ชายหนุ่มยิ้มบางๆ ออกมา เมื่อคิดถึงค่ำคืนที่ได้อยู่ด้วยกันเป็นครั้งแรก มันหอมหวานจนเขาไม่มีวันลืม และเขาก็ไม่มีวันลืมหน้าที่หลักที่เคยตั้งมั่นเอาไว้
บางทีนี่อาจจะถึงเวลาจะต้องตัดสินใจอะไรลงไป เขาค่อยๆ ประคองร่างอันหลับใหลให้ทาบลงไปกับเตียง ห่มผ้าให้อย่างแผ่วเบา
ส่วนตัวเองนั้น เดินออกไปยืนมองสภาพโดยรอบของห้องชุดสุดหรูหราราคาหลายสิบล้าน
“ไปจัดการมันซะ แล้วบอกมันว่า ถ้าไม่อยากตายให้อยู่ไกลๆ เธอเข้าไว้...”
เสียงทรงอำนาจของเขากรอกไปตามสาย สั่งงานคนสนิทอยู่นานหลายนาที จากนั้นก็ลงมือเก็บกวาดห้องเอง เพราะไม่อยากเรียกพนักงานขึ้นมาให้เป็นขี้ปากเปล่าๆ เขาใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ กว่าจะเสร็จ
พอกลับเข้าไปดูอีกคน ก็เห็นว่าตื่นแล้ว เขารีบช้อนกายอ่อนแรงพาเดินไปเข้าห้องน้ำ ไม่นานเธอก็อยู่ในสภาพเปียกปอน ตั้งแต่หัวจรดเท้า มีเขาจัดการให้ทุกอย่าง ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
แถมยังอุ้มเธอมาส่งถึงเตียง จัดหาเสื้อผ้าให้ใส่ เขาถึงได้กลับไปอาบน้ำอีกห้อง เพราะเหงื่อท่วมตัวจากงานเก็บกวาด
กลับออกมาพร้อมยาทาภายนอกหนึ่งหลอดในมือ มันถูกป้ายลงตรงมุมปากอวบอิ่ม ใต้ขอบตา ตามมือไม้และแขนขา ไม่เว้นแม้แต่แผ่นหลัง ที่ดูเหมือนจะหนักกว่าทุกครั้งที่เห็นมา
นั่นทำให้เขาอยากฆ่าไอ้ตัวต้นเหตุไม่น้อย ถ้าไม่ติดตรงที่ บ้านเมืองมีขื่อมีแปอยู่ เขาบอกได้คำเดียวว่ามันจะไม่ตายดี
“หิวมั้ย! ผมจะทำอะไรให้กิน หรือจะสั่งมาดี”
“แล้วแต่เบียร์ค่ะ แต่สั่งก็ได้ กานต์อยากนั่งกอดเบียร์มากกว่า”
“งั้นออกไปนั่งข้างนอกกัน”
หญิงสาวพยักหน้ารับคำแต่โดยดี สองแขนก็คล้องต้นคอของเขาเอาไว้ เพราะเขากำลังจะอุ้มออกไป ไม่ได้ให้เดินเหมือนปกติ กายผอมบางก็นั่งขดอยู่บนตักของเขา
แนบแก้มนุ่มบวมเปล่งลงบนแผงอกเขา
“ผมให้คนไปจัดการมันแล้ว ไม่เอาให้ถึงตาย แค่เกือบเลี้ยงไม่โต และสั่งไม่ให้มันมายุ่งกับกานต์อีกตลอดชีวิตเท่านั้น”
คนในอ้อมแขนไม่ได้ว่าอะไร นอกจากพยักหน้ารับกับแผงอกของเขาเท่านั้น เขาก้มลงไปสูดดมกลุ่มผมหอมนุ่ม ที่เพิ่งสระให้เมื่อครู่ มันเป็นเองโดยอัตโนมัติ หาใช่ความเสน่หาหรือเรื่องอื่นใด
“ผมไม่อยากให้กานต์เป็นแบบนี้อีกแล้ว สัญญากับผมได้มั้ยว่ากานต์จะพอ แล้วกลับไปอยู่กับคุณอาที่บ้าน ท่านคิดถึงกานต์มากนะ”
เขายังคงเอ่ยเสียงนุ่มนวลไปหา
“แล้วเบียร์ล่ะคะ ไม่เห็นพอ ไม่เห็นกลับไปอยู่กับคุณอาเลย”
คนในอ้อมแขนต่อรองเสียงอ่อย ก่อนจะมุดหน้าลงไปหาแผงอกเขาอีกรอบ สองแขนก็โอบกอดเขาแน่นกว่าเดิม ทำเอาเขายิ้มออกมาได้เป็นครั้งแรกในรอบวัน
แล้วกระชับวงแขนโอบกอดเธอแนบแน่นกว่าเดิมเช่นกัน พลันความคิดบางอย่างที่เคยวางโครงการร่วมกันเอาไว้นานนมก็ไหลมาในหัว
“งั้นเรามาหยุดพร้อมกัน แล้วทำในสิ่งที่เราเคยคุยกันไว้สักทีดีมั้ย”
