ไม่กล้า คิดว่ายังไงๆ คุณไวน์ก็คงจะทำอะไรไม่ได้ เพราะน้าได้ยินคนพูดตั้งแต่ตอนพาคุณพี่ไปผ่าแล้วค่ะว่า คุณไวน์...”
“เพราะไวน์เป็นแค่อีตัวของเขาใช่มั้ยคะ”
เสียงสะอึกสะอื้นนั้นเปล่งออกไป แม้อยากถามว่าน้าดารู้ได้ยังไง รู้จากใคร แต่เธอก็เก็บงำไว้ เพราะมีเรื่องให้เสียใจมากพอแล้ว
“ตอนนั้นน้าก็ไม่รู้แน่ชัดหรอกค่ะ บังเอิญน้าได้ยินพนักงานโรงพยาบาลคุยกันในห้องน้ำ เลยเอามาประติดประต่อกัน จนเข้าใจว่า ที่คุณไวน์ทำไปทั้งหมดก็เพื่อคุณพี่ เพื่อน้า เพื่อน้องๆ แล้วก็เพื่อคนในตลาดค่ะ แต่ในเมื่อสิ่งที่คุณไวน์พยายามจะทำไม่เป็นผล เขาไม่สนใจจะฟัง แถมยังเดินหน้าต่อ ดีหน่อยเขายังรักษาคุณพี่อยู่ น้าก็ไม่รู้จะบอกทำไมค่ะ เสียอย่างแล้ว ก็ยังไม่อยากเสียอีกอย่างไปด้วย ขอโทษนะคะ น้าเหมือนคนเห็นแก่ตัว รู้อะไรแล้วไม่บอกคุณไวน์ค่ะ”
“น้าดาอย่าโทษตัวเองเลยนะคะ ไวน์ผิดเองค่ะที่โง่ หลงเชื่อคำพูดของคนที่ไวน์แทบไม่รู้จักสักนิด ไวน์ผิดเองค่ะ”