“แล้วจะให้รุ้งส่งไปให้ดูนะ เกตุไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอก” สาวอ้วนตอบกลับไป
“รุ้งจะส่งไปให้เดียร์ดูนะ ถ้าไม่ลืม” ความลืมคือปัญหาใหญ่ของหทัยชนก
“ท่องเอาไว้ว่าอย่าลืม อย่าลืม อยากเห็นหน้าตะวันเต็มแก่แล้วนะเนี่ย อยากรู้จังว่าหน้าตาของคนที่พิชิตใจรุ้งได้จะเป็นยังไง”
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวรุ้งจะส่งภาพงานแต่งงานให้เดียร์นะ รวบยอดทีเดียวเลย” ว่าที่เจ้าสาวเอ่ยบอกเกวลิน
“โอเคตามนั้นเลยเพื่อน บ้ายบายเพื่อนรัก เดี๋ยวเดียร์จะไปอาบน้ำแล้ว”
“จ้ะ บายนะเพื่อนรัก” สาวอ้วนพูดส่งท้าย
“บายจ้าเดียร์สุดสวย” หทัยชนกไม่น้อยหน้าบอกลาเพื่อนอีกคน
“บายจ้าเพื่อนอ้วน เพื่อนผอม” หลังจากที่ทั้งสามล่ำลากันเสร็จสรรพ การสนทนาของทั้งสามจึงยุติลง
เกวลินยิ้มกับโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือของตน เธออิ่มใจไปกับหทัยชนกที่จะได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรักและคนๆ นั้นก็รักเพื่อนของเธอเช่นกัน เธอไม่รู้สึกอิจฉาเพื่อนสนิทที่กำลังมีชีวิตคู่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ตรงกันข้ามกลับมีความสุขด้วยซ้ำไป ก่อนจะนึกย้อนมองดูตัวเอง แล้วรำพึงว่า เธอจะมีงานวิวาห์บ้างหรือไม่ แต่หวังว่าเธอจะได้เจอคนที่เธอรักหมดหัวใจในสักวันหนึ่ง
วันมงคลสมรสระหว่างตะวันกับหทัยชนกก็เริ่มขึ้นตั้งแต่เช้ามือ แม้ว่าครอบครัวของฝ่ายเจ้าสาวจะมีเชื้อสายจีน ทว่าทั้งคู่ตกลงกันว่าจะจัดงานตามประเพณีไทย ช่วงเช้าจะเป็นการทำบุญใส่บาตร เป็นสิริมงคลก่อนที่จะเริ่มต้นชีวิตคู่ จากนั้นก็เป็นประเพณีรดน้ำสังข์ที่มีแขกเหรื่อมาร่วมแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวร่วมหนึ่งร้อยชีวิต ซึ่งก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ตกเย็นก็เป็นงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส ถูกจัดขึ้นในโรงแรมชั้นหนึ่งบนถนนสุขุมวิท งานเลี้ยงในตอนค่ำมีแขกเดินทางมาร่วมฉลองความสุขราวสี่ร้อยคน ทั้งมาจากญาติของฝ่ายหญิง รวมทั้งเพื่อนพ้อง และญาติของตะวันที่เดินทางขึ้นมากรุงเทพฯ ด้วยรถบัสถึงสี่คัน
“วันนี้รุ้งสวยที่สุดเลย” อัญญาณีพูดขึ้นเมื่อเดินทางมาถึงห้องจัดเลี้ยง
“ขอบใจจ้ะ วันนี้เกตุก็สวยเหมือนกัน” หทัยชนกเอ่ยชมเพื่อนตัวอ้วนบ้าง
“สวยที่ไหนกันล่ะ พุงโย้ยื่นนำหน้านมแล้ว และถ้าเผื่อว่าวันนี้รุ้งกับตะวันไม่จัดงานที่โรงแรมนี้นะ เกตุไม่ไปซื้อชุดใหม่หรอก เสียเงินไปตั้งห้าร้อย”
อัญญาณีต้องควักเงินซื้อเสื้อผ้าเพื่อให้เข้ากับสถานที่ เพราะถ้าหากใส่ชุดที่ไม่เข้ากับสถานที่ เพื่อนทั้งสองคนอาจจะเสียหน้าได้
“แต่ก็คุ้มนะ ดูสิชุดนี้ปิดพุงซะมิดเลย ว่าแต่เมื่อไหร่จะคลอดลูกเนี่ย เห็นท้องโย้มาหลายปีแล้ว” ตะวันแซวเพื่อนตัวอ้วนบ้าง
“เดี๋ยวเหอะไอ้ตะวัน ล้ออะไรล้อได้แต่อย่าล้อพุงนะ เดี๋ยวมีเคือง” คนอ้วนเริ่มมีอาการงอน
“ตะวันไปล้อเกตุทำไม เกตุเข้าไปในงานเถอะ เพื่อนๆ คอยอยู่” เจ้าสาวแสนสวยต้องรีบห้ามทัพ ก่อนที่เพื่อนตัวอ้วนของเธอจะงอน
“แหม...รักหรอกจึงหยอกเล่น” ตะวันรีบพูดขึ้น ก่อนจะเอ่ยถาม “แล้วนี่พี่ชาติไม่มาด้วยเหรอ?”
