คืนนี้แล้วที่งานเลี้ยงถูกจัดขึ้น ฐานัสเชิญเฉพาะเพื่อนและญาติสนิทกันจริงๆ พิธีเช้าเตรียมสถานที่บริเวณลานหน้าหาด เขาจัดงานได้อย่างสวยงามกินใจจนเจ้าสาวร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งอยู่นานหลายรอบในความพิถีพิถันของเจ้าบ่าว ยังผลให้สาวๆในงานทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ตาร้อนผ่าวกันทั้งงาน
จวบจนตะวันตกดินงานปาร์ตี้เล็กๆถูกจัดขึ้นตรงริมหาดอีกครั้ง สถานที่จัดงานเลี้ยงฉลองด้วยธีมสีสันอย่างที่เจ้าสาวโปรดปราน ดอกไม้หลากชนิดอย่างที่ต้นอ้อชอบ ฐานัสสั่งให้ทีมงานจัดเตรียมอย่างหรูหราเอาใจภรรยาของตนสุดฤทธิ์
ขวัญข้าวมองไปรอบๆงานด้วยสายตาชื่นชม
ต้นอ้อโชคดีจริงที่ได้เจ้าบ่าวอย่างฐานัส แม้จะไม่ใช่วัยที่เหมาะสมกับการแต่งงาน แต่ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้จะทำอะไรได้มากกว่าการยอมรับและทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
ตอนนี้เพื่อนคนอื่นบ้างกินดื่ม บางคนลงทะเลกันไปก็มี ส่วนเธอนั่งโต๊ะกับแนนมองไปรอบๆแค่นี้ก็สนุกแล้ว พลันเสียงที่เด็กสาวเริ่มคุ้นชินทักมาจากทางด้านหลัง
“ดีขึ้นแล้วหรือเราน่ะ”
“เพื่อนหนูไม่เป็นอะไรสักหน่อย เนอะข้าวเนอะ” แนนตอบญาติผู้พี่ทันควัน ท้ายประโยคหันมาลากขวัญข้าวให้เข้าร่วมในบทสนทนาอย่างแนบเนียนอีกด้วย
“ดีแล้ว ทีหลังก็อย่าทำอะไรเสี่ยงๆกันอีก” ว่าราวกับสอน
บอกจบ เดินไปสมทบกับรุ่นใหญ่ที่เป็นเพื่อนของฝ่ายเจ้าบ่าวบริเวณสระว่ายน้ำไม่ไกลจากที่เธอนั่งเท่าไรนัก
แนนมองตามหลังจนอีกฝ่ายนั่งลงแล้วก็ว่า
“พี่กรมาแปลกอีกละ”
ขวัญข้าวกรอกตาให้เห็นกันจะจะ ถามอย่างเอือมๆ
“แปลกอะไรอีกล่ะ”
“ก็ปกติ พี่แกไม่ค่อยใส่ใจใครนี่นา”
“คิดเยอะไปไหมแนน”
“ทำตัวให้คิดไหมแก”
“พอเลย”
“เขินล่ะซี้ นี่ถ้าพี่กรกับแกลอง…”
“บอกว่าพอ”
“อะไร ร้อนตัวหรือ คิดไปถึงไหนของแกห๊ะข้าว พี่กรเขาไม่ชอบเด็กๆแบบพวกเราหรอกหรอก นู่น...” แนนว่าไปหัวเราะไปแล้วบุ้ยปากให้มองที่โต๊ะของฐานัส เพราะตอนนี้มีบรรดาเพื่อนชายหญิงของเจ้าบ่าวที่ทั้งสวยทั้งหล่อกันทั้งนั้นนั่งคุยหัวเราะกินดื่มกันอย่างสนุกสนาน
ขวัญข้าวที่รู้สึกสนุกอยู่ในตอนแรก พลันรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นในใจในนาทีนั้นอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ เมื่อเห็นนายใหญ่แห่งไร่พืชวิวัฒน์พัฒนะการกุลถูกห้อมล้อมด้วยสาวสวยวัยใกล้เคียงกับเขา ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะครืนใหญ่ แล้วบอกตนเองอยู่ในใจว่า
น่าหมั่นไส้ชะมัด
ละสายตาจากตรงนั้นไปที่เพื่อนของเธอไม่ให้มองไปทางนั้นอีก คงนานโขอยู่ทีเดียวที่ขวัญข้าวเอาแต่นั่งนิ่งไม่ลุกไปไหน เพราะมีเพลงบรรเลงสดๆจากวงดนตรีให้ฟังเพลิน อาหารก็มีพนักงานเวียนมาบริการให้ถึงโต๊ะ ส่วนเครื่องดื่มขวัญข้าวเผลอจิบน้ำพั้นช์ไปเสียหลายแก้วแล้วตอนนี้
ไม่ใช่ว่าไม่เคยดื่ม ที่ไร่เวลามีงานเลี้ยง บิดาให้เธอลองจิบดูออกบ่อยไป ท่านสอนให้รู้จักว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นเป็นอย่างไร รสชาติแบบไหน จะได้ตามทันพวกไม่ประสงค์ดีที่คิดมอมเหล้า
“ดื่มเก่งเหมือนกันนี่”
เสียงทุ้มนั่นอีกแล้วดังมาจากทางไหนกัน
ขวัญข้าววางแก้วเครื่องดื่มลง เหลียวมองหาต้นเสียงถึงได้เห็นว่าคนพูดยืนค้ำศรีษะของเธออยู่ บิดมุมปากเล็กน้อยก่อนว่า
“ขอบคุณค่ะ”
แล้วยกแก้วในมือขึ้นรับคำของเขา ยกดื่มพรวดเดียวหมดแก้วก่อนยักคิ้วให้คนที่ยืนอยู่ด้วยท่าทีแบบเด็กดื้อ
ดื้อตาใส ธนากรแอบนิยามในใจคนเดียว
“ระวังเมา” ได้ยินเสียงเขาบอกตามมาอีก เด็กสาวที่คิดว่าตนเองคุมอาการ คุมความรู้สึกได้ดี โต้กลับไป
“กลัวคงไม่ดื่ม”
แนนที่นั่งยิ้มเงียบๆมาตลอด มองสองคนที่โต้กันไปมาแล้วสรุปอย่างที่ตาเห็น
“แกเมาแล้วใช่ไหมข้าว”
ธนากรยืนยิ้ม มองมาด้วยสายตาชนิดหนึ่งที่ทำให้ขวัญข้าวเห็นแล้วขุ่นใจยิ่งนัก เพราะเขามองเหมือนกับว่าเธอนั้นเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆไม่รู้จักโตคนหนึ่งที่ชอบต่อล้อต่อเถียงไม่มีเหตุผล เลยพูดขึ้นลอยๆน้ำเสียงไม่พอใจคล้ายไล่ในที
“มายืนคำหัวฟังเขาคุยกันอยู่ได้ ไม่มีมารยาท”
แนนตาเบิกกว้างที่เห็นเธอพูดออกมาแบบนั้น แม้ธนากรจะพูดคุยเล่นด้วยได้ แต่เป็นอันรู้กันว่าเขาไม่ปรารถนาพวกปีนเกลียว ไม่รู้จักกาลเทศะ รวมไปถึงเด็กที่เถียงคำไม่ตกฟากอย่างที่ขวัญข้าวกำลังทำนี่ อ้าปากเตรียมบอกให้เพื่อนเงียบ แต่แล้วกลับได้ยินเสียงนายใหญ่แห่งไร่พืชวิวัฒน์พัฒนะการกุล หัวเราะในลำคอคล้ายถูกใจนักหนา ค้อมศรีษะตอบรับยิ้มๆแต่ดูแล้วยียวนเสียเหลือเกิน
“ขอบคุณครับ”
แนนขำกร้ากเลยทีเดียว ก่อนคว้าเอาโทรศัพท์ของตนเองแล้วลุกไปอีกทางเมื่อมีแสงสว่างวาบขึ้นที่หน้าจอ คงมีสายเรียกเข้า
ขวัญข้าวสูดหายใจเข้าลึกจนเสียดปอดอย่างต้องการระงับโทสะแล้วตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปทางชายหาด เมื่อสบจังหวะที่หญิงสาวคนหนึ่งเข้ามากระซิบกระซาบข้างหูของเขาพอดี
เจ้าบ่าวเจ้าสาวนั้นเข้าห้องหอไปแล้วตามฤกษ์
คนอื่นที่เหลือยังคงกินดื่มกันที่ลานริมหาด ขวัญข้าวเดินกลับเข้าไปในงานอีกครั้งหลังเดินรับลมได้ครู่ใหญ่ ตั้งใจเข้าห้องเพื่อพักผ่อน แต่เพื่อนที่นอนคู่กับเธอหายไปไหนไม่รู้ได้ จึงเดินตามหา แต่ตอนนี้วนไปมาทั่วงานแล้วกลับไม่พบ
เลยเดินเลาะออกไปชายหาดอีกครั้ง ดีที่สถานที่จัดงานนั้นตามไฟสว่างไว้โดยรอบบริเวณ เด็กสาวแหงนมองบนฟ้าพบว่าคืนนี้พระจันทร์กลมสวยสว่างนวลแลดูใหญ่กว่าทุกทีที่เคย
“มาเดินท่อมๆทำไมตรงนี้ อันตรายไม่รู้หรือไง”
เสียงถามนั่นดังอยู่ข้างหลัง ขวัญข้าวไม่หันไปดูก็รู้ว่าเป็นใคร เลยตอบแบบขอไปที โทสะที่หายไปแล้วนั่นกลับมากรุ่นๆอีกระลอก
“รอเพื่อนค่ะ”
เพื่อนคนที่ได้พักร่วมห้องกันเป็นคนถือคีย์การ์ดห้องไว้ ทั้งที่ย้ำแล้วย้ำอีกว่าให้ฝากเคาน์เตอร์ นี่คงลืม เธอเลยพลอยเข้าห้องไม่ได้ด้วย จะไปขอพักกับคนอื่นก็เกรงใจ จึงอดทนรอไปพลางๆก่อน แต่ไม่ละพยายามออกตามหาต่ออีกครึ่งชั่วโมง ต่อสายหาทางนั้นก็ติดต่อไม่ได้เสียอีก ยิ่งหงุดหงิดไปกันใหญ่
“หาเพื่อนไม่เจอหรือ” ธนากรถามราวกับมานั่งอยู่กลางความคิดของเธอ เด็กสาวไม่ตอบว่าอะไรได้แต่งันไปเสียเฉยๆ
“...”
“ไปห้องพี่ไหม”