หลายเดือนต่อมา
เหลืออีกไม่กี่วันก็จะถึงวันชื่นคืนสุขของตะวันกับหทัยชนก วันนี้สองสาวเพื่อนซี้จึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาเกวลินเพื่อนบอกข่าวดี หลังจากที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานห้าเดือน คนที่อยู่ต่างแดนจึงไม่รู้ข่าวดีที่ว่านี้
“ว่าไงจ้ะ ไม่โทรมาหากันบ้างเลยนะ หรือว่ามีความสุขแล้วลืมเพื่อนคนนี้” เกวลินเปิดฉากตัดพ้อทันทีที่รับโทรศัพท์
“ก็ตกลงกันไว้ว่าเดียร์จะโทรมาหาเกตุกับรุ้งไง เกตุกับรุ้งก็เลยไม่โทรมา อีกอย่างต้นเดือนรุ้งโทรไปหาเดียร์แล้วแต่เดียร์ไม่รับ แล้วก็ไม่โทรกลับด้วย”
ครั้งล่าสุดที่เกวลินโทรศัพท์มาหาสองสาวก็คือห้าเดือนที่แล้ว ซึ่งได้ตกลงกันว่า เกวลินจะเป็นคนติดต่อมาเอง เพราะหทัยชนกและอัญญาณีติดต่อไปแล้วเพื่อนสนิทมักไม่ว่างเสมอ ทว่าระหว่างที่รอสายจากเพื่อนสนิท คนที่อยู่ประเทศไทยก็อยากแจ้งข่างงานมงคล จึงโทรไปหาเกวลิน แต่ก็ติดต่อไม่ได้เช่นเคย คาดว่าเพื่อนจะยุ่งกับการเรียน จึงตัดสินใจโทรมาวันนี้อีกครั้ง
“สงสัยเดียร์ยุ่งเรื่องฝึกงานอยู่ เลยลืมโทรกลับ ขอโทษด้วยนะ”
“ไม่เป็นไร พวกเราเข้าใจ”
“แล้วมีอะไรจะบอกเดียร์จ้ะ” สาวแดนไกลถาม
“ก็มีข่าวดี ข่าวสำคัญสุดๆ มาบอกเดียร์ไง” สาวอ้วนเป็นคนตอบ
“ข่าวดีอะไร พูดมาเร็วๆ อยากรู้เต็มแก่แล้ว” คนที่อยากรู้เร่งต้นสายที่หัวเราะคิดคัก
“ให้รุ้งบอกดีกว่า” อัญญาณีโบ้ยไปให้เจ้าของข่าวดีเป็นคนพูด
“รุ้งรีบพูดมาโดยด่วน” เกวลินเร่งเพื่อนอีกรอบ
“รุ้งจะแต่งงานแล้วนะ”
“หา!!...อะไรนะ รุ้งจะแต่งงาน เมื่อไหร่ ยังไง แต่งงานวันไหน ทำไมเดียร์ไม่เห็นรู้เรื่องเลย ตกข่าวอย่างแรง”
เกวลินตกใจไม่น้อยที่รับรู้ข่าวยินดีนี้ เวลาห้าเดือนที่ไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนสนิททั้งสอง ทำให้เธอตกข่าวสำคัญที่แสนยินดี เกวลินเลยซัดคำถามใส่ว่าที่เจ้าสาวหลายเป็นชุด
“ถามเป็นชุดอย่างนี้แล้วรุ้งจะตอบหมดได้ยังไง เอาอย่างนี้ดีกว่าเดี๋ยวเกตุสรุปให้ ตะวันขอรุ้งแต่งงานในวันเกิดของรุ้งไงเดียร์ พอรุ้งตอบตกลงวันรุ่งขึ้นแม่ของตะวันก็ไปหาฤกษ์แต่งงานทันที แล้ววันแต่งงานก็คือวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้” อัญญาณีตอบแทนหทัยชนก
“แล้วทำไมเพิ่งมาบอกกันนะ เรื่องสำคัญน่ายินดีอย่างนี้น่าจะบอกกันตั้งแต่วันนั้น มาบอกตอนนี้น้อยใจน่ะเนี่ย” น้ำเสียงของเกวลินติดไปทางสะบัดงอน สองสาวที่อยู่เมืองไทยจึงต้องงอนง้อเพื่อนสาวทันควัน
“ไม่ใช่ว่าไม่อยากโทรมาบอกนะ อยากจะบอกใจจะขาด แต่ก็อย่างที่พูดไป เกตุกลัวว่าตอนที่โทรมาหาเดียร์ กลัวเดียร์ไม่ว่างไง รอเดียร์โทรมาหาแต่ก็ไม่โทรมาซักที วันนี้เลยตัดสินใจโทรมาไม่สนแล้วว่าเดียร์จะว่างหรือไม่ว่าง”
มันก็จริงอย่างที่อัญญาณีพูด ทั้งเรื่องการเรียนและเรื่องฝึกงานทำให้ความเป็นส่วนตัวของเกวลินลดน้อยลง และนั่นหมายถึงการติดต่อระหว่างเธอกับเพื่อนสาวก็ขาดกันไปโดยปริยาย ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าปิดเทอมเธอจะโทรไปคุยกับเพื่อนทุกวัน แต่ที่ไหนได้เธอต้องไปฝึกงานกับบริษัทส่งออกที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา เมื่อตัวเองยุ่งๆ เธอจึงลืมเรื่องทุกอย่างไปชั่วคราว หมกหมุ่นอยู่กับหน้าที่ของตนเอง
“เอาเป็นว่าไม่มีใครผิดไม่มีใครถูกก็แล้วกันนะ แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้น่าจะตัดสินใจโทรมาบอกให้เร็วกว่านี้ เดียร์จะได้จัดการเคลียร์ตัวเอง แล้วก็จองตั๋วเครื่องบินกลับเมืองไทย ไปงานแต่งของรุ้ง”
เกวลินเสียดายตรงจุดนี้ หากสองสาวโทรศัพท์มาแจ้งข่าวดีล่วงหน้า เธอจะได้มีเวลาเตรียมตัวในทุกๆ ด้าน เพื่อเตรียมความพร้อมในการเดินทางกลับประเทศไทย เพื่อไปร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อนสาวคนสนิท มาบอกตอนนี้ดูเหมือนว่าจะสายเกินไป
“รุ้งขอโทษนะ รุ้งกลัวว่าโทรมาหาเดียร์แล้วเดียร์จะยุ่งอยู่น่ะ” ว่าที่เจ้าสาวส่งเสียงลุแก่โทษมาตามสาย
“ไม่ต้องคิดมากรุ้ง เพราะถ้าบอกเร็วกว่านี้บางที่เดียร์อาจจะไปไม่ได้ก็ได้ เพราะต้องฝึกงาน ถ้าหากลากลับเมืองไทย ชั่วโมงการฝึกงานอาจจะไม่ครบ เดียร์ก็ไม่ผ่านตามเกณฑ์ ไหนจะรายงานที่จะต้องทำส่งอีก รุ้งไม่ต้องโทษตัวเองนะ รุ้งไม่ผิดหรอก”
เกวลินพูดเพื่อไม่ให้หทัยชนกคิดมาก แล้วคำพูดของเธอนั้นมีความเป็นจริงแฝงอยู่ คิดอีกทาง หากทั้งสองโทรมาบอกเธอล่วงหน้า บางทีเธออาจจะไม่ได้กลับเมืองไทยก็เป็นได้ เพราะมีปัจจัยหลายอย่าง ปัจจัยสำคัญเลยก็คือ เรื่องการเรียน เพราะทุกเหตุผลที่เธอเอ่ยไปนั้น เชื่อมโยงกับเรื่องการศึกษาทั้งสิ้น
“รุ้งขอบใจเดียร์นะที่เข้าใจรุ้งกับเกตุ”
“ก็รุ้งกับเกตุไม่ผิดนี่ เอาเป็นว่าเดียร์อวยพรรุ้งตรงนี้เลยก็แล้วกันนะ ขอให้มีความสุขกับชีวิตคู่นะรุ้ง”
เกวลินอวยพรเพื่อนทางโทรศัพท์แทน ทั้งๆ ที่ในใจอยากจะไปอวยพรภายในงานมากกว่า แต่ในเมื่อทำอย่างนั้นไม่ได้ วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
“ขอบใจเดียร์มากนักเพื่อนรัก” หทัยชนกขอบอกขอบใจเจ้าของคำอวยพร
“ปีนี้เรียนจบแล้ว จะกลับเมืองไทยวันไหนก็บอกนะ จะได้ไปรับ” อัญญาณีพูดขึ้น
“แล้วจะบอกอีกทีนะ บางทีอาจจะกลับไปหาพ่อและหาเพื่อนๆ สักพัก แล้วจะบินกลับมาที่นี่อีก เพราะว่าบริษัทที่ฝึกงานอยู่อยากให้เดียร์มาประจำที่นี่เลย เดียร์ก็กำลังตัดสินใจอยู่นะ กลับไปเมืองไทยก็ต้องเจอหน้าแม่เลี้ยงอีก สู้อยู่ที่นี่ดีกว่าจะได้ไม่มีเรื่อง พ่อจะได้ไม่ลำบากใจ”
“อ้าวเหรอ...แล้วงานของพ่อเดียร์ที่นี่ล่ะใครจะดูแล?” อัญญาณีถามกลับ เพราะหากเป็นเช่นนั้น กิจการที่บิดายกให้เกวลินก็จะไม่มีคนดูแล
“พอถึงตอนนั้นพ่อก็ต้องหาคนมาดูแลได้ แต่เดียร์ต้องดูก่อนนะ ดูปัจจัยหลายๆ อย่าง บางทีก็อาจจะทำงานที่นี่เล่นๆ ไปอีกปีแล้วค่อยกลับไปเผชิญหน้ากับแม่เลี้ยง”
เกวลินแบ่งรับแบ่งสู้ ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี เธอจะให้คำตอบกับทุกคนอีกครั้งเมื่อตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด
“อืมๆ ตัดสินใจได้แล้วก็โทรบอกเกตุกับรุ้งนะ รบกวนเวลาเดียร์แค่นี้นะ อย่าลืมโทรหากันบ้างนะเดียร์ คิดถึงเดียร์นะ”
“รุ้งก็คิดถึงเดียร์เหมือนกันจ้า” หทัยชนกบอกผ่านความคิดถึงไปตามสาย ไปให้อีกคนหนึ่งที่ยิ้มรับความคิดถึงของเพื่อนสนิททั้งสอง
“เดียร์ก็คิดถึงเกตุกับรุ้งมากๆ เหมือนกัน แล้วจะโทรหานะ อ้อ!!...อย่าลืมส่งรูปงานแต่งงานมาให้เดียร์ดูบ้างนะ เดียร์ยังไม่เห็นหน้าค่าตาตะวันเลย บอกให้ส่งรูปมาให้ดูก็ไม่เห็นส่งมาซักที” เกวลินเอ่ยคำคิดถึงส่งกลับไปให้เพื่อนแสนน่ารัก แล้วพูดประโยคถัดมาเมื่อนึกขึ้นได้