“เธอเป็นนักโทษของฉัน” ตอบเสียงเรียบ พยายามไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา
“อะไรนะ! เธอเป็นนักโทษของนาย ไม่อยากจะเชื่อ นี่นายกลายเป็นตำรวจคุมขังนักโทษไปตั้งเมื่อไหร่วะ ฮะ...ไอ้เพื่อนรัก” คำถามของชัชวาลย์ทำให้ใบหน้าเข้มเคร่งขรึมลงทันที เขารู้ว่าถึงเล่าความจริงทั้งหมดให้เพื่อนฟัง เพื่อนของเขาก็คงจะไม่เห็นด้วยกับวิธีการของเขาแน่ เพราะชัชวาลย์เป็นคนดีเกินไป ดีเกินกว่าที่จะมารับรู้เรื่องที่เขากำลังทำอยู่ในตอนนี้ ทัพเทวินทร์จึงพยายามเบี่ยงประเด็นหัวข้อสนทนาเสียจนคนฟังปรับอารมณ์แทบไม่ทัน
“เฮ้ย! อย่าไปสนใจเรื่องไร้สาระเลยน่า นี่แกรู้หรือยังทัพเทวาน้องชายของฉันเริ่มรู้สึกตัวดีขึ้นมากแล้วนะโว้ย”
“ฮะ...จริงเหรอ เอ่อ...ดีใจด้วยว่ะ อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้ที่แกเพิ่งมาถึงไร่ก็เพราะไปเยี่ยมน้องชายแกมา ใช่ไหม” ชัชวาลย์ ถามด้วยด้วยความอยากรู้แกมตื่นเต้นดีใจไปกับเพื่อนรักไปด้วย เพราะน้องชายของเพื่อนก็เหมือนน้องชายของเขาเหมือนกัน
“เออสิวะ ถ้านายว่างก็แวะไปหามันบ้างนะ เทวามันก็คงคิดถึงนายเหมือนกันแหละ”
“อืม ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เช้าฉันจะแวะเข้าไปหาเจ้าเทวามันก็แล้วกัน แต่ว่าฉันยังไม่เคลียร์เรื่องที่ถามแกไปเมื่อกี้นี้เลยนะโว้ย ตกลงแกจะไม่ยอมบอกฉันจริงๆ เหรอวะ เกี่ยวกับนักโทษสาวของแก” คนถามจ้องหน้าเพื่อนรักนิ่ง ปรกติทัพเทวินทร์ไม่เคยมีเรื่องอะไรปิดบังเขา สงสัยเรื่องนี้คงจะสำคัญน่าดูคนถูกถามถึงได้ทำหน้าเคร่งเครียดถึงขนาดนี้
“เรื่องมันยาว รอให้ฉันทำใจได้ก่อนแล้วกัน แล้วฉันจะบอกแก ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมจะอธิบายเรื่องนี้ให้ใครฟังทั้งนั้น เพราะฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสิ่งที่ฉันทำ คนอื่นจะรับได้หรือเปล่า แต่ฉันสัญญาเมื่อถึงเวลาฉันจะเล่าเรื่องนี้ให้แกฟังเป็นคนแรก โอเคมั้ย”
“เออๆ ฉันเข้าใจ แต่ว่า...ถ้าฉันจะแวะมาหาแกบ่อยๆ จะได้มั้ยวะ” คำถามทีเล่นทีจริงทำให้คนฟังถึงกับสะอึกตาโตด้วยความประหลาดใจ
“แล้วแกไม่คิดจะทำการทำงานบ้างเลยหรือไงวะ”
“ทำสิวะถามได้ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกฉันแบ่งเวลาเป็น ฉันไม่หนีงานจนโรงแรมแกเจ๊งหรอกน่า” ชัชวาลย์หัวเราะร่วนอย่างขำๆ เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเพื่อนรัก
“เออๆ ให้มันทำได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน ฉันจะคอยดู” ใบหน้าเข้มแกล้งทำเป็นตาขุ่นขวางมองหน้าแขกพิเศษอย่างไม่จริงจังนัก
จากนั้นทั้งสองหนุ่มก็นั่งคุยกันและดื่มกันต่ออีกนิดหน่อยตามประสาเพื่อนฝูงที่นานๆ เจอกันที แต่ในระหว่างที่หนุ่มหล่อทั้งคู่กำลังคุยกันอย่างออกรสออกชาติอยู่นั้น ภาพของทั้งสองหนุ่มก็ถูกบันทึกไว้ในแววคู่สวยที่จ้องลงมาทางหน้าต่างตลอดเวลา แล้วสายตาหวานซึ้งก็ประสานเข้ากับสายตาคมของแขกหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเข้าอย่างจัง จนทัพเทวินทร์รู้สึกได้
ชัชวาลย์กลับไปตั้งนานแล้วแต่เจ้าบ้านหนุ่มยังนั่งดื่มต่อ ทัพเทวินทร์รู้สึกไม่พอใจลึกๆ เมื่อได้ยินเพื่อนรักของเขาบอกว่าจะมาหาเขาที่ไร่บ่อยๆ ทั้งที่ปรกติเขาควรจะดีใจด้วยซ้ำ แต่คราวนี้ชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกอย่างที่ควรจะเป็น เขารู้สึกหงุดหงิดในหัวใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นเพื่อนรักมองนักโทษสาวของเขาด้วยนัยน์ตาหวานเยิ้ม แม่นั่นมีเสน่ห์อะไรนักหนานะเขาอยากจะรู้นัก
ทัพเทวินทร์มีอาการมึนนิดๆ ด้วยฤทธิ์น้ำเมา เมื่อเดินไปถึงห้องเชลยสาวทั้งสาวใช้ และแม่บ้านต่างก็พากันหลีกทางให้โดยอัตโนมัติ ปล่อยให้เจ้านายหนุ่มจัดการกับเชลยสาวของเขาตามอำเภอใจ
กริ๊ก!
เมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตู ณัฐกานต์ก็รีบถือเอาแจกันดอกไม้มาป้องกันตัวทันที เพราะหัวเด็ดตีนขาดยังไงหญิงสาวก็ไม่ยอมให้ไอ้คนบ้ากามที่กำลังเดินเข้าประตูมานั่นมาย่ำยีเธอได้อย่างเด็ดขาด คืนนี้แหละเป็นไงเป็นกัน มือเรียวบางยกแจกันดอกไม้ไว้ตั้งท่าเงื้อมมือเตรียมพร้อมที่จะตีหัวพ่อเลี้ยงหนุ่มให้แตก ถ้าเขาคิดที่จะหักหาญน้ำใจเธอ
“ไงจ๊ะสาวน้อย นี่เธอตั้งใจจะฆ่าฉันด้วยไอ้แจกันเล็กๆ นี่เหรอ ฮ่าๆ น่าขันสิ้นดี คิดเหรอ...ว่าเธอจะสู้ฉันได้ มามะ...มาให้ฉันชื่นใจหน่อยซิคนสวย” คนเมายังไม่สร่าง ทำท่าทางจะเดินเข้าไปใกล้ แต่ร่างบางก็ถอยหนี
“อย่าเข้ามานะ! ถ้านายเข้ามา ฉันตีหัวนายแตกแน่ไอ้บ้ากาม” นางแมวสาวโคโยตี้ขู่ฟ่อๆ เตรียมจะข่วนศัตรูตัวฉกาจทันทีถ้าเข้ามาใกล้เธอมากกว่านี้ ดวงตาคู่คมหรี่ลงก่อนจะกวาดมองร่างบางรวดเดียวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ชายหนุ่มหัวเราะลั่นห้องเสียงดัง เมื่อเห็นคนตัวเล็กที่แสนจะพยศตั้งท่าสู้ทั้งๆ ที่ ไม่มีอะไรจะสู้กับเขานอกจากแจกันเพียงอันเดียวที่หล่อนถืออยู่
“สาวน้อย ถึงเธอจะตีหัวฉันแตกหรือฆ่าฉันให้ตาย ลูกน้องของฉันก็คงจะไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่ ระหว่างเธอต้องตกเป็นของฉันคนเดียวกับโดนลงแขกโดยลูกน้องทั้งหมดของฉัน เธอเลือกเอาเองก็แล้วกันว่าจะยอมเป็นของใคร” คนร่างใหญ่ขู่นักโทษสาวเสียงต่ำอย่างเป็นต่อ
ณัฐกานต์พยายามบวกลบคูณหารคำพิพากษาของพญามัจจุราชตรงหน้าอย่างสั่นๆ ไม่เคยเลยสักครั้งที่หญิงสาวจะต้องมาเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เธอจนตรอกได้ถึงขนาดนี้ แล้วเธอจะเลือกอย่างไหนดีล่ะ แววตาที่กำลังครุ่นคิดอย่างหนักจ้องหน้าคนร่างยักษ์นิ่งอย่างระแวงระไว
“ว่าไง คิดออกหรือยัง” ทัพเทวินทร์ยืนกอดอกพิงฝาผนังอย่างใจเย็น มองร่างบางตรงหน้าด้วยสายตากรุ้มกริ่มออกจะหื่นๆ ด้วยซ้ำไป จนคนถูกมองขนลุกขนพองเพราะสายตาเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจของเขา
“งั้น...ถ้าฉันยอมเป็นของ...ของนายคนเดียว ตะ...แต่ว่าฉันขอยืดเวลาออกไปอีกหน่อยจะได้ไหมล่ะ” เชลยสาวพยายามต่อรองคนที่จับตัวเธอมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เธอมีสิทธิ์ต่อรองด้วยเหรอสาวน้อย เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ เธอก็เอาแจกันวางไว้ก่อนก็แล้วกัน แล้วฉันจะพิจารณาให้ ดีไหมจ๊ะคนสวย” ใบหน้ากวนๆ มองคนไม่มีทางสู้อย่างฮึกเหิม หญิงสาวก็เหมือนลูกไก่ในกำมือของเขา จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด แต่พญาราชสีห์อย่างเขามีหรือที่จะปล่อยให้เหยื่อสาวตายง่ายๆ เขาชอบที่จะทรมานเหยื่อทีละนิดเพื่อดูเล่นมากกว่า มันสะใจกว่าเป็นไหนๆ ยิ่งถ้าได้เห็นเหยื่ออันโอชะอ้อนวอนขอชีวิตเพื่อให้ตัวเองรอดแล้วละก็ไม่ต้องพูดถึง
“ฉันจะวางแจกันก็ได้ ถ้านายสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรฉัน” หญิงสาวยังคงต่อรองแม้จะมีโอกาสเพียงน้อยนิด ดวงตาที่เหมือนกวางน้อยระวังภัย ร่างกายที่สั่นๆ เหมือนกระต่ายป่ากำลังจนมุม และเสียงหวานใสที่พยายามต่อรองเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตนเอง ทำให้ทัพเทวินทร์รู้สึกใจอ่อนขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่ความรู้สึกนั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อนึกถึงภาพของน้องชายที่มีแต่สายระโยงระยางเสียบรอบกายอยู่บนเตียงคนไข้ ใบหน้าที่เหมือนจะอ่อนโยนลงเหี้ยมเกรียมขึ้นมาอีกครั้ง
รวดเร็วเกินกว่าที่ร่างบางจะทันตั้งตัวเพราะมัวลังเลรอฟังคำตอบของชายหนุ่ม ทำให้คนร่างหนากำยำเข้าประชิดร่างเล็กของหญิงสาวในชั่วพริบตา ร่างเล็กเริ่มดิ้นขลุกขลักขัดขืนเมื่อได้กลิ่นอ่อนๆ ของแอลกอฮอล์ที่ชายหนุ่มดื่มเข้าไป สติส่วนลึกบอกหญิงสาวว่าเธอไม่ควรพูดจาไม่เข้าหูคนเมา เพราะถ้าเขาโมโหขึ้นมาอะไรก็คงจะขวางเขาไม่ได้แน่
“ตัวเธอนี่นุ่มนิ่มจังเลยนะ นี่ขนาดยังไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออกฉันยังรู้สึกมีอารมณ์มากขนาดนี้ แล้วถ้าฉันได้สัมผัสร่างกายของเธอตรงๆ ว้า...ไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะถึงใจขนาดไหน หึๆ”