“เรื่องแข่งบุญแข่งวาสนาที่เธอพูดน่ะคงต้องรอดูต่อไปนะว่าใครกันแน่ที่มีบุญมีวาสนา รับรองว่าอีกไม่ช้านี้เธอได้เห็นอย่างแน่นอน รวมทั้งก้อนกรวดหรือเพชรที่เธอพูดก็ด้วยเช่นกัน จำเอาไว้เถอะน้ำหวาน เพชรต่อให้วางไว้ต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงใดก็ย่อมมีแสงวิบวับส่องประกายปรากฏให้เห็น และคนตาถึงย่อมมองออกว่าเป็นเพชรวันยังค่ำ นอกจากจะมีคนโง่ทั้งยังตาต่ำเป็นตาตุ่มเท่านั้นที่มองเห็นเป็นกรวด”
คนพูดหยุดพักไปชั่วครู่ราวหยุดหายใจ ส่วนคนฟังได้แต่อ้ำอึ้งอ้าปากค้าง ขณะที่คนเป็นเพื่อนแทบจะโห่ร้องด้วยความสะใจ เธออยากให้ผู้เป็นเพื่อนแสดงธาตุแท้อย่างนี้ออกมานานแล้ว สะใจเธอจริงๆ
“แล้วเธอเคยอกหักรักคุดมาก่อนหรือน้ำหวานถึงมองว่าฉันมีท่าทางอย่างนั้น เธอลองมองฉันแล้วไตร่ตรองดีๆ ว่าฉันมีท่าทางอย่างที่เธอพูดหรือเปล่า อย่าเอามุมมองเพียงด้านเดียวของตัวเองมาตัดสินคนอื่นแบบนี้”
ดวงยิหวาถูกคนที่เธอคิดว่าเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้พูดจายอกย้อนใส่จนต้องยืนอ้าปากค้างอย่างคิดไม่ถึงระคนประหลาดใจ กระทั่งนึกหาคำพูดมาโต้ตอบไม่ได้ในทันใด
นี่คือขวัญชีวาที่เธอเคยเห็นเป็นคนติ๋มๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจาจริงหรือ ถ้าเป็นกรวรรณพูดกับเธอก็ว่าไปอย่าง แล้วเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายดูสวยขึ้นกว่าเก่ามากราวกับคนละคน
“เป็นไงยายน้ำพิษ มีอะไรจะพูดว่าอีกไหม เอาไว้นึกได้แล้วค่อยว่ากันคราวหน้าก็ได้นะ ไปหาที่บริษัทพี่สาวเธอก็ได้นะฉันจะรอ” กรวรรณพูดท้าทายอย่างไม่หวั่นก่อนจะหันไปทางผู้เป็นเพื่อน “ไปกันเถอะหนูวา”
ขวัญชีวาพยักหน้าพลางปรายตามองไปยังหญิงสาวอีกคนแล้วพูดยิ้มๆ “ไปสิ ฉันกำลังอยากได้เสื้อผ้าใหม่ๆ อยู่พอดี แต่ไม่รู้ว่าจะมีเงินซื้อหรือเปล่า”
“บ้าเหรอ ถ้าคนอย่างเธอไม่มีเงินซื้อแล้วใครจะมีเงินซื้อเล่า”
คำพูดทิ้งท้ายของกรวรรณก่อความสงสัยให้เกิดขึ้นกับดวงยิหวาที่กำลังมองตามหลังทั้งคู่ไปจนลับตาไม่น้อย ก่อนจะสะบัดหน้าจากไปอย่างหงุดหงิดที่เมื่อกี้ตัวเองไม่สามารถหาคำพูดไปตอบโต้ได้ น่าเจ็บใจนัก
คนที่ทุ่มเถียงกันไม่รู้ หรือมัวแต่เถียงกันเพลินจนมองไม่เห็นว่าหลังกระถางต้นไม้ใหญ่มีใครบางคนยืนคุยโทรศัพท์อยู่ และดวงตาคู่คมของใครคนนั้นกำลังมองตามหญิงสาวหนึ่งในนั้นไปด้วยสายตาทึ่งๆ ระคนประทับใจโดยไม่รู้ตัว จนเผลอพึมพำกับตัวเองออกมาเบาๆ
“นอกจากจะสวย ยังปากจัดใช้ได้แฮะ”
“ใครสวย ใครปากจัดหรือครับนาย” เดฟที่เดินเตร่อยู่แถวๆ นั้นเอ่ยถามเพราะหูทันได้ยินเข้าพอดี
“อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอก” ฌอนส่ายหน้าปฏิเสธ “ไปกันเถอะฉันอยากได้เสื้อยืดสักสองสามตัว”
ปากบอกคนสนิทไปอย่างนั้น ทว่าในห้วงความคิดดวงตาคู่วาววับของหญิงสาวคนเมื่อกี้กลับผุดวาบเข้ามา เรียกอมยิ้มให้เกิดขึ้นบนดวงหน้าหล่อเหลาจนต้องกลบเกลื่อนโดยการหยิบแว่นกันแดดสีชามาสวม ซึ่งอากัปกิริยาดังกล่าวของคนเป็นนายมีหรือคนเป็นองครักษ์ตามติดเป็นเงาตามตัวมาหลายปีอย่างเดฟจะไม่สังเกตเห็น แล้วสายตาที่มองตามหญิงสาวหนึ่งในนั้นไปจนลับตาอีกล่ะ
และเขาแน่ใจว่าจุดสนใจของคนเป็นนายน่าจะเป็นผู้หญิงรูปร่างสูงระหงเจ้าของคำพูดยอกย้อนคนนั้นเป็นแน่ เขาไม่เคยเห็นสายตาของเจ้านายมองตามใครจนลับตาแบบนี้มาก่อน
“นี่เธอ...ดูผู้ชายคนที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงนั้นสิ ใช่คนในคลิปไหม”
“คลิปอะไรของเธอ”
“แหม...เธอนี่เชยจังไปอยู่ไหนมา คลิปที่ฉันว่าน่ะตอนนี้มีแต่คนพูดถึง”
“แหม...ฉันไม่ได้จ้องโทรศัพท์ตลอดเวลาเหมือนเธอนี่ แล้วตกลงคลิปที่ว่าคือคลิปอะไร”
เสียงคุยกันที่ดังจากเบื้องหลังสะดุดหูขวัญชีวาซึ่งยืนคอยกรวรรณที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำจนต้องหันไปมองที่มาของเสียง ก็พบเข้ากับกลุ่มหญิงสาวสามสี่คนกำลังยืนคุยกันอย่างออกรสพลางชี้ไม้ชี้มือประกอบ ซึ่งจากคำพูดที่ได้ยินทำให้เธอนึกถึงคลิปที่ผู้เป็นเพื่อนเปิดให้ดูตอนอยู่ในร้านเสริมสวยขึ้นมาทันใด และไม่รู้อะไรดลใจให้หยุดเงี่ยหูฟังต่อ ทั้งที่ปกติไม่ใช่นิสัย
“เธอนี่ตกข่าวไปได้ยังไง คลิปที่ฉันพูดถึงเป็นคลิปที่มีผู้ชายหล่อๆ จูงมือคนแก่ตาบอดข้ามถนนขณะฝนตกยังไงล่ะ แล้วมีคนตาดีถ่ายเก็บ เอามาโพสต์ลงเฟซบุ๊ก เธอรู้ไหมตอนนี้มียอดไลก์ยอดคอมเมนต์เป็นแสนแล้วมั้ง มีคนเมนต์ว่าผู้ชายคนนี้หน้าตาคล้ายดาราไต้หวันคนหนึ่งที่เล่นละครเรื่อง ลำนำรักทะเลทราย ไงล่ะ”
“ลำนำรักทะเลทราย ท่านแม่ทัพสุดหล่อของฉันน่ะเหรอ เดี๋ยวฉันขอดูก่อน เอ๊ะ...ใช่จริงๆ ด้วย หน้าตาคล้าย เอ็ดดี้ เผิง จริงๆ ด้วย กรี๊ด...แต่คนนี้สูงกว่าหล่อกว่าเป็นไหนๆ เราไปดูใกล้ๆ กันดีกว่า”