ความรู้สึกซ่อนเร้น 1.1

2260 คำ
ณ ประเทศไทย ห้องประชุมใหญ่ของบริษัทเจวายเคมาร์เก็ตติ้ง จำกัด(มหาชน) เปิดออกกว้าง หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมใหญ่ประจำปี อัครวัฒน์ วิมุตเดชาที่เวลานี้เป็นคุมบังเ**ยนเพียงคนเดียวในอาณาจักรของตระกูลเดินออกมาจากห้องดังกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ความเคร่งเครียดที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของอัครวัฒน์ไม่ได้มาจากเรื่องงาน แต่มาจากเรื่องบางเรื่องที่เขายังไม่สามารถจัดการให้ออกไปจากชีวิตอย่างถาวรเสียที ทั้งนี้น่าจะจบสิ้นไปตั้งแต่สามปีที่แล้ว “ได้เรื่องว่าไง พูดมาเร็วๆ ฉันอยากรู้เต็มแก่แล้ว” อัครวัฒน์เอ่ยถามภากรลูกน้องคนสนิทเมื่อเดินเข้ามาในห้องทำงานเรื่องที่เขารับรู้จากลูกน้องเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ทำให้เขาไม่มีสมาธิในการประชุมเท่าที่ควร ใจมันกระหวัดถึงข่าวที่ได้รู้และอยากรู้เพิ่มเติมใจแทบขาด “ตอนนี้คุณแคทอยู่อิตาลีครับ ไม่ได้อยู่ญี่ปุ่นตามที่เราเข้าใจจริงๆ ครับท่าน” ภากรรายงานตามที่ได้ไปสืบมา “ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ ไหนแกบอกไงว่าส่งแคทไปเป็นอีตัวที่จอร์แดนแล้วทำไมไปโผล่ที่อิตาลีหรือว่ามีใครซื้อมันไปอยู่ด้วย” อัครวัฒน์เอ่ยเสียงเครียดพร้อมกับคาดเดา อัครวัฒน์เป็นลุงแท้ๆ ของนันท์นภัส แต่ด้วยความโลภและต้องการครอบครองทรัพย์สมบัติหลายร้อยล้านของอัครพงศ์ผู้เป็นน้องชาย ทำให้เขาคิดแผนร้ายขึ้นมาด้วยการสังหารน้องชายและน้องสะใภ้โดยให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ หลังจากนั้นก็จัดการกับนันท์นภัสหลานสาวให้พ้นทางเป็นลำดับสุดท้าย ทิ้งห่างจากกำจัดองร่วมสายเลือดหกเดือน แต่จะให้ถึงขั้นเสียชีวิตก็ไม่ได้ เขาจะถูกจับตามองมากเกินไป วิธีที่เขาเลือกใช้กับหลานสาวนิสัยดีก็คือ ให้นันท์นภัสกลายเป็นคนหายสาบสูญและไม่มีใครสามารถตามหาเธอเจอ อัครวัฒน์จึงสั่งการให้ภากรติดต่อกับเคลล์ นักค้ามนุษย์ข้ามชาติให้นำตัวหลานสาวไปขายบริการต่างแดนแผนการทุกอย่างดูจะเรียบร้อย เขาหลอกล่อให้นันท์นภัสไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งโดยที่นั่นมีคนของเคลล์รออยู่ ต่อจากนั้นเธอก็ถูกนำตัวออกนอกประเทศไทยทางเรือจุดมุ่งหมายเป็นประเทศจอร์แดนตามที่ตกลงกันไว้ สองปีครึ่งที่ผ่านมาอัครวัฒน์คิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน แต่มันไม่ได้เป็นตามคาดคิด เมื่อลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งเดินทางไปเที่ยวอิตาลีและได้พบกับนันท์นภัสโดยบังเอิญ ทว่าญาติคนนี้ไม่ได้เข้าไปทักทายเนื่องจากเธอก้าวขึ้นไปบนรถยนต์สุดหรูคันหนึ่งเสียก่อน พออัครวัฒน์รู้เรื่องถึงกับร้อนใจ ความกังวลใจพุ่งพรวดกลัวว่าทรัพย์สมบัติที่เขาช่วงชิงมาจากหลานสาวจะหลุดมือไป ไม่ได้ เขายอมไม่ได้อย่างแน่นอน ชายสูงวัยจึงต้องกำจัดทุกคนที่จะบ่อนทำลายความสุขสบายของตน แม้กระทั่งคนที่นำข่าวของนันท์นภัสมาแจ้งให้ลงไปนอนอยู่ในโลงเพราะไม่เช่นนั้นเรื่องของหลานสาวจะต้องรู้ถึงหูคนอื่น