“ไม่มาหรอก ดูลูก เข้าไปข้างในดีกว่า เห็นหน้าเจ้าบ่าวแล้วอยากจะอ้วก” คนตัวอ้วนสะบัดหน้าใส่ตะวัน แล้วก้าวเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงทันที
“ตะวันน่ะไปล้อเกตุ ก็รู้อยู่ว่าเกตุไม่อบให้ใครมาล้อเล่นเรื่องพุง” หทัยชนกหันมาต่อว่าสามี
“เดี๋ยวตะวันไปง้อเอง ไม่ยากหรอก รุ้งไม่ต้องห่วงนะ รับแขกต่อเถอะ”
สามีหนุ่มเอ่ยบอกภรรยาสาวที่ทำหน้าไม่สบายใจ หทัยชนกพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันมาสนใจแขกที่เดินเข้ามาทักทายและแสดงความยินดี จนกระทั่งถึงเวลาที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะต้องขึ้นไปบนเวทีเพื่อตัดเค้กก้อนโตและกล่าวความในใจ
“เรามาฟังความในใจของเจ้าบ่าวที่มีต่อเจ้าสาวกันดีกว่านะครับ”
ประวิทย์เพื่อนเจ้าบ่าวที่ทำหน้าที่พิธีกรบนเวทีพูดขึ้น หลังจากที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวมายืนอยู่กลางเวที ท่ามกลางแขกที่มาร่วมงานหลายร้อยคน ตะวันคว้าไมค์โครโฟนมาไว้ในมือ หันมามองหน้าเจ้าสาวแล้วยิ้ม เอื้อมมือของตนไปกุมมือเล็กบีบกระชับเบาๆ ก่อนจะเผยอปากบอกเล่าความในใจที่มีต่อเจ้าสาวแสนสวย
“เพียงแวบแรกที่ผมได้เจอกับรุ้ง ผมบอกตัวเองเลยว่าใช่ รุ้งคือคนที่ผมตามหามานาน เป็นคนที่ผมอยากจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันจนแก่เฒ่า และต้องการให้มาเป็นแม่ของลูก ผมมั่นใจว่าผมเลือกคนไม่ผิด รุ้งเป็นคนดี ดีทั้งรูปกายภายนอก และดีทั้งหัวใจ จึงไม่ผิดแปลกอะไรที่ผมจะบอกกับทุกคนว่า ตะวันรักรุ้งที่สุดในโลก”
คำพูดของตะวันนำพารอยยิ้มให้เกิดบนใบหน้าของทุกคนที่มาร่วมงาน แม้ว่าจะไม่ใช่คำพูดลึกซึ้ง หวานล้ำมากมาย ทว่าทุกคำพูดก็กลั่นออกมาจากหัวใจทั้งสิ้น ประโยคนี้จึงซึ้งกินใจสำหรับทุกคนในที่นี้ โดยเฉพาะเจ้าสาวที่ยิ้มแฉ่ง น้ำตาแห่งความปลื้มปิติเอ่อล้นขอบตา
“ฟังเจ้าบ่าวพูดไปแล้วรู้สึกดีใจแทนเจ้าสาวจังเลยนะครับ ไม่คิดว่าเป็นรักแรกพบ คราวนี้เรามาฟังเจ้าสาวพูดถึงเจ้าบ่าวกันบ้างดีกว่านะครับ อยากรู้ว่าจะเคลิ้มเหมือนเจ้าบ่าวหรือเปล่า เชิญครับเจ้าสาว” พิธีกรจำเป็นพูดจบ ตะวันก็ยื่นไมค์โครโฟนส่งให้เจ้าสาว ที่เปิดพูดทันที
“สำหรับรุ้ง ตะวันเหมือนพระอาทิตย์ที่ส่องลงมากลางใจ ทำให้รุ้งมองเห็นสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ได้สัมผัสถึงคำว่ารักในอีกรูปแบบหนึ่งที่มีมากกว่าคำว่าเพื่อน คำที่ดูจะห่างไกลความรู้สึกของรุ้งมาก เพราะรุ้งไม่เคยเปิดใจรับผู้ชายคนไหนเข้ามาในหัวใจมาก่อน ตะวันเป็นคนแรกและคนสุดท้ายที่รุ้งจะมอบหัวใจรักให้ รุ้งขอบคุณตะวันมากๆ ที่ทำให้รุ้งรู้จักคำว่านี้ คำว่ารัก”
สิ้นเสียงของหทัยชนกเสียงปรบมือก็ดังสนั่นห้องจัดเลี้ยง รอยยิ้มของทุกคนในห้องเฉิดฉายไปด้วยความสุขและความเอิบอิ่มใจ เช่นเดียวกันกับใบหน้าของเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่อาบซ่านไปด้วยความสุขที่มากที่สุดในชีวิตก็ว่าได้
วันนี้คือวันชื่นคืนสุขสำหรับเขาและเธอโดยแท้จริง