งานแต่งของต้นอ้อถูกจัดที่ประจวบฯ เพราะว่าที่เจ้าสาววาดฝันไว้หากแต่งงาน อยากจัดที่ทะเล โชคล้มทับที่เจ้าบ่าวนั้นร่ำรวยอยู่พอสมควรแถมยังเป็นเจ้าของรีสอร์ทติดทะเลอีกหลายที่จึงใช้พื้นที่ของตนเองจัดเสียเลย
ก่อนออกเดินทางไม่รู้ว่าทำไมก้านเพชรถึงหัวเสียจนแทบคลั่งเมื่อรู้ว่าเธอจะมางานแต่งงานของต้นอ้อแทนที่จะไปทะเลอีกจังหวัดตามที่ผู้เป็นพี่ออกปากชวน ขวัญข้าวไม่ได้ตอบตกลงไปกับก้านเพชรแม้อีกฝ่ายจะรบเร้าแค่ไหนก็ตามที เพราะงานแต่งงานของต้นอ้อเธอไม่อาจเบี้ยวได้
“เดี๋ยวซื้อของขวัญ ใส่ซองให้สักหมื่นก็ได้ ไปกับพี่เถอะยัยน้อง”
“ทำแบบนั้นได้ยังไงละคะพี่ก้าน เอาไว้วันหลังก็แล้วกันนะ”
ยังจำใบหน้าที่เขียวช้ำของพี่ชายได้ดีก่อนออกเดินทางเพราะดูเหมือนจะแดงกล่ำดำมืด แววตาขมึงทึ้งเครียดขึ้งราวกับโกรธอะไรนักหนาเสียอย่างนั้น
ไม่มีใครคาดคิดว่าต้นอ้อจะได้เป็นคนแรกของรุ่นที่แต่งงานแบบนี้และที่ต้องเร่งจัดงานอย่างเร็วนั่นเพราะเจ้าสาวกำลังจะ
เป็นว่าที่คุณแม่ ตอนนี้ครรภ์ย่างเข้าเดือนที่สามเข้าไปแล้ว
เพื่อนมากันเกือบหมด ยกเว้นธิดารัตน์ที่ต้องเดินทางไปงานศพของญาติผู้ใหญ่ที่เชียงใหม่จึงมาไม่ได้ รายนั้นบ่นอุบเลยทีเดียวที่พลาดงานแต่งงานงานแรกของเพื่อนสนิทอย่างต้นอ้อ
ลากกระเป๋าเก็บของกันแล้ว ชวนกันลงเล่นน้ำทันที
“ใครถึงโขดหินตรงโน้นคนสุดท้าย โดนฝังทรายเว้ย!”
เสียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งตะโกนบอก อีกคนรีบค้าน
“ไม่เอาๆ โดนแกะกุ้งแกะปูดีกว่า”
“เออ เอางั้นก็ได้”
เสียงท้าทายอย่างสนุกสนานของวัยรุ่นชายหญิงเกือบสิบคนตรงชายทะเลนั่นดังจนไปถึงฝั่ง ธนากรยืนมองกลุ่มเด็กๆเหล่านั้นก่อนรับแก้วจากพนักงานของโรงแรมมาดื่ม ฐานัส เพื่อนที่เป็นเจ้าของรีสอร์ทเดินตามหลังมาอดสัพยอกขึ้นไม่ได้
“ไม่ควงสาวมาด้วยหรือวะนายใหญ่แห่งไร่พืชวิวัฒน์พัฒนะการกุล”
คนถูกทักตอบยิ้มๆกลับไปทันที “มีที่ไหน”
“อย่างนายกรแห่งไร่พืชวิวัฒน์พัฒนะการกุลเนี่ยนะไม่มีสาวให้ควง หรืออยากได้เพื่อนของต้นอ้อ ส่องเอาเลยนะเว้ย เด็ดๆทั้งนั้น”
“สิบแปดเนี่ยนะ”
“บางคนก็สิบเก้าแล้วนะเว้ยคุณธนากรครับ”
“ไอ้ทุเรศ พ่อตาไม่เอาปืนยิงหัวก็บุญแล้วมึง”
“คนมันรักนี่หว่าทำไงได้” ว่าที่เจ้าบ่าวบอกทั้งยังยิ้มกริ่มว่าไป
“เบาๆมือมั่ง น้องเขายังเด็กมากอย่าหักโหมนัก”
“เบาหรือหนักไม่รู้ล่ะ แต่ตอนนี้พี่ฐานำไปแล้วหนึ่งคร้าบ” ฐานัสโวเสียเลย ธนากรส่ายหน้าไม่ได้ว่าอะไรต่ออีก
เพื่อนของเขาหลายคนมีลูกกันไปบ้างแล้วด้วยวัยสามสิบกลางๆเหยียบย่างเข้าสี่สิบเช่นนี้ บางคนที่ยังไม่มี อย่างน้อยสุดก็มีแฟนคบหาดูใจกันเป็นตัวเป็นตน แต่ธนากรยังไม่คิดถึงเรื่องนั้นเลยสักนิด เขายังสนุกกับงาน สนุกกับชีวิตโสด และนึกภาพตนเองตกหลุมรักใครสักคนไม่ออกเลย ฉับพลันแววตาคู่หนึ่งสว่างวาบเข้ามาในความคิด
เด็กดื้อ ดื้อตาใสเสียด้วย
เขานิยามแววตาคู่นั้นได้ในทันทีที่สบตาอยู่ด้วยหลายต่อหลายครั้ง
“เห้ย! ไปไหนวะไอ้กร”
ว่าที่เจ้าบ่าวลุกขึ้นถามอย่างตกใจเมื่อเห็นเพื่อนรักพุ่งตัวไปยังหาดเบื้องหน้าแล้วกระโจนลงน้ำไปยังทิศทางของกลุ่มเพื่อนต้นอ้อ
“มีคนจมน้ำค่ะ ช่วยด้วย”
แล้วเสียงร้องจากทางนั้นก็ดังแว่วมา ฐานัสวิ่งตามมาจากนั้น
ธนากรว่ายจนถึงแล้วดำลงไปรอบแรก เขาไม่เห็นร่างที่ว่าจมนั่น จึงผุดขึ้นมาสูดอากาศเอาหายใจเฮือกหนึ่งเข้าปอดดำลงไปอีกรอบจึงเห็นร่างเล็กลอยคว้างอยู่ไม่ไกลจากตรงที่เขาผุดลงไปหา ชายหนุ่มพุ่งตัวตรงเข้าคว้าร่างนั้นแล้วลากเข้าฝั่งได้ในที่สุด
แนน เด็กสาวผู้ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับธนากรเข้าไปเขย่าร่างเล็กๆที่ถูกลากขึ้นจากน้ำทะเลด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“ข้าวเป็นยังไงบ้าง”
ธนากรจัดแจงช่วยปฐมพยาบาลให้ทันทีเพราะดูท่าคนอื่นๆจะยังตกใจกันอยู่
“ข้าว ข้าว เป็นไงบ้าง”
เด็กสาวที่คงเป็นเพื่อนกันกับเจ้าหล่อนเข้ามามุงพร้อมกับเรียกชื่อขวัญข้าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนกตามกันไป ไม่นานหลังได้รับการช่วยเหลือเด็กสาวสำลักน้ำออกมาในทันที
“แค่ก แค่ก”
เด็กหนุ่มร้องไชโยเมื่อเห็นเพื่อนมีสติกลับคืนมา “พระเจ้าช่วย ไอ้ข้าวฟื้นแล้วโว๊ย”
“พระเจ้าไหนช่วย พี่ชายฉันเนี่ยช่วยอยู่” แนนบอกอย่างเคืองๆ
ธนากรผละออกแล้วสั่งแนนที่เป็นญาติผู้น้อง “พาเพื่อนไปพักก่อนไปแนน”
“ค่ะพี่กร ขอบคุณพี่กรนะคะ นี่ถ้าไม่ได้พี่กรช่วยล่ะแย่แน่เลย”
คนอื่นเลยพากันยกมือไหว้ขอบคุณแล้วช่วยพยุงขวัญข้าวกลับห้องพักในเวลาต่อมา เดินมาจนเกือบถึงหน้าห้อง แนนว่าขึ้น
“น่าแปลกนะ”
อีกคนถามทันที “แปลกอะไรแนน”
“เราเคยได้ยินมาว่าพี่กรแกกลัวน้ำน่ะสิ”
คนที่เพิ่งรอดพ้นจากการจมน้ำกระพริบตาปริบๆถาม “ติดเชื้อสุนัขบ้าน่ะหรือ”
“ไม่ใช่!” แนนปฏิเสธเสียงหลงเลยทีเดียว ละมือข้างหนึ่งรับคีย์การ์ดห้องพักแตะก่อนผลักประตูพากันเข้าห้องแล้วถึงเล่า “คือตอนเด็กๆพี่แกเคยจมน้ำแล้วคือพวกญาติจะรู้กันหมดไงว่าพี่กรน่ะถ้าเลี่ยงได้แกจะไม่ลงน้ำเลย”
ขวัญข้าวฟังจบเอียงคอคิดอย่างสงสัยครู่เดียว ว่าออกไป
“หายกลัวแล้วละมัง โตขนาดนั้นแล้วนี่”
“ไม่รู้สิ เห็นพวกพี่ฐายังเคยแซวอยู่เลยนะเรื่องกลัวน้ำเนี่ย” เพื่อนที่ชื่อแนนรู้เรื่องของคนที่กล่าวถึงดีพอควรเพราะเป็นญาติกับทางนั้นเลยเล่าเจื้อยแจ้วก่อนส่งสายตามาทางขวัญข้าว ทำหน้าเจ้าเล่ห์มองเพื่อน “หรือไม่ก็…”
ขวัญข้าวขมวดคิ้วถาม “หรือไม่อะไร”
“คิดอะไรกับแกไงข้าว กลัวว่าสาวน้อยที่แอบรักจะจมน้ำตาย เลยฮึดลงไปช่วยลืมว่าตัวเองเคยจมน้ำเกือบตายเหมือนกันเมื่อตอนเด็กๆน่ะ”
ขวัญข้าวแหวออกมาทันที “บ้า!”
แนนหัวเราะลั่นห้อง ถามทั้งที่ยังขำอยู่ “ใครบ้า ฉัน แกหรือพี่กร”
“ทั้งหมดนั่นแหละ...ยกเว้นเรายังดีไม่บ้าเหมือนพวกแก”
แปลกที่พอฟังแนนเล่าจบ ใบหน้าพลันร้อนวาบขึ้นมาในทันที แนนไม่ใช่คนพูดอะไรแล้วจะเชื่อได้ทั้งหมด เพื่อนคนหนึ่งเคยอำแนนว่าเวลาเจ้าตัวพูดอะไรออกมาต้องเอาร้อยหารเอาล้านลบถึงจะได้ถ้อยความที่เป็นจริง นี่ก็คงเช่นกัน