คฑาธรยิ้มอย่างผู้ชนะ
จ้องมองอีกคนที่มองมาหาด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ เขาเดินไปยังโต๊ะทำงาน ดึงสัญญาออกมาแล้วเดินเอาไปยื่นให้
“ข้อแปดไง อ่านสิ แล้วคุณจะได้ไม่มาว่าผมอีก”
พิมพ์ภิษารีบรับมาแล้วเปิดอ่านทันที น้ำตาก็ไหลรินออกมาไม่ขาด เมื่อรู้ว่าตัวเองโง่มาก
ที่เชื่อหรือไว้ใจในความเป็นลูกผู้ชายอย่างเขา
“ไม่ใช่แค่ผมจะไม่จ่ายเงินที่เหลือด้วยนะ แต่บ้าน รถยนต์หรือข้าวของอื่นๆ คุณก็จะไม่ได้จากผม ถ้าขืนคุณยังคิดจะฉีกสัญญาก่อนครบกำหนด ทีหลังก็หัดอ่านอะไรให้ละเอียดนะ จะได้ไม่เสียเปรียบคู่ต่อสู้”
“คุณทำแบบนี้ทำไม ฉันไปทำอะไรให้คุณตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมคุณต้องทำให้ความรู้สึกดีๆ ที่ฉันมีให้คุณ เปลี่ยนมาเป็นความเกลียดด้วย”
หญิงสาวถือสัญญาด้วยมือไม้อันสั่นเทา ดวงตาคู่เศร้าหมอง ก็จ้องมองเขาด้วยความเจ็บร้าวไปทั่วแผงอก ความเกลียดชังในตัวเขากับคืนวันเก่าๆ เริ่มโลดแล่นเข้ามาหา
น้ำตาก็ไหลรินเป็นสายอาบสองแก้มลงไป แต่ชายหนุ่มดูเหมือนจะไม่แคร์ด้วยซ้ำ
“แน่ใจเหรอว่าคุณเกลียดผม เท่าที่ดูนะ ผมว่าคุณไม่ได้เป็นอย่างที่พูดหรอก ตรงกันข้าม คุณกลับรักผมด้วยซ้ำ เพราะไม่เคยมีผู้หญิงหน้าไหนอยู่กับผมแล้วจะไม่รักผมสักคน คุณก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น”
“ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อฉันไม่เคยรู้สึกอย่างที่คุณว่าเลยสักนิดเดียว ช่วยกรุณาฟังชัดๆ อีกครั้ง ว่าฉันไม่มีวันจะรักคุณ ในใจของฉันมีแต่ความเกลียดเท่านั้น ฉันเกลียดคุณตั้งแต่แรกเห็น กระทั่งเดี๋ยวนี้ ความรู้สึกฉันไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย ตรงกันข้าม ฉันกลับเกลียดคุณมากกว่าเดิมอีกร้อยเท่าพันเท่า ได้ยินมั้ยว่าฉันกละ...”
เมื่อความเสียใจที่ถูกพ่อตัดเป็นตัดตายรุมเร้าเข้ามา ถาโถมด้วยความผิดหวังในตัวเขาเข้าอีก หัวใจดวงน้อยๆ ที่ไม่เคยมองใครในแง่ร้ายมาก่อน ก็เกินจะทนรับกับสภาพได้ไหว
เป็นเหตุให้ร่างผอมบางที่ยืนเกาะประตูอยู่นั้น ค่อยๆ ทรุดฮวบลงไปกองอยู่กับพื้นทันที
“ไวน์!”
คฑาธรรีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความตกใจ เพียงแค่เห็นใบหน้าซีดเซียวไร้สีใดมาเจือปน เขาก็ช้อนเอาร่างอันอ่อนระทวยขึ้น พาเดินตรงเข้าห้องนอนทันที
ใบหน้าซีดเซียว เริ่มมีสีชมพูเข้ามาเจือปนแล้ว ดวงตาปิดสนิทก็ค่อยๆ ลืมขึ้นแล้ว จมูกได้กลิ่นน้ำมันหอมละเหยโชยเข้ามานำพาให้ชื่นใจไม่น้อย
แต่เมื่อเห็นคนกำลังถือหลอดยาจ่ออยู่ใกล้ๆ แล้ว จิตใจกลับสลดหดหู่ลงอย่างช่วยไม่ได้ พิมพ์ภิษาไม่เอ่ยอะไรนอกจากเบือนหน้าหนีเขาไปเท่านั้น
“ผมรู้ว่าคุณเกลียดผม ไม่อยากเห็นหน้าผม แต่คุณไม่มีทางเลี่ยงได้นานหรอก เพราะยังไงๆ เราก็จะไปด้วยกันอยู่ดี”
แม้จะไม่ได้หันไปมอง แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าเขาออกจากห้องไปแล้ว เพราะได้ยินเสียงประตูปิด เพียงเท่านั้นน้ำตาที่เพิ่งเหือดแห้งไป ก็ไหลรินออกมาอีกครั้ง
เมื่อคิดถึงรอยนิ้วมือที่พ่อประทับไว้ตรงแก้มถึงสองครั้ง พร้อมทั้งเท้าพ่อที่เตะลูกอย่างไม่ปรานีอีก ยังผลให้เจ็บช้ำจิตใจมากระทั่งวินาทีนี้
แถมยังมีความเสียใจอย่างล้นเหลือ กับการหักหลังของเขาเข้ามาอีก ไม่รู้ ไม่เข้าใจ! ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ ทั้งที่โดยนิสัยเท่าที่รู้จักเขามา เขาไม่น่าจะเป็นคนไม่รักษาคำพูดสักนิด
แต่จะคิดแบบนั้นไปได้ยังไง ในเมื่อคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ แม้แต่พ่อ เห็นมาตั้งแต่เกิด ยังไม่เคยรู้เลยว่าในใจพ่อคิดกับลูกคนนี้ยังไง
‘หยุดร้องไห้ได้แล้วไวน์ อย่าให้ใครเห็นน้ำตาเธออีก โดยเฉพาะเขา’
พยายามบอกตัวเอง แล้วหยัดกายลุกขึ้น คว้าผ้าเช็ดตัวตรงเข้าห้องน้ำ เพื่อหวังให้มันช่วยชะล้างคราบน้ำตาออกไปจากใบหน้าและจากใจให้หมดสิ้น
แต่ใช้เวลาเกือบชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แวววว่าความเสียใจจะหดหาย เลยตัดสินใจออกมาคว้าเสื้อผ้าในตู้ใส่
“ดีใจที่คุณออกมาสักที ถ้าเสร็จแล้วเราก็ไปกัน”
แม้จะสงสัยและไม่อยากไปสักแค่ไหน เธอก็ยังไม่มีกระจิตกระใจเอ่ยถามใดๆ แถมเขาก็ยังไม่ยอมให้มีโอกาสถามด้วยซ้ำ เพราะตรงเข้ามาคว้าข้อมือ
แล้วจูงออกนอกห้องไป พอถึงชั้นล่าง ร่างผอมบางก็ถูกเขายัดใส่ในรถ แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
อีกครั้งที่เธออยากรู้ว่าเขาจะพาไปไหน แต่ก็ยังคงไม่อยากจะหันไปหา แล้วอ้าปากถามอยู่ดี สิ่งที่พอจะทำให้ได้ตัวเองตอนนี้ก็คือ การปิดเปลือกตาลง แล้วหลับซะ จะได้ไม่รู้ไม่เห็นอะไรอีก
แต่กว่าจะหลับลงไปจริงๆ ได้ ก็ผ่านไปเป็นชั่วโมง เพราะในใจมัวแต่ครุ่นคิดเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในวันเดียวอยู่นั่นเอง
ตอนเพิ่งจะรู้ว่าพลาดพลั้ง
ค่ำมืดแล้วเมื่อพิมพ์ภิษารู้สึกตัว เพราะรถหยุดกึกลง บวกกับเสียงประตูเปิดปิดหลายครั้ง พร้อมทั้งเสียงคนคุยกัน นั่นทำให้ต้องลืมตาขึ้นมอง ก็พบว่ารถมาจอดอยู่บ้านพักตากอากาศของ ‘หมอขวด’
ที่เมื่อหลายเดือนก่อนเธอเคยมาแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่มีใครนอกจากเธอกับเขาและเด็กรับใช้ในบ้าน
“คุณขึ้นไปนอนต่อบนห้องเถอะ เดี๋ยวเด็กๆ จะยกมื้อเย็นไปให้เอง หรือถ้าหิวก็กินก่อน เด็กจัดโต๊ะรอแล้ว”
พิมพ์ภิษาไม่ได้ว่าอะไรอีกเช่นเคย แต่เดินตามหลังเด็กรับใช้เข้าไปในห้องอาหาร แม้ไม่หิวสักนิดและอยากหนีขึ้นห้องไปนอนสักแค่ไหน
แต่ก็ไม่คิดจะสร้างภาระให้เด็กรับใช้ไปมากกว่านี้ การทนนั่งเขี่ยอาหารไปมา น่าจะดีกว่าหนีขึ้นห้อง แล้วให้เขาสั่งนั่นสั่งนี่คนทั้งบ้าน
“ผมว่าวันนี้คุณคงยังไม่มีอะไรตกถึงท้องด้วยซ้ำ ทำไมไม่กินล่ะ หรืออยากให้ผมป้อนก่อน แล้วค่อยอุ้มขึ้นไปทำอะไรทีหลัง เลือกดีๆ นะ ปกติผมไม่ค่อยจะเอาใจใครด้วย”