สั่นสะท้านร้าวรานใจ (1)

1431 คำ
ขณะที่ปากหยักได้รูปดูดเม้มปลายยอดปทุมถันอย่างเสน่หา มือสากหนาอีกข้างก็ลูบไล้ไปทั่วเรือนกายขาวผ่องนุ่มละมุนอย่างหลงใหล รูปร่างที่โค้งเว้าเหมือนกับนาฬิกาทราย สั่นสะท้านอยู่ภายใต้ฝ่ามือใหญ่ ที่ฟอนเฟ้นส่วนนูนส่วนเว้าไปมาอย่างไม่รู้จักเบื่อ ร่างใหญ่หนาเลื่อนตัวขึ้นไปบดขยี้ริมฝีปากบางอีกครั้งอย่างรัญจวนเนิ่นนาน จนกระทั้งร่างบางเลิกพยศในที่สุด ชายหนุ่มจึงได้ถอดอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายของหญิงสาวออก คนใต้ร่างที่ดูเหมือนจะเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสอันรัญจวนของชายหนุ่ม แต่หญิงสาวกลับมีสติคืนมาอีกครั้งเมื่อมือหนาดึงบิกินีตัวจิ๋วออก ร่างบางตกใจแทบสิ้นสติเมื่อรู้สึกได้ว่าสิ่งที่เธอหวงแหนมากที่สุดในชีวิตกำลังจะถูกรุกราน ณัฐกานต์พยายามฮึดสู้ขัดขืนอีกครั้งแต่ทัพเทวินทร์ก็หน้ามืดไปเสียแล้ว ชายหนุ่มใช้ร่างหนาของเขาแยกเรียวขาของหญิงสาวออกจากกันอย่างรวดเร็ว สองมือหนาก็ประสานมือเรียวเล็กทั้งสองข้างเอาไว้ไม่ยอมให้เธอได้ขัดขืน ก่อนที่จะยกกายแกร่งขึ้นสอดความเป็นชายเข้าหาส่วนที่คับแน่นที่สุดของกายสาว “อย่า!” แค่ความแข็งขึงจ่อเข้าไปในทางรักเพียงแค่น้อยนิดเท่านั้น ร่างบางก็ร้องลั่นห้อง ร่างเล็กกระตุกวูบลงกับที่นอนแน่นิ่งพร้อมกับสติสัมปชัญญะของหญิงสาวที่ลางเลือนและดับวูบลงในที่สุด “บ้าชิบ!” ทัพเทวินทร์สบถออกมาเบาๆ แทบคลั่ง อารมณ์ค้างคาทรมานอยู่อย่างนั้นด้วยความปวดร้าวแทบจะระเบิด ชายหนุ่มหอบหายใจแรงก่อนที่จะผละร่างกายที่ร้อนเป็นไฟเข้าไปในห้องน้ำอย่างหัวเสีย ทั้งที่จริงชายหนุ่มสามารถข่มขืนเธอต่อก็ยังได้แต่เขากลับไม่ทำ เพราะคำว่า ‘ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย’ วลีนี้เพียงวลีเดียวแท้ๆ ที่ทำให้หญิงสาวรอดตัว เมื่อออกมาจากห้องน้ำ ทัพเทวินทร์ก็เดินมาที่เตียง เขากำลังใช้สายตาสำรวจกายสาวอย่างช้าๆ อีกครั้ง ใบหน้าหวานแม้ว่าจะยังซีดเซียวแต่ก็ยังดูสวย โดยเฉพาะปากบางสีชมพูน่าจูบนั่นชายหนุ่มรู้ดีว่ามันหอมหวานแค่ไหน มือสองข้างของเขายังรู้สึกได้ถึงความหนั่นแน่นเต่งตึงที่ตั้งชูชันท้าทายสายตานั่นไม่หาย และเมื่อนึกภาพว่าได้ดูดเม้มยอดบัวสีกุหลาบนั่นน้องชายของเขาก็ดีดเด้งขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนโค้งส่วนเว้าบนร่างกายสาวรับกันอย่างเหมาะเจาะสวยงามไม่มีที่ติ สายตาคมเข้มมาหยุดอยู่ตรงเนินสวาทแห่งกายสาวนิ่งดั่งต้องมนต์ ‘ฉันอยากจะรู้จริงๆ นะสาวน้อยว่าเธอยังเป็นสาวพรหมจรรย์อยู่หรือเปล่า และฉันจะต้องรู้คำตอบให้เร็วที่สุด’ ร่างสูงใหญ่เอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างให้หญิงสาวเบาๆ ก่อนที่จะก้าวเท้าออกจากประตูไปอย่างแสนเสียดาย ทัพเทวินทร์เดินออกมาจากเรือนหลังใหญ่ก็พบกับนาคราชนั่งอยู่หน้าบ้านคนเดียว ในมือถือแก้วเหล้ากระดกขึ้นดื่มเหมือนกับน้ำเปล่าก็ไม่ปาน ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาหาและนั่งลงตรงข้ามกับลูกน้องคนสนิทด้วยสีหน้าแปลกใจ นานๆ ทีเขาถึงจะเห็นนาคราชนั่งดื่มคนเดียวแบบนี้ “นึกอะไรขึ้นมา ถึงได้มานั่งดื่มคนเดียว” เสียงทุ้มต่ำถามออกไปเสียงเรียบ “แล้วเจ้านายจะไม่มานั่งดื่มเป็นเพื่อนผมหน่อยหรือครับ” ด้วยฤทธิ์น้ำเมาทำให้คนดื่มเริ่มหน้าแดง คนที่เริ่มเมาไม่ตอบคำถามเจ้านายแต่กลับชวนเขามาดื่มเป็นเพื่อนเสียนี่ แต่เจ้านายหนุ่มก็ไม่คิดปฏิเสธ หนำซ้ำยังรินเครื่องดื่มเองอีกต่างหาก “มา...ชนแก้ว” แล้วเจ้านายกับลูกน้องสุดหล่อมาดเข้มทั้งคู่ก็นั่งดื่มกัน คุยกันไปตามประสาคนรู้ใจ นอกจากทั้งคู่จะคุยกันเรื่องงานแล้ว ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่คนทั้งคู่ปรึกษาหารือกัน กระทั่งมาถึงเรื่องนี้ เรื่องที่นาคราชเป็นคนเริ่มเปิดหัวข้อสนทนาด้วยคำถามสั้นๆ ง่ายๆ แต่ก็ทำให้คนถูกถามอึ้งไปหลายนาทีเหมือนกัน “เจ้านายเคยรักใครมาก่อนหรือเปล่าครับ” พ่อเลี้ยงหนุ่มมองหน้าลูกน้องนิ่งอย่างใช้ความคิด ตั้งแต่รู้จักกันมาตั้งหลายปีผู้ชายตรงหน้าไม่เคยถามเรื่องนี้กับเขาแม้แต่ครั้งเดียว แต่ทำไมวันนี้อยู่ๆ ถึงได้มาถามคำถามนี้กับเขาได้ หรือว่านาคราชกำลังมีปัญหาเรื่องของหัวใจ ถึงได้ถามเรื่องนี้ขึ้นมา “ฉันว่าวันนี้นายแปลกๆ ว่ะ กำลังแอบรักเมียชาวบ้านเขาหรือไง ถึงได้ดูซึมๆ เศร้าๆ แบบนี้” พ่อเลี้ยงหนุ่มตั้งข้อสงสัย “เจ้านายยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลยนะครับ บอกมาก่อนสิครับว่าเจ้านายเคยรักใครบ้างหรือยัง” นาคราชทวงคำตอบจากเจ้านายหนุ่มอีกครั้ง “ไม่รู้โว้ย! เคยอยู่มั้ง ไม่แน่ใจเหมือนกัน แล้วนายมาถามฉันทำไมวะเนี่ย” ใบหน้าคมเข้มทำคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปม มองหน้าคนที่ทำท่าจะพูดต่อด้วยสีหน้าฉงน “ผมว่าแล้ว ว่าเจ้านายต้องพูดแบบนี้” คนเมาเริ่มพูดเสียงอ้อแอ้มากขึ้น “แล้วนายเคยรักใครแล้วงั้นเหรอ ถึงได้ถามฉันแบบนี้” สายตาคมที่ดุดันเริ่มมองหน้าลูกน้องอย่างค้นคว้าพิจารณาอีกครั้ง “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ว่ามันใช่ความรักหรือเปล่า รู้แค่ว่ามันรู้สึกวาบหวิวในหัวใจแปลกๆ เมื่อได้...เมื่อได้...เอ่อ...แบบว่า” คนที่ถูกขนาดนามว่านายหินพูดจาอ้ำๆ อึ้งๆ ค้างๆ คาๆ อยู่อย่างนั้น ทำให้คนฟังยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่ “อะไรวะ พูดก็พูดให้มันจบๆ สิ” ทัพเทวินทร์เริ่มมีสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมาทันทีเมื่อนาคราชไม่ยอมพูดต่อ นาคราชเองถึงแม้ว่ากำลังเมานิดหน่อยแต่ชายหนุ่มก็ยังพอมีสติ เขารู้ว่าผู้หญิงที่เขากำลังคิดถึงในตอนนี้ คือคนที่เขายังไม่ควรที่จะมอบความรู้สึกพิเศษให้ เพราะเขาไม่แน่ใจว่า เจ้านายของเขาแอบจองเอาไว้หรือเปล่า เพราะทั้งคู่ดูสนิทสนมกันมาก และฝ่ายหญิงเองก็ดูท่าทางจะมีใจให้กับคนตรงหน้าเขาไม่น้อย “เอ่อ ดื่มต่อดีกว่าครับเจ้านาย สงสัยผมคงเมาก็เลยพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องออกไป อย่าถือสาคนเมาเลยนะครับ ว่าแต่เจ้านายจะทำยังไงกับเชลยสาวคนนั้นเหรอครับ” แล้วลูกน้องหนุ่มก็วกกลับมาถามเรื่องของผู้หญิงอีกจนได้ “แล้วนายคิดว่า ฉันควรจะทำยังไงกับหล่อนดีล่ะ ถึงจะสาสมกับที่พี่สาวของหล่อนทำกับน้องชายของฉัน” เจ้านายหนุ่มย้อนถามลูกน้องคืน คนถูกถามไม่กล้าแสดงความคิดเห็นใดๆ เพราะเขาเคยโดนดุมาครั้งหนึ่งแล้วจึงไม่คิดที่แสดงความคิดเห็นอะไรอีก เขาก็แค่อยากรู้เท่านั้นว่าเชลยสาวที่น่าสงสารคนนั้นจะต้องเจอกับอะไรบ้าง “แต่ถ้านายอยากรู้ ฉันก็จะบอก” นัยน์ตาคมส่องประกายแวววาวในความมืดอย่างน่ากลัว ใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรหันมองเข้าไปในบ้านหลังใหญ่อย่างมีความหมาย มีอะไรตั้งหลายอย่างที่เขาคิดอยากจะทำกับเชลยสาวสวยขของเขาที่กำลังนอนสลบไสลอยู่ในบ้าน ราตรีนี้ยังอีกยาวนานเขายังมีเวลาตั้งเยอะที่จะจัดการกับ ‘หนู’ แค่มองตานาคราชก็พอจะรู้ว่าเจ้านายของเขาคิดจะทำอะไร  “เจ้านายจะเอาเธอเป็นนางบำเรอเหรอครับ” นาคราชถามออกไปทั้งที่ๆ เขาก็พอจะรู้คำตอบอยู่แล้ว “นายนี่สมกับเป็นลูกน้องที่รู้ใจฉันจริงๆ ใช่...ฉันจะเอาหล่อนเป็นนางทาสของฉัน เป็นทั้งทาสสวาท ทาสรับใช้ แต่วางใจได้ฉันไม่ทำอะไรที่รุนแรงกับหล่อนมากนักหรอก เดี๋ยวของสวยๆ งามๆ มันจะสึกหรอซะก่อน ฉันต้องการให้หล่อนรับใช้ฉันไปนานๆ” แววตาคมกล้าดุจพญาเหยี่ยวกลอกกลิ้งไปมาอย่างเจ้าเล่ห์ “เจ้านายจะไม่ใจร้ายกับเธอเกินไปหน่อยเหรอครับ” ในที่สุดนาคราชก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความคิดเห็นออกมา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม