“เกตุก็พูดเกินไป หน้าตาตะวันไม่ได้แย่ขนาดนั้นซะหน่อย” คนที่เป็นแฟนของตะวันรีบท้วงขึ้นทันควัน
“โอ้โห...ถึงขนาดแก้ตัวแทนกันด้วย สงสัยงานนี้เกตุเป็นหมาหัวเน่าแน่ ๆ เลย ถูกเพื่อนทิ้ง” เป็นอีกครั้งที่เสียงพูดของเกวลินมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ
“น่าจะจริง ตั้งแต่มีแฟนลืมเพื่อนในบัดดล” เพื่อนตัวอ้วนเอ่ยรับคำพูดของเพื่อน
“บ้า ไม่ถึงขนาดนั้นซะหน่อย ก็ยังโทรหาเกตุ ไปหาเกตุที่บ้านเหมือนเดิมนั่นแหละ ลืมเพื่อนตัวอ้วนๆ ได้ไงล่ะ” หทัยชนกรีบพูดแก้ต่างทันควัน
“โอเคจะยอมเชื่อก็ได้ว่าไม่ลืมเพื่อน” อัญญาณีพูดกับหทัยชนก ก่อนจะก้มหน้าลงไปยังโทรศัพท์เพื่อสนทนากับคนที่อยู่ต่างประเทศ “ว่าแต่ปิดเทอมนี้เดียร์จะกลับเมืองไทยหรือเปล่า?”
“นั่นสิจะกลับเมืองไทยหรือเปล่า ถ้ากลับจะได้เจอตะวันไง” หทัยชนกถามเพิ่มเติมอีกคน
“ดูก่อนนะ ถ้าเรื่องเรียนยังยุ่งๆ อยู่ก็ไม่กลับ เพราะว่าต้องมีฝึกงานด้วยไง อาจจะกลับทีเดียวตอนเรียนจบเลย” เกวลินตอบเพื่อน “แต่รุ้งก็ส่งรูปของตะวันมาให้เดียร์ดูก็ได้นี่ ส่งมาทางอีเมล์ก็ได้” ก่อนจะเสนอแนะวิธีที่ตนเองจะได้เห็นหน้าคนรักของเพื่อน
“ยังไม่เคยถ่ายรูปตะวันเลย เอาไว้ถ่ายรูปตะวันได้แล้วรุ้งจะส่งไปให้ดูทางอีเมล์นะ”
“อืม...เอาอย่างนั้นก็ได้”
“กว่าจะได้เจอเดียร์ก็อีกตั้งปีกว่าๆ คิดถึงแย่เลย” สาวอ้วนรำพึง
“นั่นสิ รุ้งคิดถึงเดียร์นะ” หทัยชนกฝากความคิดถึงไปให้คนห่างไกล
“เดียร์ก็คิดถึงรุ้งกับเกตุเหมือนกัน เอาไว้เดียร์กลับเมืองไทยเดียร์จะกอดรุ้งกับเกตุให้หายคิดถึงเลย”
เกวลินพูดเสียงสั่นๆ คล้ายกับคนกำลังจะร้องไห้ สองสาวที่อยู่เมืองไทย พอได้ยินน้ำเสียงของเพื่อน น้ำตาพาลจะไหลเช่นกัน
“ระหว่างนี้เราก็โทรคุยกันไปก่อนนะ เกตุกับรุ้งอาจจะไม่โทรไปหาเดียร์นะ เพราะไม่รู้ว่าเดียร์จะว่างหรือเปล่า เกตุกับรุ้งจะรอโทรศัพท์จากเดียร์ก็แล้วกัน” อัญญาณีสรุป
“โอเคตามนั้นเลยเพื่อน” เกวลินรับคำ
สามสาวสนทนากันตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันต่อไปอีกราวสามสิบนาที การสนทนาจึงสิ้นสุดลง แต่ทว่ามิตรภาพของความเป็นเพื่อนไม่เคยสิ้นสุด ยังคงดำเนินต่อไปตราบนานเท่านาน ตราบสิ้นลมหายใจ...
หากไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์นี้
จากเดือนเคลื่อนมาเป็นปี
ความสุขและความรักของตะวันกับหทัยชนกผ่านพ้นมานานร่วมขวบปี ทั้งสองบ่มเพาะต้นรักจนงดงามบานสะพรั่งเต็มหัวใจ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นตะวันแสดงให้ทุกคนเห็นว่า เขารักมั่นต่อหญิงสาวอันเป็นที่รักมากเพียงใด ไม่เคยชายตาแลหญิงอื่นใดนอกจากเธอ แล้วตระหนักในใจว่า หทัยชนกคือหญิงสาวที่เขาต้องการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
ญาติของแต่ละฝ่ายไม่มีใครคัดค้านที่จะให้ทั้งสองคบหากัน ตรงกันข้างต่างเอ็นดูคนรักของลูก บิดามารดาของตะวัน รักและพอใจในตัวของว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้มาก ทั้งกิริยามารยาท ทั้งการพูดจาบ่งบอกถึงการเป็นกุลสตรีที่ถูกอบรมมาเป็นอย่างดี อยากจะได้หทัยชนกมาเป็นลูกสะใภ้ในเร็ววัน
ด้านญาติของฝ่ายหญิงก็ไม่น้อยหน้า รักและพอใจในตัวของตะวันเช่นกัน พอใจกับความเสมอต้นเสมอปลายของชายหนุ่ม ที่ยังคงไปรับไปส่งหทัยชนกระหว่างกรุงเทพฯ กับเชียงใหม่ทุกครั้งที่หทัยชนกเดินทางเข้าเมืองหลวง ยามที่หทัยชนกไม่สบาย ตะวันก็ดูแลอยู่ไม่ห่าง ทั้งเรื่องอาหารการกินที่ลงมือทำให้คนป่วยทาน เรื่องยาที่จะต้องทานตามแพทย์สั่ง ดูแลจนกว่าคนรักจะหายสนิท คนที่มองดูอยู่ห่างๆ อย่างศักดิ์ชัยจึงวางใจที่จะให้ตะวันดูแลลูกสาว และพร้อมที่จะยกดวงใจดวงนี้ให้กับตะวัน หากอีกฝ่ายยกขันหมากมาขอ
ไม่เพียงแค่เอาใจใส่หทัยชนกเท่านั้น ตะวันยังขับรถไปรับไปส่งอาม่า ญาติผู้ใหญ่ของคนรักทุกครั้งที่ต้องไปพบแพทย์ตามนัดหมาย ทำให้คะแนนของตะวันสูงลิบลิ่ว ผ่านด่านทุกด่านได้อย่างไม่มีข้อแม้
แล้วเมื่อความรักสุกงอม ตะวันจึงตัดสินใจขอหทัยชนกแต่งงาน ในวันคล้ายวันเกิดของเธอ ท่ามกลางสักขีพยานหลายสิบคนที่มาร่วมงานเลี้ยงรื่นเริงนี้ ทุกอย่างที่เขาทำในคืนนี้ ไม่มีใครรู้ทั้งสิ้น ยกเว้นเขาเพียงคนเดียว
งานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของหทัยชนกถูกจัดขึ้นในบ้านพักย่านเยาวราช คนที่มาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดเล็ก ๆ มีราวสิบเจ็ดคน ญาติของเจ้าของวันเกิดมีประมาณหกคน นอกนั้นเป็นเพื่อนๆ ของหทัยชนกที่มีอัญญาณีรวมอยู่ด้วย
หลังจากที่ผ่านพ้นช่วงตัดเค้กไปแล้ว ตะวันได้ทำตามความตั้งใจของตนเอง ด้วยการลุกขึ้นยืนตรงจุดที่เขานั่งอยู่ ล้วงหยิบบางอย่างที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมา ก่อนจะเดินไปหาคนรักที่นั่งอยู่บนโซฟามุกตัวใหญ่ราคาแสนแพง คุกเข่าตรงหน้าหทัยชนกที่ทำหน้างงงันกับการกระทำของคนรัก ใจสั่นเมื่อเห็นสิ่งหนึ่งที่ตะวันยื่นมาตรงหน้าเธอ
“รุ้ง ตะวันรักรุ้ง แต่งงานกับตะวันนะ”
คำพูดที่ไม่ยืดยาว ไม่อ้อมค้อม คำขอแต่งงานตรง ๆ ที่กลั่นออกมาจากใจทำให้คนที่ถูกขอแต่งงานถึงกับอึ้ง หัวใจเต้นรัว ใบหน้าแดงซ่านด้วยความเขินอาย น้ำตาซึมด้วยความซาบซึ้งใจ ดีใจ เอิบอิ่มใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าวันแห่งความสุขวันนี้คนที่ตัวเองรักจะขอเธอแต่งงาน มันไม่มีสัญญาณมาก่อนเลย
ไม่เพียงแค่หทัยชนกเท่านั้นที่อึ้งและคาดไม่ถึง คนที่ไปร่วมฉลองวันคล้ายวันเกิดของหทัยชนกก็มีอาการไม่ต่างกัน ตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความดีใจ โห่ร้องให้หทัยชนกรับคำขอของตะวัน
“แต่งเลย แต่งเลย แต่งเลย”
เสียงเชียร์จากคนรอบข้างดังกระหึ่มบ้าน หทัยชนกหันมามองเหล่ากองเชียร์ที่โห่ร้องประสานเสียงไม่หยุด ก่อนจะหันไปทางตะวัน มองหน้าคนที่เธอรักสุดหัวใจชั่วครู่ ริมฝีปากสาวจึงเผยกว้างขับคำตอบที่ตะวันรอคอย
“จ้ะ รุ้งจะแต่งงานกับตะวัน”
“เฮ้...” สิ้นเสียงของหทัยชนกเสียงโห่ร้องของเพื่อนๆ ก็ดังขึ้น ตะวันยิ้มแก้มปริ รีบรุดสวมแหวนเพชรไปยังนิ้วนางข้างซ้ายของเธอทันที ราวกับกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจ
“ตะวันสัญญาว่า ตะวันจะรักรุ้งคนเดียวและตลอดไป” เขาพูดหลังจากที่สวมแหวนเสร็จ
“รุ้งรักตะวัน แล้วจะรักตลอดไปเช่นกัน”
คำมั่นสัญญาถูกถ่ายทอดให้กันและกัน ท่ามกลางสักขีพยานที่ยิ้มรับภาพหวานภาพนั้น ความสุขเบ่งบานเต็มหัวใจของเขาและเธอ รวมทั้งทุกคนที่มาร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ แล้วมันก็จะตราตรึงอยู่ในหัวใจของพวกเขาไปตลอดกาล โดยเฉพาะสองหัวใจที่เกี่ยวโยง