9

1169 คำ
“มาพร้อมรุ้ง หมายความว่ายังไง?” “ผมเป็นคนขับรถมาส่งรุ้งที่นี่ครับ ก็เลยตั้งใจว่าจะอยู่เที่ยวเชียงใหม่ต่อสักสามสี่วันครับ” ตะวันตอบให้อีกฝ่ายเข้าใจ “คุณมาส่งรุ้งเหรอ?” “ใช่ครับ ผมมาส่งรุ้งที่นี่ครับ” สีหน้าของศักดิ์ชัยดีขึ้นเมื่อได้รับคำตอบจากตะวัน ความไว้วางใจจึงในระดับหนึ่งจึงเกิดขึ้นในใจของคนที่เป็นพ่อ หลังจากที่ซักถามพอหอมปากหอมคอ “งั้นเข้ามารอในบ้านก่อน รุ้งอาบน้ำอยู่” “ครับคุณลุง” ตะวันเดินไปในรั้งบ้านทรงไทยหลังงาม ตามคำเชื้อเชิญของชายสูงวัยที่เดินนำเขาไปยังใต้ถุนของเรือนไทย ที่มีโซฟาไม้ขัดเงาชุดหนึ่งตั้งไว้คล้ายกับเป็นห้องรับแขกของบ้าน ตะวันมองไปรอบ ๆ บ้านที่ร่มรื่นด้วยรอยยิ้ม บ้านหลังนี้เหมือนบ้านทรงไทยสมัยโบราณที่ยกพื้นบ้านสูง มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งหลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็นชุดโซฟารับแขก โทรทัศน์ ชุดเครื่องเสียง ส่วนห้องครัวจะอยู่ด้านหลัง โดยมีโต๊ะอาหารตั้งวางอยู่ไม่ห่างจากชุดรับแขกมากนัก “นั่งก่อนสิ” เจ้าของบ้านเอ่ยบอก ตะวันจึงทรุดกายลงนั่งบนโซฟาตัวเล็ก “คุณชื่ออะไร คุณเป็นคนที่ไหน ทำมาหากินอะไร?” ยังไม่ทันที่ก้นของตะวันสัมผัสกับโซฟา คำถามของศักดิ์ชัยก็ดังขึ้น “ผมชื่อตะวันครับ แม่ผมเป็นคนกรุงเทพฯ ครับ ส่วนพ่อเป็นคน สุราษฎร์ครับ บ้านของผมทำรีสอร์ทอยู่ที่โน่นครับ ส่วนกิจการในกรุงเทพฯ ทำคาร์แคร์ครับ” ตะวันตอบทันควันเช่นกัน “รู้จักกับเกตุนานแล้วเหรอ?” คำถามต่อไปตามมา “สิบกว่าปีแล้วครับ” “รุ้งกับเกตุก็คบกันมาสิบกว่าปีเหมือนกัน แล้วทำไมถึงเพิ่งมารู้จักรุ้งล่ะ?” ศักดิ์ชัยถามกลับ “ผมรู้จักแค่ชื่อของรุ้งจากปากของเกตุมาก่อนครับ เกตุพูดถึงบ่อย ๆ อาจเป็นเพราะว่าเมื่อก่อนส่วนมากผมจะอยู่สุราษฎร์ครับก็เลยเพิ่งเจอกับรุ้ง” “แสดงว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่สุราษฎร์น่ะสิ?” “ผมจะอยู่กรุงเทพฯ สามอาทิตย์แรกของเดือนครับ เพราะต้องดูแลคาร์แคร์ อาทิตย์หลังของเดือนผมจึงลงไปสุราษฎร์เพื่อดูแลรีสอร์ทของครอบครัวครับ” ตะวันขยายความ “กิจการงานของคุณดีหรือเปล่า?” ศักดิ์ชัยซักถามไม่หยุด “ดีครับ รีสอร์ทของผมตอนนี้ขยายที่พักเพิ่มเป็น 140 ห้องแล้วครับ ส่วนคาร์แคร์เพิ่งเปิดมาหกเดือนกว่าๆ ก็ไปได้ด้วยดีครับ” คนที่ถามพยักหน้าเชิงรับรู้เมื่อได้ยินคำตอบ “คุณมีแฟนหรือยัง?” หลังจากซักประวัติพอสังเขปแล้ว ศักดิ์ชัยเริ่มเข้าประเด็นหลัก “ยังครับ ยังไม่มีแฟนครับ” ชายหนุ่มรุ่นลูกตอบเสียงหนักแน่นและจริงจัง “แล้วทำไมถึงต้องมาส่งรุ้งที่นี่ให้ลำบากลำบนตัวเองด้วยล่ะ มีจุดประสงค์อะไรหรือเปล่า?” ศักดิ์ชัยเอ่ยถามตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม เพราะเขาคิดว่าคนที่เพิ่งรู้จักกัน ไม่น่ามาส่งลูกสาวของตนเองถึงจังหวัดเชียงใหม่ ระยะทางจากกรุงเทพฯ ถึงที่นี่ไม่ใช่ใกล้ จะว่าไปมาส่งเพราะเป็นเพื่อนกับอัญญาณีก็ไม่น่าจะใช่ ต้องมีเหตุผลอื่นแฝงอยู่แน่นอน ตะวันเองก็อึ้งไปกับคำถามที่ตรงไปตรงมาของศักดิ์ชัย แต่เขาก็พร้อมจะตอบทุกคำถามของชายตรงหน้า “จะให้พูดตรง ๆ เลยหรือเปล่าครับ?” ตะวันถามกลับ “ตรง ๆ เลย ฉันชอบคนตรง ๆ” “ผมชอบรุ้งครับ อยากจะจีบรุ้ง” คำตอบตรง ๆ ของตะวันสร้างความพอใจให้กับศักดิ์ชัยเป็นอย่างมาก และรู้สึกถูกชะตากับตะวันมากกว่าชายหนุ่มหลายคนที่แวะเวียนมาจีบลูกสาว อย่างหนึ่งที่เขาชอบมากที่สุดคือคำตอบตรง ๆ ไร้การอ้อมค้อม น้ำเสียงหนักแน่นเวลาตอบ สายตาที่ไม่วอกแวกยามที่เขาสบตา “ฉันเป็นพ่อของรุ้งเอง ขอโทษที่ซักไซ้คุณมากไปหน่อย แต่คุณก็ต้องเข้าใจว่ารุ้งเป็นลูกคนเดียวของฉัน ฉันจึงห่วงมากเป็นของธรรมดา และขอบใจที่ตอบตรง ๆ” ศักดิ์ชัยบอกสถานะที่แท้จริงของตนเองให้ตะวันได้รับรู้ “ผมเข้าใจครับ” ระหว่างที่บุรุษต่างวัยทั้งสองคนกำลังสนทนากันนั้น ร่างของหทัยชนกก็เดินลงมาจากบ้านทรงไทย เข้ามาในห้องรับแขกที่มีร่างของบิดาและตะวันนั่งอยู่ “มานานแล้วเหรอตะวัน?” เสียงใสเอ่ยถามก่อนจะหย่อนบั้นท้ายงามลงนั่งข้างร่างบิดา “สักยี่สิบนาทีแล้ว” ตะวันตอบ “เตี่ยคะ นี่ตะวันค่ะ คนที่มาส่งรุ้งเมื่อเช้า” หทัยชนกแนะนำตัวตะวันให้บิดาได้รู้จัก โดยไม่รู้ว่าทั้งสองทำความรู้จักกันไปก่อนหน้านั้นแล้ว “เตี่ยรู้จักกันแล้วลูก ว่าแต่วันนี้จะไปเที่ยวไหนกัน?” ศักดิ์ชัยเอ่ยถามลูกสาว “รุ้งจะเป็นไกด์พาตะวันไปเที่ยวระหว่างที่ตะวันอยู่ที่นี่คะ เย็นนี้รุ้งจะพาตะวันไปเที่ยวตลาดไนท์พลาซ่าค่ะเตี่ย” หทัยชนกเอ่ยบอกบิดา “เตี่ยว่าให้บัวเผื่อนไปด้วยดีกว่านะ บัวเผื่อนเป็นคนที่นี่อาจจะรู้ที่เที่ยวมากกว่ารุ้ง” คนหวงลูกสาวออกอุบาย เขาไม่ไว้ใจหากจะให้ลูกสาวไปไหนมาไหนกับตะวันตามลำพัง แล้วหากรู้ว่าเมื่อคืนนี้หทัยชนกเดินทางมากลับตะวันสองต่อสอง เขาไม่มีวันยอมเด็ดขาด ตะวันเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่า หนทางรักของตนมีขวากหนามขึ้นมาชั้นหนึ่งแล้ว แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เขาต้องผ่านขวากหนามนี้ให้ได้ “ให้บัวเผื่อนไปด้วยก็ได้รุ้ง ไปหลายๆ คนสนุกดี” ตะวันพูดขึ้น แค่ศักดิ์ชัยยอมให้หทัยชนกไปกับตนก็ดีมากแล้ว แม้ว่าจะมีคนรับใช้ไปเป็นเพื่อนก็ตาม หทัยชนกรู้ดีว่าการที่บิดาให้บัวเผื่อนไปเป็นเพื่อนนั้นมีจุดประสงค์อันใด หนีไม่พ้นหวงลูกสาวตามเคย “เอาอย่างนั้นก็ได้ตะวัน” เธอหันมาพูดกับตะวัน ก่อนจะหันกลับไปยังใบหน้าของบิดา “รุ้งไปก่อนนะคะเตี่ย เดี๋ยวจะซื้อบัวลอยน้ำขิงมาฝาก” “จ้ะลูก เที่ยวให้สนุกนะ” ศักดิ์ชัยพูดกับลูกสาวเสียงนุ่มและรอยยิ้มแสนอบอุ่น “บัวเผื่อน บัวเผื่อน” จากนั้นก็ร้องตะโกนเรียกสาวใช้ “มีอะไรเจ้า?” “ไปเป็นเพื่อนคุณรุ้งหน่อยสิ คุณรุ้งกับเพื่อนจะไปเที่ยวไนท์พลาซ่า” “ได้เจ้า” เมื่อสิ้นเสียงตอบรับของสาวใช้ ตะวันก็พนมมือไหว้เจ้าของบ้านด้วยความเคารพ เสร็จสรรพจึงพากันเดินออกไปจากบ้าน ตรงไปยังรถยนต์ของตะวันที่จอดหน้าประตูบ้าน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม