ตลาดไนท์พลาซ่าวันนี้ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติจึงมาเดินเลือกซื้อ เลือกหาสินค้าถูกใจ ตะวัน หทัยชนกและบัวเผื่อนเดินดูสินค้าตามร้านนั้นร้านนี้ กันอย่างมีความสุขและเป็นกันเอง พร้อมกับเดินคุยกับหญิงสาวที่ตนแอบชอบไปด้วย
“รุ้งมาอยู่ที่นี่นานแล้วเหรอ?” ตะวันชวนคุย
“สำหรับรุ้งไม่นานหรอก สองปีกว่าๆ เอง แต่อากงกับอาม่าอยู่ที่นี่มาร่วมยี่สิบปีแล้ว ส่วนเตี่ยกับม้ามาอยู่เมื่อเจ็ดปีก่อน จะว่าไปรุ้งก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอดหรอก ไปๆ มาๆ เชียงใหม่กับกรุงเทพฯ มาตลอด เพราะต้องกลับไปทำบัญชีที่ร้านทองในเยาวราชทุกเดือน”
“ถ้ารุ้งกลับกรุงเทพฯ เมื่อไหร่บอกตะวันนะ ตะวันจะขึ้นมารับ” เขาพูดเสียงจริงจัง จนอีกฝ่ายอึ้งไปหลายวินาทีกับถอยคำที่ได้ยิน
“ไม่ต้องหรอกตะวัน เกรงใจน่ะ รุ้งนั่งเครื่องบินไปดีกว่า ไวดี สะดวกด้วย แต่ขากลับจะนั่งรถทัวร์” เธอกล่าวอย่างเกรงใจ
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก บอกแล้วไงว่าตะวันเต็มใจและดีใจที่ทำเพื่อรุ้ง แต่จะเสียใจหากรุ้งไม่ให้ตะวันทำตามความตั้งใจของตัวเอง” เจอไม้นี้เข้าไปหทัยชนกถึงกับพูดไม่ออก
หากตอบรับเธอก็เกรงใจจะไม่ให้เธอเกรงใจเขาได้อย่างไร เพราะระยะทางมันไม่ใช่ใกล้ๆ เขาจะเสียเวลาหลายชั่วโมงกว่าจะขับรถมาเชียงใหม่แล้วต้องนอนพักไม่ต่ำว่าหนึ่งวันในการเติมพลังให้กับร่างกาย จากนั้นก็ต้องขับรถพาเธอกลับเมืองหลวงอีก แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว
หากปฏิเสธตะวันก็จะเสียใจเพราะเธอทำลายความตั้งมั่นของเขา มันจึงเป็นห้วงการตัดสินใจที่ยากลำบากยิ่ง ในความคิดของเธอนั้นต้องใช้คำว่า สองจิตสองใจถึงจะถูก
“คือว่า...” หทัยชนกจึงตกอยู่ในอาการอ้ำอึ้ง
“ไม่ต้องคือหรอกรุ้ง ตะวันเต็มใจทำเพื่อรุ้งนะ เพื่อผู้หญิงในฝันของตะวัน”
ความเขินอายขึ้นมาประทับบนดวงหน้าของหทัยชนกที่เปื้อนสีแดงระเรื่อ ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มขวยเขิน ร่างกายบิดม้วนไปมา อาการเหล่านี้เกิดขึ้นทันทีที่ถ้อยคำของเขาไหลผ่านเข้ามาในหูของเธอ เป็นคำพูดที่ทำให้หัวใจสาวขยายพองโตคล้ายลูกโป่งถูกอัดลม
“รุ้งว่าเราไปร้านโน้นกันดีกว่า เขาขายของที่ระลึกตั้งหลายอย่าง”
หทัยชนกเปลี่ยนเรื่องพูด โดยที่ไม่ได้ให้คำตอบกับชายหนุ่มว่า จะให้เขาไปรับ มาส่งเธอระหว่างกรุงเทพฯ กับเชียงใหม่หรือไม่ ไม่พูดเปล่าเธอกลับเดินลิ่วๆ นำหน้าไปทันที ตะวันจำต้องเดินตามสาวขี้อายไป โดยมีบัวเผื่อนเดินตามรั้งท้าย
การเที่ยวตลาดไนท์พลาซ่าในค่ำคืนนี้ ทั้งตะวันและหทัยชนกต่างมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้ว่าจะมีบัวเผื่อนคอยเดินตามอยู่ไม่ห่าง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความสุขของเขาและเธอลดน้อยถอยลง และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของความรักที่กำลังจะงอกงาม ออกดอกออกผลเต็มหัวใจ
สองเดือนผ่านไป
วันเวลาไวยิ่งนักสำหรับตะวัน นับจากวันแรกที่เขาเจอหทัยชนกจนถึงวันนี้ก็ล่วงเลยมากว่าสองเดือนแล้ว เป็นสองเดือนที่เขาเร่งทำคะแนนอย่างสุดความสามารถ แล้วเป็นสองเดือนที่เขามีความสุขมากที่สุดในชีวิต
ระยะทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ และจากเชียงใหม่กลับกรุงเทพฯ ดูจะไม่เป็นปัญหาสำหรับตะวันอีกต่อไป เขาสามารถขับรถไปกลับได้อย่างคล่องแคล่ว และใช้เวลาเพียงสิบชั่วโมงเศษเท่านั้น
เรื่องว่าที่พ่อตาปัญหาใหญ่สำหรับตะวันในระยะแรก ปัญหานั้นดูดีขึ้นตามลำดับ เดิมทีนั้นหากเขาขึ้นไปรับหทัยชนกที่เชียงใหม่และไปไหนมาไหนด้วยกัน ศักดิ์ชัยจะให้บัวเผื่อนไปด้วยเสมอ ซึ่งตะวันเองก็ไม่ขัดข้องแล้วไม่เคยแสดงความไม่พอใจให้เห็น บางครั้งหากเขานั่งคุยกับหทัยชนกที่บ้าน ศักดิ์ชัยจะมานั่งพูดคุยด้วยเสมอ หากไม่ว่างก็จะส่งกิมเล็งภรรยาเชื้อสายจีนมานั่งเป็นก้างขวางคอแทน
ตะวันไม่ย่อท้อแสดงความจริงใจที่มีต่อหทัยชนกให้ทุกคนในครอบครัวของเธอเห็น ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง พอเวลาผ่านไปราวหนึ่งเดือนครึ่งศักดิ์ชัยก็มอบความไว้วางใจ ความเชื่อใจให้กับตะวัน ให้เขาไปไหนมาไหนกับหทัยชนกได้โดยไม่มีบุคคลที่สามตามติด
เรื่องยินดีอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ความสัมพันธ์ทางใจระหว่างตะวันกับหทัยชนกเริ่มพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น หัวใจของเขาและเธอเกี่ยวโยงเชื่อมกันเพียงแต่ว่าไม่เปิดเผยออกมาเป็นคำพูดให้อีกฝ่ายรับรู้ มีเพียงสายตาเท่านั้นที่สื่อความหมายถึงกัน
ตะวันจึงวางแผนการบางอย่างเพื่อบอกรักเธอในค่ำคืนสุดพิเศษ ด้วยการพาหทัยชนกไปดินเนอร์ริมชายหาดหัวหิน ที่เขาเคยแวะเวียนมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง แล้วเกิดประทับใจในความสวยงามและความโรแมนติกของสถานที่
ณ ชายหาดหน้าโรงแรมชั้นหนึ่งในอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบขีรี-ขันธ์ ถูกปรับเปลี่ยนร้านอาหารสุดแสนโรแมนติก มีโคมไฟขนาดความสูงหนึ่งร้อยเซนติเมตรจัดเรียงรายรอบบริเวณ โต๊ะอาหารราวเจ็ดโต๊ะที่ถูกจัดวางอยู่บนหาดทรายเม็ดละเอียด บนโต๊ะยังมีแสงเทียนที่อยู่ในแก้วทรงเตี้ยตั้งวางส่องสว่างกลางโต๊ะ
ตะวันกับหทัยชนกนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารตัวหน้าสุด ดื่มด่ำกับธรรมชาติสุดแสนโรเมนติก ฟังเสียงระลอกคลื่นที่ม้วนตัวกระทบกับชายหาด สูดกลิ่นความเค็มของน้ำทะเลที่พัดเอื่อยเข้ามายังชายฝั่ง บนผืนดิน บนผืนน้ำที่ว่าสวย บนฟากฟ้าก็ไม่น้อยหน้ามีหมู่ดาวขั้นประดับบนฟากฟ้าสีดำทะมึนล้อมรอบพระจันทร์ส่องสว่างอำไพ บรรยากาศแสนอภิรมย์ส่งเสริมให้อาหารมื้อค่ำสุดแสนวิเศษและโรแมนติก
“รุ้ง ตะวันมีเรื่องจะบอก” ตะวันตัดสินใจบอกหทัยชนกระหว่างที่ทั้งสองรับประทานอาหาร
“ตะวันจะบอกอะไรรุ้งเหรอ?” เธอละสายตาจากอาหารตรงหน้า เงยหน้าถามชายหนุ่มที่เข้ามานั่งกลางหัวใจของตน
“ตะวันอยากบอกรุ้งว่า รุ้งสวยยิ่งกว่าดวงดาวบนฟ้า มีเสน่ห์กว่าทะเลยามค่ำคืน”
ตะวันพูดออกมาจากใจ หทัยชนกไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก ไม่ใช่ผู้หญิงที่ความเพียบพร้อมที่สุดในปฐพี แต่เธอสวยและดีเลิศที่สุดสำหรับเขา ไม่ว่าจะมองมุมไหนเธอก็สวยในสายตาของเขาเสมอ แล้วสวยยิ่งกว่าสรรพสิ่งใดในโลก
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกตะวัน” เธอพูดด้วยความเขินอาย หน้าแดงก่ำ บีบมือเล็กของตน