18

1244 คำ
“อย่าเรียกว่าคุณเลยค่ะ เรียกว่าเดียร์เฉยๆ ดีกว่านะคะ เพราะต่อไปนี้เดียร์จะทำหน้าที่ดุแลคุณระหว่างที่คุณอยู่ที่นี่ค่ะ” เกวลินบอกชายหนุ่มที่ทำให้หัวใจของเธอสั่น “ถ้าอย่างนั้นเดียร์เรียกผมว่าตะวันเฉยๆ ก็ได้ครับ ไม่ต้องเรียกคุณ” ตะวันพูดกลับไปบ้าง “ค่ะตะวัน แต่ขอร้องอย่างหนึ่งนะคะ อย่างเรียกแทนตัวเองว่าผม เดียร์ฟังแล้วมันดูห่างเหินยังไงก็ไม่รู้ค่ะ” เสียงหวานของเกวลินยังเอื้อนเอ่ยไม่หยุด “ได้ครับ” “โอเคค่ะ เราไปกันดีกว่านะคะ ตะวันจะได้พักผ่อน” “ครับ” สิ้นเสียงของตะวัน ทั้งสองก็เดินออกจากสนามบินไปยังรถแท็กซี่ที่จอดเรียงรายกันเป็นแถวยาว เกวลินเลือกนั่งแท็กซี่ที่ใกล้ที่สุด สอดตัวเข้าไปนั่งตามมาด้วยร่างของตะวันที่สอดตัวเข้ามานั่งหลังจากที่นำกระเป๋าไปเก็บท้ายรถ รถแท็กซี่คันดังกล่าวแล่นมาจอดหน้าโรงแรมที่เจนนิเฟอร์เปิดจองไว้ให้ตะวันในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองก้าวลงจากรถโดยมีพนักงานของโรงแรมเป็นคนถือกระเป๋าเดินทางของตะวัน เกวลินรีบรุดไปติดต่อเรื่องห้องพักให้ผู้ร่วมธุรกิจคนสำคัญของบริษัททันที เมื่อได้กุญแจห้อง ทั้งสองจึงเดินไปยังลิฟต์ ก่อนจะเดินทางขึ้นไปยังหมายเลขห้องที่ต้องการ “ตะวันพักผ่อนนะคะ แล้วพรุ่งนี้ตอนเจ็ดโมงเช้า เดียร์จะมารอที่ล็อบบี้ค่ะ” เธอบอกตะวันเมื่อเดินมาถึงห้องพักหมายเลข 1025 การณ์นี้เธอได้ยื่นกุญแจห้องให้เขาด้วย “โอเครับ ขอบคุณมากนะครับเดียร์” “ยินดีค่ะ พรุ่งนี้เจอกันนะคะตะวัน” เธอพูดเสียงหวานแล้วโปรยยิ้มหวานให้อีกฝ่าย “ครับพรุ่งนี้เจอกัน” ตะวันตอบกลับพร้อมส่งยิ้มไมตรีจิต “ฝันดีนะคะ” เกวลินพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินนวยนาดห่างร่างหนาที่หันไปเปิดประตูห้องแล้วก้าวเข้าไปในนั้น โดยไม่ได้สนใจท่าทางสวยเฉี่ยวของอีกฝ่ายเลย อาจเป็นเพราะหัวใจของเขามีแต่หทัยชนก ภรรยาสาวผู้แสนดีเท่านั้น ดวงตาของเขาจึงไม่แลเหลียวหญิงอื่น แม้ว่าจะสวยกว่าภรรยามากเพียงใดก็ตาม พอเข้าไปถึงในห้องพัก สิ่งแรกที่ตะวันทำก็คือ โทรศัพท์ไปหา หทัยชนก บอกกล่าวเล่าเรื่องว่าเขาได้เดินทางมาถึงนครนิวยอร์ก เมืองที่ไม่เคยหลับใหล บทสนทนาที่คุยกับหทัยชนกร่วมหนึ่งชั่วโมงนั้น ไม่มีข้อไหนที่กล่าวถึงสาวหุ่นดีที่ไปรับเขาที่สนามบินเลยแม้แต่คำเดียว ดูเหมือนว่าตะวันจะลืมสาวคนนี้ไปเสียสนิท เกวลินเดินทางกลับไปยังห้องพักด้วยจิตใจที่แช่มชื่น หัวใจของเธอพองโตอย่างบอกไม่ถูก ระหว่างทางที่เดินทางกลับมาแมนฮัตตัน เธอเคลิ้มฝันถึงหนุ่มผิวดีแลดูสะอาดสะอ้าน หน้าตาคมคายมาตลอดทาง แต่อารมณ์เบิกบานของเธอต้องหายไปในบัดดล เมื่อเห็นร่างของวุฒินันท์นักเรียนปริญญาโทที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับเธอ แล้วเป็นคู่ควงคนล่าสุด ยืนรออยู่หน้าอพาร์ทเม้นท์ “มายืนทำอะไรตรงนี้มาร์ก?” เกวลินเปิดปากถาม สีหน้าไม่พอใจนัก “มายืนคอยเดียร์ไง” อีกฝ่ายตอบด้วยสีหน้าเบิกบานที่เห็นคนที่เขารอคอย “มายืนรอทำไม?” เสียงที่ถามออกไปนั้นติดจะรำคาญ ไม่ชอบใจ คนที่มายืนคอยเขยิบร่างไปสวมกอดร่างสวยของเกวลิน ก่อนจะกดปลายจมูกลงบนแก้มของเธอหลายครั้ง ให้สมกับความคิดถึง “คิดถึงเดียร์มาก ๆ เลยรู้มั้ย คิดถึงใจแทบขาด” เสียงของเขานั้นดูเหมือนจะขาดใจจริง ๆ เวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ไม่ได้เจอหน้าเธอ ไม่ได้สัมผัสร่างกายร้อนแรงของเกวลิน วุฒินันท์แทบคลั่งทุกครั้งที่นึกถึง พอเดินทางกลับมาจากชิคาโก เขาก็ตรงดิ่งมาเธอทันที “อย่ามาทำรุ่มร่ามตรงนี้นะมาร์ก” เกวลินทำเสียงดุ “งั้นไปบนห้องเดียร์นะ มาร์กจะทนไม่ไหวแล้ว” มือหนาเลื่อนไล้ไปตามเรือนร่างสาวทีเขาสวมกอด เกวลินแม้ว่าไม่ชอบใจนักที่เขาทำเช่นนี้ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความร้อนรุ่มที่สุมอยู่ในกายได้ เธอเสียบคีย์การ์ดเพื่อเปิดประตูใหญ่ของอพาร์ทเม้นท์ เมื่อประตูเปิดจึงเดินตะคองกอดวุฒินันนท์เข้าไปภายในอาคาร ตรงไปยังห้องพักของตนที่อยู่ชั้น 4 ทันที พอไปถึงศึกสวาทบทเตียงก็เกิดขึ้นอย่างเร่าร้อน สมกับที่ทั้งสองห่างหายกันนานหนึ่งสัปดาห์ ก่อนเจ็ดโมงเช้าเล็กน้อยเกวลินเดินทางมายังโรงแรมที่ตะวันพัก แล้วนั่งรอเขาอย่างอารมณ์ดี พลางนึกถึงความฝันของตัวเองภายใต้อ้อมกอดของวุฒินันท์ เมื่อคืนนี้หลังจากที่เธอเสร็จสิ้นภารกิจสวาทกับวุฒินันท์ เธอก็เข้าสู่ห้วงนิทราทันที แล้วในห้วงนิทรานั้น ก็เกิดนิมิตที่แสนวาบหวามขึ้น ในความฝันเธอตกอยู่ในอ้อกกอดของตะวัน เขาร้อนแรงสมชื่อ แทบทำให้ร่างกายของเธอละลายกลายเป็นไอน้ำ เกวลินยอมรับว่าแค่ในความฝันเธอก็มีความสุข ไม่อยากจะคิดเลยว่าหากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง จะวาบหวามรัญจวนใจเพียงใด แค่คิดร่างสาวก็สั่นระริกขึ้นมาทันควัน “เดียร์ เดียร์ เดียร์ครับ” ตะวันเดินมาหยุดอยู่ด้านข้างโซฟาหนานุ่มที่เกวลินนั่งอยู่ ก่อนจะเรียกชื่อของสตรีที่นัดหมายกับเขาหลายครั้ง แต่ทว่าเธอก็ยังเหม่อลอยคล้ายกับว่าตกอยู่ในห้วงความฝัน ไม่ได้ยินเสียงของใครทั้งสิ้น อยู่ในโลกของตัวเอง “เดียร์” คราวนี้เขาเปล่งเสียงดังกว่าเดิม และใช้มือเขย่าแขนของเธอเบาๆ ปลุกให้หญิงสาวตื่นจากอาการเคลิบเคลิ้ม “อ้าว!!...มาเมื่อไหร่ ทำไมเรียกเดียร์เสียงดังจัง ดูสิเขามองกันใหญ่เลย” เสียงที่ได้ยินและแรงเขย่าตรงลำแขน ทำให้สติของเธอที่ลอยไปไกลถูกกระชากกลับมา หันมามองต้นเสียงด้วยสายตาตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองรอบ ๆ ที่มีคนหลายคนมองมายังเธอและเขา “ตะวันเรียกเดียร์ตั้งหลายครั้งแล้วนะ แต่เดียร์ไม่ได้ยินเอง ตะวันก็เลยต้องเรียกดังๆ” เขาไม่ได้แก้ตัว แต่พูดตามความเป็นจริง เธอจึงรู้ตัวว่าทุกอย่างนั้นเป็นความผิดของเธอ “คิดอะไรอยู่เหรอเดียร์?” ก่อนจะเอ่ยถามให้หายข้อข้องใจ ก็คิดถึงตะวันนั่นแหละ เกวลินต้องการจะตอบเขาด้วยประโยคนี้ ทว่าเธอกลับทำไม่ได้ คำตอบที่เอ่ยออกไปนั้นจึงเป็นคำเท็จล้วน ๆ หาความจริงไม่ได้เลย “คิดเรื่องงานน่ะ” “เราไปกันได้หรือยังเดียร์?” เขาถามกลับ “ไปสิ ไปกันเลย” เกวลินกุลีกุจอลุกขึ้นยืน “แล้วตะวันกินข้าวเช้าหรือยัง?” “กินแล้ว เดียร์ล่ะกินหรือยัง?” ตะวันตอบพร้อมกับถามกลับ “เรียบร้อยแล้ว ถ้างั้นไปกันเลยดีกว่านะ เดียร์ว่าเราเดินไปดีกว่านะ แค่ไม่กี่ช่วงตึกเอง เดินไปเร็วกว่านั่งรถอีก” “ไม่มีปัญหา ตะวันยังไงก็ได้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม