ตอนที่ึ 7

1230 คำ
“ไม่นึกว่า คุณก็ชอบเดินเดี่ยว เที่ยวห้างกับเขาเหมือนกัน ฉันก็นึกว่า คุณจะหมกตัวอยู่แต่ในบ้านเสียอีก เป็นไงล่ะ คะ นี่คุณคงจะจำฉันได้ เพราะฉันเป็นอาของตาหนึ่ง วิศรุต” “ฉันจำได้ดี ใน วันนั้น ที่คุณ มาที่บ้านของฉัน แล้วมาเอาตัวหลานชายของฉัน ไปจากบ้านด้วย” ทำให้พสวีค่อยๆหันสายตากลับมา เมื่อได้รู้ ว่าเป็นใคร “อ๋อ คุณนี่เอง ผมจำได้แล้ว น้องสาวนายโมน” ลำพังเสียงของหล่อนเขาก็จำแม่น เสียงใสกังวาน ในน้ำเสียงดูทีเล่นทีจริง คล้ายกับลูกเล่น และดวงตาคมหวานที่ หล่อนก็ยัง จะท้าทายเขาเช่นเดิม “ฮึ ผมจำได้ ไม่ต้องมาเตือนความทรงำจหรอก” พสวีมองจ้องอย่างสำรวจหล่อนอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ย และขิมมพัสตร์ตอบ “ก็ดีที่คุณจำได้” “ ฮึ ถึงผมจะมาเดินเดี่ยวเที่ยวในห้างอย่างนี้ ผมก็คิดว่า มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณนี่นา เพราะผมก็เดินอยู่คนเดียวไม่ได้พากิ๊กพาก๊อกมาด้วย” คำเอ่ยตอบของเขา ดูเหมือนจะท้าทายขิมมพัสตร์อีกครั้ง คำตอบนั้นไม่ได้ตอบดี แต่ว่า มีน้ำเสียงที่หยันและประชดใส่ แล้วเขา ก็ทำหน้าวางเฉย เหมือนคนหน้าเป็น และแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกต่างหาก ก็แทบจะทำให้สีหน้าของขิมมพัสตร์บึ้งตึงในทันที ที่หล่อนเจอฤทธิ์เดชของผู้ชายคนนี้เข้าเสียแล้ว และทำให้หล่อนโกรธจัด ที่เขาต่อล้อต่อเถียงกับหล่อน อย่างไม่ยอมแพ้ คำพูดคำจาของเขา ก็ร้ายกาจมากพอ ฮึ ปากขา ช่างเหมือนตะไกร พสวี ที่สายตาคมกริบจากดวงหน้าคมคายของเขา ก็ ยังคงมองหล่อนด้วยแววตาที่เฉยเมย ทำเหมือนกับว่าหล่อนนั้น ไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น ว่างเปล่าเหมือนอากาศ เป็นเรื่องที่ ทำให้ขิมมพัสตร์ นั้นแทบจะทนไม่ได้เลย เพราะว่า หล่อนเคยแต่ถูกคนที่พะเน้าพะนอเอาใจใส่ เทคแคร์สนใจ แต่ว่า เขา ผู้ชายคนนี้ กลับมองเมิน และ เหมือนหล่อนนั้น ไม่มีค่าความหมายอย่างนี้ เพราะไม่เคย มีผู้ชายคนไหน ที่เขากล้าทำกับหล่อนอย่างนี้มาก่อน ขิมมพัสตร์คิดว่า เขาคนนี้ กล้าที่จะถือดี และอวดดีกับหล่อนมาก “ ฮึ นี่ คุณ คิดว่า แกเป็นหลานของคุณคนเดียวหรือยังไง มันก็ หลานของผมเหมือนกัน” เสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย เบะริมฝีปากตอบหล่อน อย่างยืนยันมั่นใจในคำพูดของตัวเอง ข้อนี้ขิมมพัสตร์ไม่เถียง เพราะหล่อนรู้อยู่แก่ใจ แต่ว่า ถึงแม้จะเป็นหลานชายของเขา แต่ว่า พ่อของเด็กก็คือพี่ชายของหล่อนนี่เอง ซึ่งถ้าไปเถียงกับเขาไป มันก็ต้องไม่จบสิ้น เดี๋ยววกไปวนมาก็มาหยุดอยู่ที่เดิม และมันก็เป็น ปัญหาที่หาทางออกไม่ได้ ก็เพราะว่า ต่างคนต่างฝ่าย ก็ถือว่าตัวเองถูกและมีสิทธิ์เช่นกัน พสวีไม่ตอบโต้เถียงคำกับหล่อน แต่ว่า เขาได้ใช้วิธีการ และหาทางออก ด้วยการที่กำลังจะผละไปจากตรงนี้ แต่แหมือนกับขิมมพัสตร์จะรู้ หล่อนจึงเสียงเข้ม ขึ้นมา “นี่ คุณ จะรีบไปไหนล่ะ ถ้าคุณ แน่จริง ก็อยู่คุยกับฉันให้จบก่อนสิ” ทำให้ พสวีจึงชะงักฝีเท้าเอาไว้ แล้วหันหน้ากลับมา และ ทุกประโยคนั้น เขาก็ได้ยินชัดเจน เพราะ หล่อนต้องการ ที่จะให้ เขากลับมาคุยด้วย “ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณด้วย เพราะว่า ธุระผมมี และไม่มีธุระกับคุณ ไม่อยากต้องมาเสียเวลา ยืนคุยกับเรื่องที่ไร้สาระกับคุณหรอก” อาการโมโหแล่นขึ้นที่สีหน้าของขิมมพัสตร์ทันที พยายามสั่งระงับอารมณ์โกรธ อดกลั้นด้วยการนับหนึ่งถึงสิบในใจ “นี่นาย แสบนัก” ผู้ชายอะไรปากตะไกรเหลือเกิน ที่หล่อนคิดว่า ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่แค่ ปากเก่งธรรมดา แต่กล้าตอบประชดแบบกำปั้นทุบดิน ซึ่ง ขิมมพัสตร์ คิดว่า เขานั้น ไม่ให้เกียรติ แก่ผู้หญิงอย่างหล่อนเลย จะว่าไป นั้น เขาก็ถือว่า หน้าตาก็ดี แต่มารยาทแย่ สีหน้าของขิมมพัสตร์ ก็ยังคงจ้องหน้าเขา เมื่อร่างของเขา กำลังจะเดินลับหาย จากสายตาไป ภายในศูนย์อาหารของห้างสรรพสินค้า เดินมานาน พสวีนึกหิว เลยเดินมาสั่งราดหน้าหนึ่งจาน โดยถือคูปองที่แลกมาแทนเงินสดยื่นส่งให้ทางร้าน แล้วเลือกทรุดนั่งโต๊ะที่ว่าง เพื่อจัดการกับราดหน้าที่กำลังหิวจัด โดยลืมไปว่า สักพักก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินถือชามบะหมี่แห้ง กำลังเหลียวหาโต๊ะนั่งที่ว่าง ขิมมพัสตร์นี่เอง ที่ดูเหมือนคนจะนั่งเต็มไปหมด และหล่อนยังหาที่นั่งไม่ได้ เป็นที่ขัดอกขัดใจนางแบบดาราสาวชื่อดังนัก แต่ว่า หล่อนก็ต้องเก็บกิริยาเอาไว้ ไม่แสดงออกให้ใครเห็น ก็เพื่อรักษาภาพพจน์ที่ดี แม้หล่อนจะเกิดความรู้สึกที่เรียกว่า น่าเบื่อ คนเยอะ นั่งกันเบียดเสียดแออัดเหลือเกิน ทางเดินก็แคบ เล็กนิดเดียว ที่กว่าจะแหวกฝูงชนมาได้ นี่ถ้าขิมมพัสตร์ไม่นึกหิวจริงๆ หล่อนคงไม่ต้องเสียเวลาเข้าคิวต่อแถว เขาพยายามจะ มอง และเห็นที่ว่างอยู่โต๊ะหนึ่ง ซึ่งชายหนุ่มรีบเดินตรงไปทันที เพราะกลัวว่าจะไม่มีที่นั่ง เพราะวันนี้ดูเหมือนจะเป็นวันพฤหัส อีกหนึ่งวัน ก็ถือว่าเป็นวันหยุดพักผ่อนประจำสัปดาห์ของหนุ่มสาวที่หมกมุ่นเครียดอยู่กับงานที่รับผิดชอบ สังเกตได้ชัดว่า หลังจากเลิกงาน ทุกคนมักจะหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เพื่อให้คลายเครียด ทั้งเป็นการหาความสุขใส่ตัวเอง ที่ในศูนย์อาหาร และเดินตากแอร์เย็นๆข้างใน แต่ก็ไม่ได้บ่อยครั้งนัก ที่พสวีจะได้แวะมามาเที่ยวที่นี่ และถือว่า เขานั้นก็เป็นคนที่ประหยัด และมัธยัสถ์คนหนึ่ง ที่ต้องการมาเดินที่นี่ เพราะตั้งใจว่า จะหาซื้อข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว ที่จำเป็นต้องใช้ทุกวัน เพราะใกล้จะหมดแล้ว เห็นว่าช่วงนี้เป็นช่วงโปรโมชั่น ที่ทางห้างลดราคา ชนิดกระหน่ำระห่ำแหลก 50%ถึง70%ก็ว่าได้ ที่พสวีต้องการก็คือ สบู่แชมพูแล้วก็ยาสีฟัน เพียงเท่านั้นเอง แล้วก็คงตัดสินใจเรียกรถแท็กซี่เพื่อกลับบ้านไปพักผ่อน และ วันเสาร์ที่จะถึงนี้ พสวีคิดและตั้งใจว่า เขาจะขับรถ เพื่อไปหาหลานและพี่สาวแถวคลองรังสิต ชายหนุ่มไม่ได้ขับรถมา เพราะออกมาทำธุระข้างนอก และก็ คิดว่า มันไม่ได้ไกลจากที่พักนัก และไม่ได้ชวนเพื่อนมาด้วย เพราะรู้ดีว่า รายนั้นมีครอบครัวแล้ว จำเป็นต้องรีบไปรับหวานใจและมีธุระพิเศษที่ทำด้วยกัน เป็นส่วนตัว ซึ่ง พสวี นึกไปแล้ว ก็อยากจะอิจฉาความสุขของสองหนุ่มสาวเหลือเกิน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม