“แล้วนั่นพาใครมาด้วยล่ะ”
พิมพ์ภิษาไม่รอให้เขาแนะนำ แต่รีบทรุดกายลงนั่งกับพื้น เหมือนหญิงวัยกลางคน เดาได้ว่าน่าจะเป็นคนใกล้ชิด แล้วยกมือไหว้ด้วยท่าทีนอบน้อม
ยังผลให้คนยกมือรับไหว้ยิ้มอย่างอ่อนโยนมาหา แม้ในใจจะสงสัยระคนขุ่นเคืองไม่น้อย ว่าหลานชายหอบผู้หญิงมาอีกทำไม ในเมื่อพรุ่งนี้จะเข้าประตูวิวาห์อยู่แล้ว
“ผมฝากไวน์ไว้กับย่าสักสองอาทิตย์นะครับ กลับจากยุโรปเมื่อไหร่จะมารับครับ”
คนเป็นย่ามองหน้าหลาน สลับกับหน้าคนถูกเอามาฝาก แล้วถอนหายใจน้อยๆ ออกมา ด้วยรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว จะบ่น จะว่า จะด่าหลานก็คงแก้ไขอะไรไม่ได้
“ลูกเต้าเหล่าใครกันล่ะ หน้าตาคุ้นจังเลย”
“ย่าจะให้พักห้องไหนครับ”
หลานชายเฉไฉด้วยการตั้งคำถามกลับแทนที่จะตอบ
“งั้นก็พักห้องของเราไปก็แล้วกัน เดี๋ยวให้ละไมพาเอากระเป๋าไปเก็บ จะได้ดูห้องด้วย”
และนั่นก็ทำให้คนเป็นย่า หลงกล แล้วลืมเรื่องที่ถามเมื่อครู่ไปแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ ป้าละไมแค่เอากระเป๋าไปเก็บก็พอ แล้วนี่ย่าจะร้อยมาลัยไปไหนครับ หรือว่าวันพระ”
“ใช่จ้ะ! ละไมช่วยเอากระเป๋าไปไว้ห้องทีนะ แล้วเราจะอยู่กินมื้อเย็นด้วยมั้ย ย่าจะได้สั่งให้ทำเผื่อ” สั่งคนใกล้ชิดยังไม่เสร็จ คนเป็นย่าก็หันมาหาหลาน
“ผมจะค้างด้วยครับย่า”
คนฟังให้ระคายหูไม่น้อยกับคำบอกของหลาน ก็จะแต่งงานอยู่รอมร่อแล้ว ยังจะนอนกกสาวอื่นอีก แต่ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากถอนหายใจน้อยๆ แล้วหันไปหาละไม
“แล้วละไมก็ไปบอกแม่รวย ให้ช่วยทำมื้อเย็นเผื่อคุณเบียร์กับเพื่อนด้วย”
“ค่ะคุณย่า” พิมพ์ภิษาไม่รู้จะทำอะไร หรือไปอยู่ที่ไหนของบ้าน เพราะเขายังไม่ได้ออกคำสั่ง พอเห็นละไมลุกไป เลยขยับไปนั่งแทนที่แล้วช่วยเด็ดก้านมะลิต่อให้
“แล้วจะไปทันงานเหรอถ้าค้างน่ะ” ย่าเงินยังไม่วายถามปนเหน็บหลานอยู่ดี
“ไม่มีปัญหาครับ”
ส่วนหลานนั้นก็ตอบแบบไม่ต้องคิดอะไร พลางยิ้มน้อยๆ ให้ย่าสบายใจหายห่วงด้วย
“แล้วนี่จะมีเหลนให้ย่าเลยหรือเปล่า เราน่ะอายุอานามก็ไม่ใช่น้อยแล้วนะ หนูกานต์ก็ด้วย รีบๆ มีทายาทไว้สืบสกุล พ่อๆ ของเราจะได้สบายใจ”
แม้ข่าวการแต่งแบบสายฟ้าแล๊บของหลาน จะทำให้ย่าเงินรู้สึกผิดปกติอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ผูกไปหาเรื่องอื่นใด มากกว่าคิดว่าถึงเวลาที่หลานจะต้องมีครอบครัวแล้วเท่านั้น
“ยังไม่รู้เลยครับ ผมยกให้กานต์เป็นคนตัดสินใจ ว่าอยากมีหรือเปล่า หรือถ้ามีจะเป็นตอนไหน ผมได้ทั้งนั้นครับ”
เพราะเขารู้ดี ว่าอีกฝ่ายรักและห่วงเรื่องหุ่นมากจนไม่อยากมีลูกด้วยซ้ำ
“คงจะห่วงสวยตามเคยล่ะสิ ย่าล่ะไม่เข้าใจเด็กสมัยนี้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก เรื่องการดำเนินชีวิต หรือแม้แต่การครองเรือน เป็นสมัยย่าน่ะเหรอ แต่งงานแล้วก็ขึ้นกับสามีเท่านั้นล่ะ ว่าอยากมีลูกกี่คนต่อกี่คน ก็ถ้าเขาไม่อยากมีทายาทไว้สืบสกุลก็คงไม่แต่งงานหรอก”
พิมพ์ภิษาอยากลุกหนีไปอยู่ที่อื่นเหลือกำลัง คงจะดีกว่าต้องทนนั่งฟังเขากับย่าคุยเรื่องเหล่านี้ เพราะหัวใจมันเจ็บจี๊ดๆ ขึ้นมา น้ำตาก็พาลจะตก
เมื่อคำว่าทายาทของเขาแล่นเข้ามาจุกอยู่กลางอก แต่ก็พยายามฝืนเก็บอาการเอาไว้ ด้วยการให้ความสนใจกับมะลิในตะแกรงมากกว่าปกติ
“ย่าจะทำอะไรเลี้ยงผมครับ”
ไม่ต่างจากชายหนุ่ม ผู้จงใจจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องอื่น เมื่อเห็นว่าเรื่องเมื่อครู่ ไม่ได้ทำให้หญิงสาวสะทกสะท้านด้วยซ้ำ
ทำราวกับว่าดอกมะลิสำคัญกว่างานแต่งของเขาก็ไม่ปาน นั่นยิ่งทำให้ไฟโกรธในใจเขาคุกรุ่นขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล แต่เขาจะไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่ ให้มันรู้ไปว่าเจ้าหล่อนจะไม่สนใจเขาได้อีกนานแค่ไหน
พิมพ์ภิษายืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเศร้าหงอย ในยามพระอาทิตย์เพิ่งจะลาขอบฟ้าไปได้ไม่นาน บ้านน้อยในสวนกว้างใหญ่หลังนี้
ถ้าเป็นเวลาปกติ เธอคงจะชื่นชอบที่ได้มาอยู่ไม่น้อย เพราะใกล้เคียงกับบ้านสวนของตัวเอง
ยิ่งได้นั่งกินมื้อเย็นกับพื้น แล้วมีย่าของเขาคอยอวดเมนูต่างๆ ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้คิดถึงคุณย่าอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าท่านยังอยู่ ตัวเองคงไม่ถูกพ่อทำร้ายจิตใจมากมายขนาดนี้
“ยังไม่นอนอีกเหรอ ผมต้องตื่นแต่เช้านะ หรือคุณจงใจจะให้ผมไปงานแต่งสายกันล่ะ”
เจ้าของเรือนร่างผอมบาง มีผ้าซิ่นกับเสื้อคอกระเช้าหุ้มอยู่สะดุ้งน้อยๆ เมื่อมีสองแขนของเขาโอบกอดจากด้านหลังอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พวงแก้มก็ถูกจมูกโด่งของเขาสูดดมอย่างแผ่วเบา
ไล้ลงไปหาลำคอระหง สองมือเขาเลื่อนจากเอวขึ้นมาหาอกอวบอิ่ม บีบคลึงอย่างอิสระ
หญิงสาวรับรู้ถึงความหิวกระหายของเขาได้จากเบื้องหลัง เมื่อถูกกายผงาดตั้งของเขาเบียดเสียดอยู่จนแทบจะทะลุกางเกงผ้าแพรออกมาด้วยซ้ำ
ปมผ้าถุงถูกเขาดึงเบาๆ มันก็ตกไปกองอยู่กับพื้นแล้ว เสื้อคอกระเช้าก็ถูกเขาดึงแขนออกจากไหล่ระหง แล้วมันก็ตกลงไปกองรวมกับชิ้นก่อน
จากนั้นก็ถูกเขาจับไหล่ให้หมุนหน้ามาหาเขา ให้เขาจ้องมองเรือนกายที่มีสองอาภรณ์ตัวน้อยนิดปกปิดเอาไว้ พิมพ์ภิษาแหงนหน้าขึ้นตามมือที่เขาเชยคางมน
ดวงตาคู่เศร้าจ้องมองเขาตอบอย่างไม่เคยมีมาก่อน อาจจะเป็นเพราะเหตุผลที่ว่า นี่จะเป็นคืนสุดท้ายที่จะได้อยู่กับเขาในสภาพโสด
“ทำไมคุณถึงทำให้ผมหิวทุกครั้งเวลาได้อยู่ใกล้ๆ ขนาดนี้ เมื่อไหร่ผมจะเบื่อคุณ เมื่อไหร่ผมถึงจะปล่อยคุณไปได้สักที”