นันท์นภัสก็จะไม่เป็นคนหายสาบสูญตามที่เขาต้องการ เมื่อจัดการกับญาติคนนั้นเสร็จ เขาก็ให้ภากรตามสืบเรื่องนี้และหาทางทำให้นันท์นภัสออกไปจากชีวิตและโลกใบนี้แบบถาวรเพื่อที่เขาจะได้เป็นเจ้าของสมบัติตระกูลวิมุตเดชาอย่างถาวรและถูกต้อง “เรื่องนั้นผมหาคำตอบไม่ได้ครับว่าทำไมคุณแคทถึงไม่ถูกส่งตัวไปจอร์แดนตามที่คุณท่านต้องการเพราะเคลล์หนีคดีฆ่าคนตายอยู่ ตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ผมเลยไม่ตามหาคำตอบเพราะคิดว่าหาไปก็ไม่มีประโยชน์สู้ตามสืบเรื่องคุณแคทดีกว่าครับ” ภากรตอบพร้อมขยายความให้เจ้านายเข้าใจแล้วคิดว่าเรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่จะรู้ “แล้วได้เรื่องยังไงล่ะ” อัครวัฒน์ถามอย่างร้อนใจ “ผมส่งคนไปตามสืบเรื่องนี้อยู่นานครับจนแน่ใจว่า ตอนนี้คุณแคทอยู่กรุงโรม ประเทศอิตาลี อยู่ในบ้านของตระกูลกัลเซลโลครับ ผมคิดว่าคุณแคทน่าจะไปเป็นคนใช้บ้านนี้” ภากรไม่คิดว่านันท์นภัสจะอยู่ในฐานะอื่น นอกเสียจากฐานะที่เขากล่าวไปทั้งที่ในใจยังแย้งว่า คนที่เคยเป็นเจ้าคนนายคนอยู่บ้านหลังใหญ่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีเงินใช้สอยไปตลอดชีวิต ชี้นิ้วสั่งบริวารทั้งหลายโดยไม่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองให้เหนื่อยจะไปเป็นคนรับใช้บ้านอื่นได้อย่างนั้นหรือ แต่คิดไปคิดมาบางทีสถานการณ์อาจจะบังคับให้เธอต้องทำเพื่อความอยู่รอดก็เป็นได้ “แล้วแคทไปอยู่ที่นั่นได้ยังไงล่ะ หนังสือเดินทาง วีซ่าก็ไม่มีแต่อยู่ที่นั่นได้โดยที่ไม่ต้องหลบซ่อน” “อาจเป็นเพราะตระกูลกัลเซลโลเป็นตระกูลที่มีอำนาจ หรือจะพูดได้ว่าเป็นมาเฟียของที่นั่น เรื่องที่จะมีคนใช้เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายมาอยู่ในบ้าน ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรครับ เมืองไทยก็ทำกันเยอะแยะไปครับ” ภากรสันนิษฐาน “มันก็น่าเป็นไปได้” อัครวัฒน์คิดเห็นตรงกันกับความคิดของลูกน้อง “มึงรู้ที่อยู่ของแคทแล้ว มึงก็ส่งคนไปจัดการซะเลยสิ จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันไป” “ผมมีวิธีครับ คุณท่านอาจจะต้องลงทุนมากหน่อย แต่รับรองผลร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ” “งานนี้กูทุ่มไม่อั้น เท่าไหร่เท่ากันขอแค่ให้แคทมันตายจากชีวิตกูไปก็พอ วันนั้นมันน่าจะอยู่ในรถกับพ่อแม่มันด้วย มันจะได้ตายห่ากันทั้งครอบครัว กูจะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัวอยู่อย่างนี้” อัครวัฒน์ยังนึกเสียดายเหตุการณ์ในวันนั้น หากวิมาลาภรรยาของเขาไม่ไปรับนันท์นภัสที่สนามบินแทนน้องชายและน้องสะใภ้ของเขา ป่านนี้อัครวัฒน์ก็ได้เสวยสุขกับกองสมบัติที่ตนเองช่วงชิงมาครอบครองโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมและความเป็นพี่เป็นน้องได้อย่างสบายใจ “ผมมีเพื่อนที่อยู่อังกฤษคนนึง เขาเป็นนายหน้าให้มือปืนรับจ้างครับ แต่ค่าจ้างจะสูงหน่อยคิดเป็นเงินไทยก็ราวสามล้านบาทครับ แต่รับรองว่างานสำเร็จ” ภากรเอ่ยบอกเจ้านาย “กูเซ็นเช็คให้มึงไปเลยห้าล้าน เผื่อขาดเผื่อเกิน” เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขา ขอเพียงแค่นันท์นภัสหายไปจากโลกนี้ ไม่มากวนใจหรือเข้ามารับมรดกทุกอย่างในฐานะทายาทโดยตรง ต่อให้เสียเงินเป็นสิบล้าน เขาก็ยอมทุ่มหากมันจะคุ้มกับเงินที่เขาลงทุนไป “จัดการให้เร็วที่สุดนะ ฉันไม่อยากให้เรื่องนี้มากวนใจฉันนาน” อัครวัฒน์พูดขณะที่ยื่นเช็คเงินสดให้ภากรที่ยื่นมือมารับไว้ “ครับท่าน ผมจะติดต่อเพื่อนวันนี้เลย ทางโน้นลงมือเมื่อไหร่ผมจะมาแจ้งคุณท่านอีกทีนะครับ” “อืม ขอบใจมากที่เป็นธุระให้” หากเขาไม่มีภากรเป็นมือเป็นเท้าให้ เรื่องบางเรื่องคงไม่สำเร็จ “แล้วอย่าให้พลาดเป็นครั้งที่สองล่ะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าแคท ฉันอยากให้มันตาย” “ครับคุณท่าน รับรองว่าคราวนี้คุณแคทได้ไปอยู่ในปรโลกสมใจคุณท่านแน่ครับ” ภากรพูดจบก็เดินออกไปจากห้องของเจ้านายทันที เพื่อไปทำงานสำคัญให้กับเจ้านาย...งานสำคัญที่ต้องไม่มีคำว่าพลาด   หนึ่งเดือนต่อมา งานฉลองวันวิวาห์ระหว่างแอมโตนิโอกับบัวบุษยาถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ ภายในโรงแรมหรูแห่งหนึ่งกลางเมืองเวนิส แขกเหรื่อเริ่มทยอยกันเข้ามาในงานอย่างต่อเนื่อง บ่าวสาวยืนรับแขกหน้างาน ใบหน้าของทั้งสองแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม มือใหญ่ของเจ้าบ่าวกุมมือเล็กของเจ้าสาวไว้ตลอดเวลา นำพาความสุขมาให้กับบุคคลที่พบเห็น รวมทั้งมารดาของคู่บ่าวสาว นวลจันทร์บินตรงมาที่อิตาลีหลังจากลูกเขยจัดการเรื่องหนังสือเดินทางและเรื่องวีซ่าเรียบร้อย นางรู้สึกดีใจและปลื้มใจเป็นอย่างมากที่บัวบุษยาได้แต่งงานกับคนที่ดีพร้อมและรักลูกสาวของนางด้วยหัวใจ ไม่ใช่ฐานะ นางไม่มีอะไรต้องห่วงอีกต่อไปแล้ว น้ำตาแห่งความดีใจไหลซึมมาตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เห็นลูกสาวสวมชุดเจ้าสาวชุดสวย พิธีทางศาสนาในโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ จนเลยมาถึงงานฉลองวิวาห์ในตอนค่ำ พาโอลีน่ามารดาของแอมโตนิโอก็เช่นเดียวกัน ดีใจที่ได้บัวบุษยามาเป็นสะใภ้ ไม่คิดด้วยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้จะสามารถกำราบหมาป่าล่าเนื้อให้เชื่องได้มากขนาดนี้ หยุดพฤติกรรมเจ้าชู้ หยุดความกะล่อนไว้ที่ลูกกวางน้อยเพียงคนเดียวมารดาของเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่นั่งยืนอยู่ใกล้ๆ กับร่างของคู่บ่าวสาว ต่างหันมายิ้มให้กันและกัน เมื่อมองเห็นความสุขของลูก “ทำไมนายมาช้าจังเลย เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวแท้ๆ” แอมโตนิโอตำหนิอูโก้ญาติหนุ่มที่เพิ่งเดินทางมาถึงช้ากว่าเวลาที่บอกไว้ อูโก้ยักไหล่เดินตรงไปสวมกอดเจ้าสาว แถมยังหอมที่แก้มเนียนใสต่อหน้าต่อตาคนขี้หวง “เฮ้ยๆๆๆ นั่นเมียกูนะไอ้อูโก้ เดี๋ยวโดนต่อย” หมาป่าล่าเนื้อขู่ญาติสนิททันที “ก็เมียนายสิวะ ไม่ใช่เมียฉันซะหน่อย ฉันแค่ทักทายธรรมดาเอง ทำเป็นหวงไปได้” อูโก้พูดอย่างไม่ใส่ใจ ทำหน้าทำตาทะเล้นใส่อีกต่างหาก “เออ ทีใครทีมัน งานแต่งงานของนาย  ฉันจะทั้งกอด ทั้งจูบเจ้าสาวของนายบ้าง” แอมโตนิโอโอบพูดใส่หน้าอูโก้อย่างไม่ยอมแพ้ บัวบุษยาขำขันกับที่ท่าของทั้งสองไม่ได้ ไม่มีใครยอมใครจริงๆ “ฝันไปเถอะว่าจะมีวันนั้น ชาตินี้ฉันจะไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนไหนทั้งสิ้น นอกจาก...