“จริง ๆ นะ รุ้งสวยสำหรับตะวันเสมอ ไม่ว่าวันนี้หรือว่าวันไหน” ความขวยเขินประดับบนดวงหน้าสวยอีกครา และดูเหมือนว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ต่อจากนาทีนี้
“ตะวันก็พูดเกินไป”
“เกินไปที่ไหน พูดจากใจจริงต่างหาก” เขาย้ำให้เธอได้รับรู้ ก่อนจะพูดประโยคต่อมา “ตะวันมีเรื่องอยากจะบอกอีกเรื่องหนึ่งนะ”
“เรื่องอะไรอีกล่ะ?” เธอก้มหน้างุดถาม หั่นเนื้อสเต็กแก้อาการเขิน
“เวลาสองเดือนที่ผ่านมา ตะวันแสดงให้รุ้งเห็นว่า ตะวันมีความจริงใจกับรุ้งมากแค่ไหน เป็นห่วงและหวงรุ้งมากเพียงไร แล้ววันนี้ตะวันก็พร้อมที่จะบอกคำ ๆ หนึ่งกับรุ้ง คำที่ตะวันอยากจะบอกรุ้งตั้งแต่วันแรกที่เจอ แต่ตะวันก็ไม่พูดเพราะคิดว่ามันเร็วเกินไป ตะวันเก็บความรู้สึกทุกสิ่งอย่างเอาไว้ เพื่อรอวันที่สมควรจะพูดคำ ๆ นี้ ตะวันรักรุ้งนะ รักมากด้วย แล้วรุ้งล่ะรักตะวันหรือเปล่า เราสองคนใจตรงกันมั้ยรุ้ง?”
หทัยชนกน้ำตาปริ่มทันทีที่ได้ยินคำรักหวานๆ ที่มาพร้อมกับบรรยากาศโรแมนติก ถ้อยคำบอกรักคำนี้เป็นคำที่เธอรอให้เขาบอกมานาน แล้วในที่สุดหทัยชนกก็ได้ยินคำนี้เสียที ประโยคคำพูดของเขาแทรกซึมลึกเข้าไปในหัวใจที่เต้นเร่าไม่เป็นจังหวะ ถี่แรงจนเธอรู้สึกเหมือนกับว่ามันกำลังทะลักออกมาจากผิวเนื้อ เธอบังคับความตื่นเต้นเปรมปรีดิ์ไม่ได้ นั่งยุกยิกไม่อยู่กับที่ รอยยิ้มเฉิดฉายเต็มดวงหน้า ช้อนสายตามองชายที่บอกรักเธอด้วยสายตาเปล่งประกาย ความรักอาบอยู่ในดวงตาสวยคู่นี้ หากตะวันดูออกเธอแทบจะไม่ต้องตอบคำถามเขาเลย
“ว่าไงครับ รุ้งรักตะวันหรือเปล่า?” เขาถามซ้ำ รอคอยคำตอบอย่างใจลุ้นระทึก
คำถามที่เร่งเร้าต้องการคำตอบของตะวัน ทำให้ความอายเพิ่มพูนในหัวใจของหญิงสาวมากขึ้น คำตอบที่เขาต้องการรู้อยู่ในหัวใจเธอแล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อครู่ริมฝีปากบางคู่นี้หนักอึ้งเกินกว่าจะเผยอตอบ อาจเป็นเพราะเธอตกอยู่ในห้วงของความตื่นตะลึง จากคำรักที่ได้ยิน ทว่าเวลานี้สาวนิสัยดีพร้อมแล้วที่จะตอบคำถาม
“รัก” เธอตอบสั้นๆ แต่ความหมายนั้นยิ่งใหญ่ มีอานุภาพมากมายที่จะทำให้หัวใจของตะวันเต้นโครมคราม ขยายพองโตไปด้วยความสุข เขาจะสุขมากกว่านี้หากเธอตอบรับในประโยคคำถามต่อไป
“เราใจตรงกัน เราก็ตกลงเป็นแฟนกันนะรุ้ง” คนที่ถามยิ้มร่า แต่คนที่ถูกถามหน้าแดงราวกับลูกมะเขือเทศสุก ก้มหน้างุดไม่ยอมตอบ
“ว่าไงครับ ตกลงเราเป็นแฟนกันนะรุ้ง”
เขาถามสาวที่ตนเองรักอีกครั้ง เมื่อหทัยชนกไม่ให้คำตอบที่ตนเองต้องการ นอกจากความเงียบและกิริยาเขินอาย ปากหนักยิ่งว่าเอ่ยคำรักเมื่อครุ่
“จ้ะ” คำตอบของเธอช่างสั้นและเบาเหลือเกินคนที่รอฟังคำตอบต้องถามย้ำเพื่อให้เกิดความมั่นใจ
“รุ้งว่ายังไงนะ ตอบดังๆ หน่อยสิครับ?” หทัยชนกย่นจมูกใส่ตะวันอย่างน่ารัก ก่อนจะเปิดปากตอบอีกครั้ง ดังขึ้นและชัดเจนขึ้น
“ก็ได้ เราเป็นแฟนกัน แค่นี้ได้ยินชัดมั้ย?”