สาวในอ้อมแขนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะแหงนใบหน้าอันบอบช้ำขึ้นมองเขา คล้ายๆ จะค้นหาคำตอบ ว่าที่เขาพูดมานั้น ตรงกับใจของเขามากน้อยแค่ไหน
หรือทำไปเพื่อปกป้องเท่านั้น แล้วเธอก็เห็นรอยยิ้มที่ทำให้เขาหล่อเหลาไม่ห่างหาย แต่สุดท้ายเธอก็ไม่คิดจะตัดสินอะไร ยังคงยกให้เขาเป็นผู้นำอยู่ดี
“กานต์แล้วแต่เบียร์ค่ะ ตอนนี้ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น”
“งั้นเราหยุดด้วยกัน แล้วก็แต่งงานกันนะ จะอาทิตย์หน้า หรือเดือนหน้าก็ได้ มันคงถึงเวลาของเราแล้วล่ะ”
ไม่รู้ทำไมในความคิดของเขา ถึงมีใบหน้าของอีกสาวผุดขึ้นมาด้วย มันคล้ายๆ เขาอยากเห็น ว่าเธอจะมีอาการยังไง เมื่อยามเขาบอกข่าวนี้ออกไปให้ได้รับรู้
“เบียร์แน่ใจเหรอคะ ว่าถึงเวลาของเราแล้ว” สาวในอ้อมกอดเขาเอ่ยเสียงนุ่มนวลขึ้นกว่าเมื่อครู่
“กานต์ล่ะครับ แน่ใจหรือยัง สำหรับผมถ้าบอกว่าใช่ก็คือใช่ จะไม่มีการลังเลอีก”
สาวที่เขาทอดทิ้งมา หายไปจากห้วงความคิดแล้ว แต่มีสาวตรงหน้าเข้ามาแทนที่ และสัญญาที่เคยให้ไว้แก่กันเมื่อนานปี มันค่อยๆ เด่นชัดขึ้น และเรียกร้องให้รับรู้ ว่าเวลาที่ทั้งสองใช้ในการค้นหาตัวเอง ให้รางวัลตัวเอง ใช้ชีวิตโสดโดยอิสระได้จบสิ้นลงแล้ว
และคำตอบของเขาก็คือ เขาจะจูงมือใครเข้าประตูวิวาห์ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่คนคอยอยู่เคียงข้างเขามาในอดีต
“ถ้าเบียร์แน่ใจ กานต์ก็คิดว่าพร้อมค่ะ หลายปีมานี้ กานต์ใช้ชีวิตโสดคุ้มค่าแล้ว ได้เห็นอะไรอย่างที่คิดไว้หมดแล้ว มันคงถึงเวลาจะทำให้คุณพ่อกับคุณอาสบายใจเรื่องเราสักทีใช่มั้ยคะ ว่าแต่เบียร์แน่ใจเหรอคะ ว่าจะไม่เสียใจเรื่องแต่งงาน”
“แน่ใจครับ ว่าแต่เราจะแต่งเมื่อไหร่ดี”
ทุกครั้งเมื่อไม่มีเขาอยู่ร่วมห้องด้วย เป็นอะไรที่พิมพ์ภิษาโล่งใจไม่น้อย จึงมีกะจิตกะใจจะออกจากห้อง ไปจับจ่ายข้าวของมาใส่ตู้เย็นไว้ แล้วทำอะไรกินโดยไม่มีบรรยากาศมึนตึงระหว่างกันมาเป็นอุปสรรค จากนั้นก็มาทำนั่นนี่ไปเรื่อย ตั้งแต่ปัดกวาดเช็ดถูทุกซอกทุกมุมในห้อง ไปจนซักรีดเสื้อผ้าทั้งของตัวเองและของเขาตามที่เคยทำมา
เห็นโต๊ะเขารกกว่าเคย เลยถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะเดินไปจัดข้าวของไว้ให้เป็นระเบียบ โดยไม่สลับสับเปลี่ยนอะไรบนนั้นเลย เพราะรู้ดีว่าเขาหาอะไรไม่เจอจะอารมณ์เสีย
แล้วก็เห็นซองสีทองอร่ามปึกหนึ่ง ถูกหนังสือตกแต่งภายในเล่มใหญ่วางทับไว้ แม้ไม่อยากยุ่งเรื่องของเขาสักแค่ไหน
แต่ก็ไม่วายเห็นกระดาษแข็งสีทองแบบเดียวกับซองไม่มีผิดเพี้ยนหนึ่งแผ่นที่เพิ่งตกลงไปอยู่พื้นตอนมือบางกำลังจัดข้าวของให้เข้าที่ เลยก้มลงไปหยิบขึ้นมาอ่านดู
ถึงได้รู้ว่า
มันคือการ์ดแต่งงานของเขานั่นเอง หัวใจที่เจ็บหนักเพราะถูกทั้งเขาและพ่อทำร้ายเหมือนจะแตกสลายลงอีก ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสถานภาพของเขา แต่ใจก็เฝ้าพร่ำถามด้วยความไม่เชื่ออยู่ดี