ช่างเถอะอย่าไปพูดถึงมันเลย” อูโก้เกือบพลั้งเผลอพูดชื่อของผู้หญิงคนหนึ่งออกไป ก่อนจะตัดบทไม่พูดถึงหัวข้อในการสนทนา แอมโตนิโอรู้ว่าคำที่ขาดหายไปนั้นหมายถึงใคร ตบบ่าของญาติหนุ่มเบาๆ คล้ายกับให้กำลังใจ “แล้วคุณลุงกับคุณป้าล่ะ ทำไมไม่มาพร้อมกับนาย” เจ้าบ่าวเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องอื่นแทน “เดี๋ยวคงมา ฉันมาก่อนน่ะ รำคาญ” อูโก้พูดอย่างหงุดหงิด เมื่อนึกถึงตัวต้นเหตุที่ทำให้เขามีความรู้สึกนั้น “รำคาญอะไรวะ” “รำคาญแมวไม่มีที่อยู่นะสิ นึกว่าตัวเองวิเศษวิโสมากนักหรือไง แต่งตัวทีนานเป็นชั่วโมง แต่งสวยไปก็ไม่มีใครมองจะแต่งไปทำไมก็ไม่รู้” อูโก้ตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ และนี่คือสาเหตุที่เขาเดินทางมางานช้ากว่ากำหนด เป็นเพราะเขาต้องนั่งรอนันท์นภัสที่แต่งหน้าทำผมนานกว่าปกติ ไม่รู้จะแต่งตัวอะไรนักหนานานเป็นชั่วโมง ทำให้คนอื่นๆ ที่แต่งตัวเรียบร้อยพร้อมออกเดินทางต้องมานั่งรอ จะต่อว่าเต็มปากเหมือนเคยก็ไม่ได้ เนื่องจากมารดาของเขาเป็นคนกำกับดูแลเรื่องการแต่งตัวให้นันท์นภัสด้วยตัวเอง อูโก้จึงตัดสินใจเดินทางมาที่งานก่อน ส่วนคนอื่นๆ ตามมาทีหลัง “นายไม่อยากมอง แต่คนอื่นเค้าอาจจะอยากมองก็ได้ใครจะไปรู้ ไม่แน่นะ แคทอาจจะสวยจนนายกับผู้ชายในงานตะลึงก็ได้” แอมโตนิโอรู้ดีว่า แมวไม่มีที่อยู่ ที่อูโก้พูดออกมานั้นคือใคร บางครั้งเขาเองก็อดที่จะสงสารนันท์นภัสไม่ได้ เวลาที่ถูกอูโก้ทำร้ายด้วยวาจา เหยียบย่ำหัวใจ มีอยู่ครั้งหนึ่งแอมโตนิโอเดินทางไปเยี่ยมอูโก้ที่ประเทศอังกฤษ เขาเห็นแมวไม่มีที่อยู่นั่งร้องไห้อยู่บนม้านั่งตัวยาวตรงทะเลสาบ พอเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ นันท์นภัสรีบปาดน้ำตาทิ้งทันที เดาได้ไม่ยากเลยว่า ใครคือสาเหตุที่ทำให้หญิงสาวผู้น่าสงสารคนนี้ร้องไห้ มีคนเดียวเท่านั้น อูโก้ กัลเซลโล “สำหรับคนอื่นนะใช่ แต่สำหรับฉัน ไม่” คำพูดสุดท้ายย้ำหนักและหนักแน่น นันท์นภัสไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลยสักนิด ผู้หญิงคนนี้เป็นได้แค่ของเล่นคลายเหงาของเขาเท่านั้น ไม่มีค่ามากพอที่จะทำให้เขาตะลึงในทุกๆ เรื่อง “เหรอ มันก็จริงอย่างที่นายพูดจริงๆ ด้วย ดูสิ ผู้ชายคนอื่นมองแคทกันตาแทบถลนเลย นายว่าไหม” คำพูดและสายตาของแอมโตนิโอทำให้อูโก้เกิดความสงสัย จึงตามสายตาของญาติหนุ่มไปยังคนกลุ่มหนึ่งที่เดินมายังจุดที่เขาและคู่บ่าวสาวยืนอยู่ ดวงตาของอูโก้ตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อมองเห็นเรือนร่างของสตรีนางหนึ่งที่เดินเคียงข้างร่างของมารดา ผู้หญิงคนนั้นคือผู้หญิงที่เขาปรามาสเอาไว้เมื่อสักครู่ 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม