ห้าเดือนผ่านไป
หลังจากงานวิวาห์ผ่านพ้นไป ชีวิตคู่ระหว่างตะวันกับหทัยชนกเต็มไปด้วยความสุข ทั้งสองได้ย้ายมาอยู่ในเรือนหอที่ปลูกสร้างขึ้นมาใหม่ เป็นบ้านที่ทั้งสองจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แล้วเป็นบ้านที่ทั้งสองช่วยกันออกแบบและตกแต่ง ความสุขจึงโอบล้อมบ้านหลังนี้ รวมทั้งผู้อยู่อาศัยด้วย
“รุ้ง ต้นเดือนหน้าตะวันต้องไปนิวยอร์คนะ พอดีวันนี้พี่โตลื่นหกล้มในห้องน้ำ แขนหักคงไปไม่ได้ ตะวันก็เลยต้องไปคุยกับลูกค้าแทนพี่โต”
ตะวันเอ่ยบอกภรรยาสาวแสนดีที่กำลังล้มตัวลงนอนบนเตียง พี่โตหรืออำนาจ พี่ชายของตะวัน มีหน้าที่ดูแลกิจการส่งออกเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้แปรรูป ประสบอุบัติเหตุไม่คาดฝันลื่นล้มในห้องน้ำเมื่อบ่ายวันนี้ ทำให้เดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อติดต่อกับบริษัทคู่ค้า ที่สั่งเฟอร์นิเจอร์หลายร้อยรายการไม่ได้ เขาเป็นน้องจึงต้องไปดูแลเรื่องนี้แทนพี่ชาย
“ตายจริง!!...แล้วพี่โตเป็นยังไงบ้างตะวัน?” เธอไม่ห่วงเรื่องที่สามีจะไปเมืองนอก แต่ห่วงอาการป่วยของพี่สามีมากกว่า
“ไม่เป็นไรหรอก แขนหักเข้าเฝือกอยู่น่ะ หมอบอกว่านอนโรง’ บาลซักสองสามวันก็กลับบ้านได้แล้ว”
“โล่งอกไปที แล้วตะวันจะไปกี่วันล่ะ แล้วเรื่องตั๋วเครื่องบินกับพาสปอร์ตจัดเตรียมหรือยัง”
หทัยชนกถามสามี เธอรู้ดีว่ากิจการของครอบครัวสามีติดต่อกับหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน เนื่องจากงานไม้แปรรูปอาทิเช่น โซฟารับแขก โต๊ะทานอาหาร ชุดนั่งเล่น ตู้โชว์หรือแม้แต่ชุดไม้เครื่องครัว กำลังเป็นที่นิยมและต้องการของประเทศดังกล่าวที่ส่งซื้อ สั่งผลิตไม่ขาดสาย
อำนาจพี่ชายคนโตของตะวันที่ดูแลกิจการไม้แปรรูป เดินทางไปยังประเทศดังกล่าวหลายครั้งเพื่อติดต่อธุรกิจ ไปเสนอราคาด้วยตัวเอง พร้อมกับเสนอสินค้าตัวใหม่ที่ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อให้เข้ากับสังคมนิยมของประเทศนั้นๆ แล้วการเดินทางไปประเทศมหาอำนาจในครั้งนี้ ก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คนที่ไปต้องเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ อำนาจไปไม่ได้ คนที่จะไปแทนมีเพียงตะวันเท่านั้น
“พร้อมหมดแล้ว ทั้งวีซ่าและพาสปอร์ต ส่วนตั๋วเครื่องบินก็ใช้ของพี่โต จะไปกี่วันตะวันก็ยังไม่รู้ เพราะต้องไปเจรจาเรื่องราคาใหม่หมด เพราะต้นทุนมันสูงขึ้น ไหนจะเรื่องสัญญาอีก พี่โตบอกว่าน่าจะราวๆ สามอาทิตย์” เขาตอบภรรยาสาว
“นานขนาดนั้นเลยเหรอตะวัน”
“รุ้งไปกับตะวันดีกว่านะ ตะวันห่างรุ้งนานขนาดนั้นอกแตกตายแน่ๆ เลย” สามีพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่งสายตากรุ่มกริ่มให้หทัยชนก
“ทะลึ่งจริงๆ เลยตะวันเนี่ย รุ้งก็อยากไปนะแต่ว่าต้นเดือนหน้าเตี่ยเปิดร้านทองอีกร้านนึง รุ้งคงไปไม่ได้หรอกต้องอยู่ช่วยเตี่ย อีกอย่างหนึ่งอาม่าไม่ค่อยสบายด้วย”
ไม่ใช่ว่าเธออยากจะห่างสามี ทว่าความจำเป็นและหน้าที่ที่เธอต้องดูแลมันก็รัดตัว ทำให้หทัยชนกตามตะวันไปเมืองนอกไม่ได้
“จริงสิตะวันลืมไปเลยว่า ต้นเดือนหน้าเตี่ยจะเปิดร้านทอง” เขาพูดเมื่อนึกขึ้นได้ “เอาอย่างนี้ดีมั้ย รุ้งตามตะวันไปทีหลัง” ตะวันเสนอวิธี
“ดูก่อนนะตะวัน อย่างที่บอกจบเรื่องเปิดร้านทอง ยังมีเรื่องอาม่าอีก ตะวันก็รู้ว่าบรรดาหลานๆ อาม่าไม่ให้ใครเข้าใกล้นอกจากรุ้ง รุ้งเลยต้องดูอาม่า ตะวันอย่าโกรธรุ้งนะถ้ารุ้งตามตะวันไปไม่ได้”
“ไม่หรอก ไม่โกรธเลย ตะวันเข้าใจ เอาเป็นว่าตะวันจะทำธุระเรื่องงานให้เสร็จเร็วๆ นะ ตะวันจะได้กลับมาหารุ้งเร็วๆ คิดถึงน่ะ ไม่อยากห่างนาน”
ตะวันไม่วายหยอดคำหวานที่มาพร้อมกับความจริงใจให้กับภรรยาสาวที่หน้าแดงสุกปลั่ง ความเขินอายอาบซ่าน
“ไม่อยากห่างนานก็รีบๆ ทำงานนะ จะได้รีบกลับ” คนขี้อายเอ่ยเสียงเบา
“ครับผม จะรีบทำงานให้เสร็จเร็วๆ จะได้กลับมากอดเมีย ว่าแต่ว่าตอนนี้อัดเอาไว้เยอะๆ ดีกว่า ห่างตั้งสามอาทิตย์ ไม่รู้จะเฉาตายวันไหน”
พูดจบก็กระโจนร่างกอดร่างสาวของศรีภรรยาทันที ก่อนจะลงมืออัดความสุขที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้แก่กันและกัน ให้ทุกความรู้สึกอิ่มซ่านในดวงใจ หล่อเลี้ยงไว้ในยามห่างกัน
วันเดินทาง
ตะวันและหทัยชนกออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งคู่เดินทางมายังสนามบินสุวรรณภูมิก่อนเวลาเดินทางร่วมสองชั่วโมง พอมาถึงตะวันก็จัดการตามขั้นตอนการเดินทางออกนอกประเทศ เสร็จสิ้นจึงมานั่งคอยเวลาการเดินทา
“ตะวันดูแลตัวเองดีดีนะ รุ้งเป็นห่วง”
หทัยชนกเอ่ยบอกสามีด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง หลังจากเสียงแจ้งให้ผู้โดยสารที่จะเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ในเที่ยวบินดังกล่าว เตรียมตัวขึ้นเครื่อง
“ตะวันรู้แล้วครับ รุ้งอยู่ทางนี้ดูแลตัวเองด้วยนะ ตะวันเป็นห่วงรุ้งเหมือนกัน” ตะวันเองก็เป็นห่วงภรรยาสาวเช่นกัน
“รุ้งดูแลตัวเองได้ ตะวันไม่ต้องห่วงรุ้งนะ ทำงานให้สบายๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องรุ้ง”
เธอย้ำให้สามีคลายความกังวลใจ แต่เธอไม่รู้หรอกว่า เขาไม่เคยหมดห่วงเธอเลยแม้แต่น้อย หากเขาเลือกได้ เขาก็เลือกที่นะไม่ไป...แต่นี่เลี่ยงไม่ได้
“จะไม่ห่วงรุ้งได้ยังไง เมียทั้งคน”
“ขอบใจมากนะที่รักรุ้งและเป็นห่วงรุ้ง เอาเป็นว่าตะวันกลับมาจากเมืองนอก เราไปเที่ยวกระบี่กันดีกว่านะ รุ้งอยากไปดูทะเลสวยๆ”
“ได้สิ เราจะไปกระบี่กัน” เสียงเจ้าหน้าที่สนามบินเอ่ยเรียกผู้โดยสารอีกครั้ง ทำให้สามีหนุ่มตาระห้อย สีหน้าเหมือนไม่อยากไป ทว่าความจำเป็นมันบังคับ “ตะวันไปก่อนนะ ถึงที่โน้นแล้วตะวันจะโทรหารุ้งนะ” สามีหนุ่มล่ำลาภรรยาสาวอีกครั้ง
“จ้ะ รุ้งจะรอโทรศัพท์นะ”
คู่ชีวิตแสนดีตอบรับด้วยรอยยิ้มละไม โบกมือและส่งยิ้มหวานมีเสน่ห์ให้กับตะวันที่เดินห่างออกไปจนกระทั่งลับสายตา
ในความรู้สึกของหทัยชนกตอนนี้รู้สึกโหวงหวิวอย่างบอกไม่ถูก การเดินทางของสามีในครั้งนี้เหมือนมีลางสังหรณ์บอกกับเธอว่า ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม มีบางสิ่งบางอย่างกำลังจะเปลี่ยนแปลง
แต่เธอไม่รู้ว่าอะไรหรือสิ่งใดจะไม่เหมือนเดิม พยายามค้นหาคำตอบทว่าก็หาไม่พบ หทัยชนกจึงสลัดความคิดฟุ้งซ่านนั้นทิ้งไป ย้ำอยู่ในใจว่าคงไม่มีอะไร แค่คิดมาไปเท่านั้น
แม้ว่าความคิดจะแตกแขนงไปทางใดก็ตาม
หทัยชนกยังตระหนักได้อย่างหนึ่งว่า...
หัวใจของตะวันที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปจากเธอ