ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา
กริ๊ง...กริ๊ง...กริ๊ง...
เสียงโทรศัพท์ที่แผดร้องไม่หยุด ทำให้คนที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงงัวเงียตื่นขึ้นมา ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบหูโทรศัพท์ให้ออกห่างแป้น แล้วจึงนำมาแนบกับหู
“ฮัลโหล” เกวลินกรอกเสียงพูดไปตามสาย
“ยังไม่ตื่นอีกเหรอเดียร์” เสียงที่เกวลินได้ยิน ทำให้เธอดีดตัวลุกขึ้นนั่ง หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง สีหน้ายิ้มแย้มเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนโทรศัพท์มาหาเธอ
“เกตุ โทรมาได้ไงเนี่ย?”
“ใช้โทรศัพท์รุ้งน่ะ โทรเข้ามือถือเดียร์แล้วแต่เดียร์ปิดเครื่อง ก็เลยโทรเข้าเบอร์บ้านพักแทน” อัญญาณีเอ่ยบอก
“พักนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะ เดียร์ก็มัวแต่ยุ่งๆ เรื่องการทำรายงานอยู่ ก็เลยไม่ได้โทรไปหา เกตุกับรุ้งก็ใจร้ายไม่โทรมาหาเดียร์บ้างเลย”
เกวลินตัดพ้อ สามเดือนมานี้เธอไม่มีเวลาเป็นของตัวเองมากนัก เวลาส่วนใหญ่จะทุ่มให้กับการเรียน พอกลับถึงที่พักก็นอนสลบไศลด้วยความเหนื่อยอ่อน ไม่มีเวลาโทรศัพท์ไปหาใครทั้งสิ้น ทำให้เธอขาดการติดต่อกับเพื่อนสาวทั้งสองคนไปโดยปริยาย พอได้ยินเสียงของเพื่อนที่แสนคิดถึง อาการง่วงนอนก็หายเป็นปลิดทิ้ง
“ก็ไม่กล้าโทรนี่ กลัวว่าตอนที่โทรไปเดียร์เรียนอยู่หรือยุ่งๆ อยู่”
ไม่ใช่ว่าสองสาวที่อยู่เมืองไทยไม่อยากจะโทรศัพท์ไปหาเกวลิน แต่เป็นเพราะเวลาของสองประเทศนั้นไม่ตรงกันและห่างกันมาก รวมทั้งไม่รู้ว่าเวลาที่โทรศัพท์ไปหาเกวลินนั้นเธอจะทำอะไรอยู่ เรียนอยู่หรือไม่ ทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยหรือเปล่า สองสาวจึงเลือกที่จะไม่โทรศัพท์ไปหาเกวลิน แต่เป็นฝ่ายรอโทรศัพท์แทน
“แล้วทำไมวันนี้ถึงโทรมาได้ล่ะ?” เกวลินถามกลับ
“ก็มีข่าวดีจะบอกไง รับรองว่าเดียร์ต้องตกใจแน่ๆ เลย”
อัญญาณีกระตุ้นความอยากรู้ให้เกิดขึ้นในใจของคนที่อยู่ต่างแดน แล้วก็ได้ผล คำถามถูกสวนกลับมาทันควัน
“ข่าวอะไรอยากรู้แล้วนะ บอกมาเร็วๆ” เกวลินถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ต้องการรู้เต็มที่
“เดี๋ยวให้เจ้าของข่าวดีเป็นคนบอกก็แล้วกัน”
ข่าวดีนี้เองที่ทำให้คนที่พูดดีใจอย่างมากมายในครั้งแรกที่ได้ยิน หลังจากที่ลุ้นอยู่ห่างๆ อยู่นาน สาวอ้วนจึงอยากให้เกวลินรู้สึกดีใจเหมือนกับเธอ สาวอ้วนพูดจบก็กดสปีกเกอร์โฟนเพื่อให้สองคนที่อยู่เมืองไทยกับอีกหนึ่งคนที่อยู่สหรัฐอเมริกาได้สนทนากันได้ทั่วถึง
“บอกมาเร็วๆ รุ้ง เดียร์อยากรู้” เกวิลนเร่งเพื่อนสาว
“รุ้งจะบอกว่ารุ้งมีแฟนแล้วนะ”
หทัยชนกเอ่ยบอกข่าวดีให้เกวลินได้รับรู้ คำพูดของเพื่อนสาวทำให้คนที่อยู่ต่างแดนถึงกับอึ้งไปหลาวินาที
“มีแฟนแล้ว มีตอนไหนล่ะ ทำไมเดียร์ถึงไม่รู้เรื่อง”
คนที่ถามไม่ได้คุยกับเพื่อนสนิททั้งสองคนเพียงแค่สองเดือนกว่า ๆ ส่งผลให้เธอตกข่าวเด็ดไปหรือนี่ ไม่อยากจะเชื่อเลย
“รุ้งปิ๊งรักในวันเกิดของเกตุน่ะเดียร์” คนที่ตอบคืออัญญาณี
“มันก็แค่สองเดือนเองไม่ใช่เหรอ แล้วแฟนรุ้งคือใคร ชื่ออะไร?” เกวลินถามชุดใหญ่
“ก็สองเดือนนี่แหละที่ตะวันเขาพิสูจน์รักแท้จนรุ้งใจอ่อน ไม่ใช่แค่รุ้งนะ เตี่ยกับม้าของรุ้งยังชอบตะวันมาก ๆ เลย แหมจะไม่ให้ชอบได้ยังไง ขับรถจากกรุงเทพฯ ไปกลับเชียงใหม่เป็นสิบ ๆ รอบ เอาอกเอาใจม้ากับเตี่ยสารพัด ผ่านด่านคุณพ่อหวงลูกสาวได้สบาย ๆ” อัญญาณีแถลงไขให้เพื่อนสาวที่อยู่เมืองนอกเข้าใจ
“โห...เก่งจัง ผ่านด่านเตี่ยมาได้นี่ก็สุดยอดแล้ว ว่าแต่แฟนของรุ้งชื่ออะไรนะ เมื่อกี้ไม่ค่อยได้ยิน เสียงมันซาๆ น่ะ”
เกวลินเอ่ยถามเพื่อนทั้งสองกลับ เพราะเมื่อครู่เธอได้ยินชื่อของคนรักของหทัยชนกไม่ถนัด อาจะเป็นเพราะคลื่นความถี่ของสัญญาณโทรศัพท์ขัดข้องในจังหวะนั้น เธอจึงถามชื่อคนรักของหทัยชนกอีกครั้ง
“ชื่อตะวัน แฟนรุ้งชื่อตะวัน” หทัยชนกเป็นคนตอบ
“ชื่อเพราะดีนี่ ว่าแต่ชื่อคุ้นๆ หูแฮะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหน?” เกวลินคุ้นชื่อนี้เป็นอย่างมาก เธอมีความรู้สึกว่า ชื่อนี้ก้องอยู่ในหู เพียงแต่ว่านึกไม่ออกเท่านั้น
“ก็ไอ้ตะวันเพื่อนเกตุไง ที่เกตุเคยพูดถึงบ่อยๆ น่ะ”
อัญญาณีทวนความจำให้เพื่อนต่างแดน แล้วทันทีที่เพื่อนตัวอ้วนพูดคำว่า “ไอ้ตะวัน” ทำให้เธอถึงบางอ้อทันที ตะวันคือเพื่อนสนิทของอัญญาณีที่สาวอ้วนมักพูดให้เกวลินและหทัยชนกได้ยินบ่อยครั้ง ทว่าสองสาวไม่เคยเห็นหน้าเลยสักครั้งเช่นกัน
“อ๋อ!!...จำได้แล้ว ตะวันคนนี้นี่เอง สงสัยพอเห็นหน้ารุ้งปุ๊บก็รักปั๊บแน่ๆ เลย ส่วนรุ้งพอเห็นตะวันปั๊บก็ใจสั่นปุ๊บแล้วบอกว่าคนนี้ล่ะใช่เลย”
เกวลินคาดเดาด้วยรอยยิ้ม หัวเราะคิกคัก คนที่ได้ยินอย่าง หทัยชนกถึงกับหน้าแดงระเรื่อ หลังจากที่ได้ยินคำเอ่ยแซวของเพื่อนสนิท
“ประมาณนั้นเลยเดียร์ ไอ้ตะวันยังให้เกตุเป็นแม่สื่อให้เลยนะ แต่ดูเหมือนว่าเกตุจะไม่ทันได้เป็นแม่สื่อเลย มันรุกของมันเองตลอด เลยปล่อยมันไป อยากจีบยังไงก็จีบ ตะวันก็เก่งนะ พิชิตใจรุ้งได้ แล้วเก่งยิ่งกว่าที่พิชิตใจเตี่ยกับม้าได้” อัญญาณีเล่าขานให้คู่สนทนาได้รับฟัง
“แฟนรุ้งเก่งอยู่แล้ว” เสียงแห่งความสุขของหทัยชนกแทรกขึ้น พร้อม ๆ กับเสียงโห่ของเพื่อนอีกสองคนที่ได้ยิน
“ไม่ค่อยจะเข้าข้างแฟนตัวเองเลยนะยะรุ้ง เดียร์ชักอยากเห็นหน้าตะวันคนนี้แล้วสิ หน้าตาจะเป็นยังไงนะ หล่อขนาดไหนเนี่ยที่พิชิตใจรุ้งได้”
คนที่พูดรู้ดีว่า ชายหนุ่มหลายคนที่เข้ามาจีบหทัยชนกไม่มีคนไหนเลยที่ผ่านด่านหัวใจของเพื่อนสาวคนนี้ได้ เกวลินจึงอยากรู้ว่า เจ้าของชื่อตะวันมีดีอย่างไร หทัยชนกถึงได้ยอมเปิดประตูใจยอมรับอีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในสถานะคนรัก
“ตะวันเป็นคนน่ารัก เอาใจเก่งแล้วก็รักรุ้งมาก ๆ ด้วย” หทัยชนกตอบไปเขินไป
“แหม...อิจฉาจังเลย ถ้าดีอย่างนั้นประเดี๋ยวเดียร์ก็แย่งซะหรอก” เกวลินเย้าเพื่อนด้วยเสียงหัวเราะตบท้าย ทำให้สองสาวที่อยู่เมืองไทยหัวเราะตามไปด้วย
“สำหรับเดียร์ ยกให้เลย” หทัยชนกเย้ากลับมาพร้อมเสียงหัวเราะคิกคักเช่นกัน
“ตะวันมันมีอะไรดีให้รุ้งกับเดียร์แย่ง หน้าตาอย่างกับปลาจรวดหลงโลง”
สาวอ้วนพูดอย่างหมั่นไส้ ตะวันแม้ว่าไม่ใช่คนหน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร แต่ทว่าก็ไม่ขี้ริ้วขี้เหล่ พูดได้ว่าดูดีมีชาติตระกูลน่าจะเหมาะสมกว่า