สาวหน้าแดงแฝงไว้ด้วยความอาย ตะเบ็งเสียงให้ดังกว่าเดิม ใบหน้าของตะวันบานราวกับกระด้ง หัวใจอิ่มซ่านด้วยความสุขที่เดินทางมาครอบคลุมหัวใจและทุกความรู้สึกในร่างกาย
“ชัดแล้วครับ เอาเป็นว่านับตั้งแต่นี้เราเป็นแฟนกันแล้วนะ” ตะวันย้ำสถานะให้สาวตรงหน้าได้รับรู้อีกครั้ง
“ชัดแล้วไม่ต้องย้ำหลายรอบหรอกน่า” สาวขี้อายพูดไปหน้าแดงไป
“เป็นแฟนกันแล้วขั้นต่อไปเราก็เป็นมากกว่านั้น รอให้รุ้งมั่นใจในตัวตะวันมากกว่านี้ แล้วตะวันจะให้พ่อกับแม่ไปสู่ขอรุ้งนะ”
เขาวาดอนาคตไว้เสร็จสรรพเป็นขั้นเป็นตอนเสียจนหทัยชนกคาดไม่ถึง อึ้งและอายไปอีกรอบ แต่ก็แอบดีใจที่ตะวันคิดจะสร้างครอบครัวกับเธอ ทว่าการแต่งงานเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน ต้องดูกันไปนาน ๆ ไม่ใช่ประเดี๋ยวประด๋าวแล้วตัดสินใจ เพราะการตัดสินใจมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากตัดสินใจดีชีวิตครอบครัวมีความสุขก็โชคดีไป หากดูพลาดจะเสียใจไปตลอดชีวิต
“มันยังอีกนาน ดูๆ ไปก่อน เผื่อตะวันเห็นผู้หญิงคนอื่นดีกว่ารุ้ง รุ้งจะได้ไม่เสียใจภายหลังถ้าหากเราแต่งงานกัน”
หทัยชนกกลัวมากที่สุด กลัวว่าชีวิตคู่จะถูกทรยศหักหลัง หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เธอคงจะเสียใจมาก เนื่องจากเธอรักใครรักจริง รักแบบไม่เผื่อใจไว้ให้กับคำว่าเจ็บปวด ดูใจกันไปสักระยะน่าจะดีที่สุด เจ็บตอนนี้ดีกว่าเจ็บในวันข้างหน้า
...วันที่เธอสร้างครอบครัวกับตะวัน
“ไม่มีทางหรอก ตะวันไม่มีทางเห็นใครดีกว่ารุ้งแน่นอน รุ้งคือคนที่ตะวันตามหามานาน ตะวันมีแฟนมาแล้วหลายคน แต่ไม่มีใครที่ทำให้ตะวันอยากจะแต่งงานด้วยเลยสักคน รุ้งเป็นแรกและคนสุดท้ายที่ตะวันจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยจนแก่เฒ่า ตะวันสัญญา”
เวลาที่ตะวันพูดประโยคนี้ สายตาของเขามองนิ่งไปยังดวงตาคู่สวยของหทัยชนก ประหนึ่งต้องการให้เธอมองเห็นความรัก ความจริงใจที่เขาส่งผ่านไปให้เธอ คำพูดโป้ปดได้ แต่ทว่านัยน์ตาไม่อาจโกหกได้ แล้วเธอก็รับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของตะวัน
“คำสัญญาใคร ๆ ก็พูดได้ มันเป็นเพียงแค่ลมปากเป่า แต่การกระทำมันสำคัญที่สุด เอาไว้ถึงเวลาจริง ๆ แล้วเราค่อยพูดถึงเรื่องนั้นกันนะตะวัน”
เธอจะใช้เวลาต่อไปนี้ศึกษาดูใจชายที่ตนรัก ก่อนที่จะตัดสินใจร่วมหอลงโลง อย่างที่กล่าวไปข้างต้น การตัดสินใจมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
“ได้สิ ตะวันจะพิสูจน์ให้รุ้งเห็นว่า นับต่อจากวินาทีนี้เป็นต้นไปหัวใจของตะวันจะมอบให้รุ้งเพียงคนเดียว สัญญาต่อหน้าพระจันทร์ ดวงดาว เกลียวคลื่นและท้องทะเลว่า รุ้งจะอยู่เคียงคู่ตะวันตลอดไป”
วาจาประโยคนี้หนักแน่นกว่าครั้งไหน ๆ ราวกับว่าจะพูดให้เธอมีความมั่นใจในตัวเขามากขึ้น แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ตะวันจะแสดงให้หญิงสาวตรงหน้ารู้ว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านพ้นไปนานแค่ไหน หัวใจของเขาจะมีเพียงเธอ
สัญญาต่อหน้าพระจันทร์...ดวงดาว
เกลียวคลื่นและท้องทะเลว่า...
รุ้งจะอยู่เคียงคู่ตะวันตลอดไป
แล้วจะได้รู้กันว่า คำสัญญานี้จะมั่นคงมากแค่ไหน เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์
หัวใจของตะวัน