Part ซอนญ่า
สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นฉันขอแนะนำตัวก่อนเลยนะคะ ฉันมีชื่อเล่นว่า ซอนญ่า นางสาวซอนญารินทร์ เกียรติกังวาน คุณพ่อเป็นคนไทย คุณแม่เป็นลูกครึ่งไทย-ออสเตรีย อีกไม่กี่เดือนฉันก็จะอายุ 18 ปีบริบูรณ์แล้ว
ฉันค่อนข้างเป็นคนสวย ขาว สูง หุ่นดีตามประสาลูกเสี้ยว (อันนี้ไม่ได้อวยตัวเองนะแต่ใครๆก็บอกแบบนั้น)ฉันมีพี่ชายหนึ่งคนชื่อพี่มาโครสุดหล่อ(อันหลังฉันเติมเองฮ่าฮ่าฮ่า) ครอบครัวฉันถือว่ามีฐานะค่อนข้างดี เราทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ครบวงจรระบบ CSSD ฉันค่อนข้างถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ ก็ลูกสาวคนเล็กและคนเดียวของบ้านอะไรประมาณนี้
แต่ก็ไม่ใช่ว่าครอบครัวฉันจะไม่มีปัญหาหรอกนะ คือเมื่อฉันอายุได้ 13 ปี พี่มาโครอายุ 17 ปี ตอนนั้นพี่มาโครกำลังเรียนชั้น ม.6 คุณแม่ของพวกเราก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และหลังจากนั้นคุณพ่อของฉันก็มีครอบครัวใหม่ทั้งที่งานศพแม่ฉันยังไม่เสร็จดีด้วยซ้ำ แถมยังมีลูกติดอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับฉัน คุณพ่อพาครอบครัวใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านเดียวกันกับฉัน...ที่เป็นบ้านแม่ฉัน
ฉันกับคุณพ่อมีปัญหากันบ่อยมาก เรื่องของเมียใหม่และลูกสาวของเขา เพราะฉันไม่ชอบที่เขาเข้ามาวุ่นวายตรงส่วนของแม่ฉัน เมียใหม่ของพ่อชอบมาทำตัวเทียบกับแม่ฉัน แต่คุณพ่อก็ใช่ว่าจะเข้าข้างฉันเหมือนแต่ก่อน หลายครั้งที่คุณพ่อก็ต่อว่าฉันเพื่อเอาใจเมียใหม่ ยิ่งเมียใหม่ของคุณพ่อเหมือนจะมีน้อง คุณพ่อยิ่งตามใจเธอ จนเราทะเลาะกันบ่อยขึ้น แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรฉันได้หรอก เพราะอย่างน้อยฉันก็มีพี่ชายของฉันที่พร้อมจะปกป้องฉันตลอดเวลา
เรื่องราวเริ่มร้ายแรงขึ้น เมื่อคุณพ่อเลือกที่จะให้ญาติทางฝ่าย เมียใหม่เข้ามาบริหารงานในบริษัทมากขึ้น ทำให้มีปัญหากันกับพี่มาโคร จนถึงขั้นทะเลาะกันอย่างรุนแรง เพราะพี่ชายฉันไม่มีวันยอมให้ใครมาทำอะไรบริษัทของคุณแม่เป็นแน่ พี่มาโครที่ตอนนั้นยังเด็กแต่ก็มีลุงทนายช่วยดูแลในฐานะผู้จัดการมรดกของแม่ฉัน และมีคุณลุงไมเคิลที่เป็นพี่ชายของแม่ฉันคอยให้คำปรึกษา
เมื่อพี่มาโครอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ คุณลุงทนายจึงเปิดพินัยกรรมของคุณแม่และเป็นไปตามคาด คุณแม่มอบหุ้นของบริษัทให้กับพี่มาโครและฉันเพียงสองคน บ้านหลังใหญ่เป็นของฉัน ชุดเครื่องเพชรของคุณแม่ก็เป็นของฉันทั้งหมดคนเดียว ส่วนคุณพ่อได้ที่ดินและเงินสดไปแทน สร้างความไม่พอใจให้กับ คุณพ่อเป็นอย่างมาก คุณพ่อถึงกับไปตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา ทำกิจการเหมือนเราทุกอย่างและดึงเอาคนเก่งๆ ของบริษัทเราออกไปเกือบหมด
ซึ่งการกระทำของคุณพ่อ สร้างปัญหาให้กับพี่มาโครเป็นอย่างมาก ด้วยความที่พี่ชายฉันยังอ่อนประสบการณ์บวกกับอายุยังน้อย ยังไงก็คงสู้รบตบมือกับนักธุรกิจอย่างคุณพ่อไม่ไหว แต่พี่ชายฉันก็สู้มาก จนเกือบจะไม่เรียนต่อในระดับปริญญาตรี เพราะต้องมาบริหารงานบริษัท
นั่นเป็นสาเหตุทำให้ฉันไม่พอใจมาก จึงขอให้คุณพ่อย้ายออกไปอยู่ที่อื่น เพราะฉันไม่สามารถอยู่ร่วมบ้านหลังเดียวกันกับคนที่จ้องจะทำลายธุรกิจของครอบครัวของฉันได้...แม้คนคนนั้นจะเป็นคุณพ่อก็ตาม
พี่ชายฉันต้องทำงานตั้งแต่อายุ 18 ปี ควบคู่กับเรียนมหาวิทยาลัยไปด้วย
ความจริงเราจะไม่ทำก็ได้นะ ก็แค่ขายหุ้นบางส่วนให้คนอื่นบริหาร ส่วนเราก็นั่งกินเงินปันผลสบายๆ แต่พี่ชายฉันก็ไม่เอา เขาเลือกที่จะเรียนรู้และลงมือทำเองทุกอย่าง โดยมีภาระเป็นน้องสาวอย่างฉัน
ฉันเคยถามว่าทำไมเราไม่ขายหุ้นให้คนอื่น พี่มาโครตอบกลับมาว่าบริษัทนี้คุณตาเป็นคนก่อตั้งขึ้นมาและส่งต่อให้คุณแม่ เมื่อคุณแม่ส่งต่อให้พวกเรา พวกเราก็ควรจะรักษาไว้ให้ลูกหลานรุ่นต่อไปถึงจะถูก พี่มาโครจะไม่ยอมให้บริษัทตกไปเป็นของคนอื่นเด็ดขาด คำพูดของพี่ชายฉันทำฉันซึ้งมากเลย
และพวกเรายังโชคดีได้พันธมิตรที่ดี อย่างครอบครัวพี่ออสติน ถือว่าพี่ออสตินคือคนมาช่วยพวกเราก็คงไม่ผิดนัก ด้วยความที่พี่มาโครเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ที่พี่ออสตินย้ายมาอยู่ไทยและดูเหมือนจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว
ทันทีที่พี่ออสตินรู้ว่าพี่มาโครต้องเข้ามาบริหารธุรกิจนำเข้าเครื่องมือแพทย์ด้วยตัวเอง และต้องต่อสู้กับบริษัทที่พ่อสร้างขึ้นมา พี่ออสตินก็ขอให้พ่อของพี่เขาสั่งให้โรงพยาบาลในเครือของเขาทั้งหมด เลือกสั่งเครื่องมือแพทย์กับทางบริษัทเรา แถมยังการันตีบริษัทเราให้กับบริษัทอื่นๆอีกด้วย ทำให้เราฟื้นฟูบริษัทขึ้นมาได้ หลังจากที่แทบเอาตัวไม่รอดมาแล้ว เพราะธุรกิจสีขาวของทางบ้านพี่ออสตินคือโรงพยาบาลเอกชนที่มีเครือข่ายทั่วประเทศ รวมทั้งในต่างประเทศบางประเทศด้วยซ้ำ
และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ให้ฉันรู้สึกดีกับเพื่อนพี่ชายคนนี้ฉันได้รู้จักกับ พี่ออสตินมากขึ้น
ตอนนี้ฉันกับพี่มาโครอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ด้วยกันสองคน อ้อ! ยังมีแม่ทิพย์ แม่นมของฉันกับพี่มาโครอีกหนึ่งคนที่ฉันและพี่ชายถือว่าเป็นคนในครอบครัว ยังมีพี่กฐินด้วยนะที่ทำหน้าที่ช่วยทำงานบ้าน ส่วนคุณพ่อไม่เคยหันกลับมาสนใจพวกเราสองคนอีกเลย ฉันจึงมีแค่พี่ชายคนนี้ที่เป็นผู้ปกครองฉันแทบทุกเรื่อง
อีกเรื่องที่ฉันลืมเล่าไป เมียใหม่พ่อฉันก็คือเลขาเก่าของแม่ฉันเอง (ฉันคิดว่าพวกเขาคงแอบคบกันตั้งแต่ที่แม่ฉันยังไม่เสียชีวิต และฉันคิดว่าแม่ก็คงรู้ ถึงไม่แบ่งหุ้นให้คุณพ่อเลย) และลูกของนางก็เป็นเพื่อนกันกับฉันแต่ตอนนี้เราเลิกคบกันไปแล้ว ฉันรับความตอแหลของนางกับแม่นางไม่ไหว
เดิมทีฉันไม่คิดจะตัดเพื่อนกันหรอกนะ เพราะคิดว่าเรื่องของผู้ใหญ่ไม่เกี่ยวอะไรกับเด็กอย่างพวกเรา แต่ที่ทนไม่ไหวเพราะว่านางไปพูดกับเพื่อนในห้องเรียน ว่าฉันรังแกนาง ทำให้ทุกคนสงสารนางแล้วหันมาเกลียดฉันแทน เราเลยทะเลาะกันใหญ่โต และครั้งนี้มันทำให้คุณพ่อตบหน้าฉันด้วย เลยทำให้หลังจากนั้นมา ฉันก็ตัดความเป็นเพื่อนกับนางทันที ต่อให้นางจะตอแหล มาขอโทษยังไงฉันก็ไม่สนใจ ต่อให้ฉันจะมีเพื่อนน้อยหรือไม่มีเลย ก็ยังดีกว่ามีเพื่อนแบบนี้ ถ้าจะมีแล้วมีแบบนี้ฉันขอไม่มีเพื่อนเลยยังจะดีกว่า
หลังจากนั้นฉันก็ไม่ค่อยมีเพื่อนผู้หญิงมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนผู้ชายคบแล้วสบายใจดี ยิ่งเวลาทำงานกลุ่มยิ่งสบายใจ
แต่ถ้าเป็นเพื่อนเที่ยวฉันก็จะไปแต่กับพี่มาโครและพี่ออสตินเท่านั้น
นั่นทำให้ฉันสนิทกับพวกพี่เขามากขึ้น จนเกิดเป็นความประทับใจเพราะนอกจากพี่มาโครที่จะคอยดูแลฉันแล้ว ก็มีพี่ออสตินนี่แหละที่คอยดูแลและปกป้องฉันมาโดยตลอด ทำให้ฉันผูกพันจนกลายเป็นความชอบขึ้นมา และมันก็ถล้ำลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ จนฉันมั่นใจว่าฉันรักพี่เขาแล้ว
ต่อให้ใครมาจีบฉันก็ไม่สนใจ บอกไปแต่ว่ามีแฟนแล้ว จนใครๆ ก็รู้ว่าฉันชอบพี่ออสติน จะไม่ให้ใครรู้ได้ยังไง ฉันแสดงออกชัดเจนมาก พี่มาโครกับพี่ออสตินสนิทกันมาก ไปไหนด้วยกันตลอด และฉันก็ตามพี่เขาไปด้วยตลอด สาวๆ คนไหนเข้าใกล้พี่เขาโดนฉันอาละวาดกระเจิง
หลายคนคงคิดว่าฉันคงมีความรักแบบเด็กๆ พอโตขึ้นก็คงหายไปเอง ไม่เลยจร้า มันไม่ใช่กับฉัน ทุกวันนี้ยิ่งโตขึ้น ฉันยิ่งหลงพี่เขาหนักขึ้น ทุกครั้งที่เข้าใกล้พี่ออสติน ใจฉันยิ่งสั่น เข้าขั้นอาการหนักเลยแหละ
แต่ศัตรูหัวใจฉันมันเยอะชะมัดเลย ทั้งยัยรุ่นพี่ที่ชื่อเฟียสที่ชอบมาเกาะแกะพี่เขาโดยอ้างความเป็นเพื่อน ที่ดูยังไงก็ดูออกว่าชอบพี่ออสตินของฉัน (บอกว่าเป็นของฉันไปก่อน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง) และอีกคนคือยัยพิมพ์ลูกเลี้ยงพ่อฉัน และอดีตเพื่อนเก่าฉัน ฉันมั่นใจว่ายัยพิมพ์ก็ชอบพี่เขาแน่นอน ทั้งแววตาทั้งน้ำเสียงที่ยัยพิมพ์พูดกับพี่เขา ดูจากดาวอังคารยังดูออกเลย เมื่อก่อนตอนที่ยัยพิมพ์อยู่ที่บ้านเดียวกันกับฉัน เวลาพี่ออสตินมากับพี่มาโคร ยัยนั่นก็จะเสนอหน้ามาทุกครั้ง ยังดีนะที่ตอนนี้ย้ายออกไปอยู่ที่อื่นแล้ว แต่ก็ยังมีสาวๆ ที่เสนอตัวเข้ามาให้พี่เขาอีกมากมาย
เฮ้ยยยยย มีแต่คนอยากได้พี่ออสตินของฉัน หรือว่าฉันควรเอาพี่เขาไปซ่อนดี โอ้ย!! กลุ้ม
จนล่าสุดที่พวกพี่ๆ เขาไปเที่ยวทะเลก่อนสอบไฟนอล ฉันก็ติดสอยห้อยตามเหมือนเช่นทุกครั้ง หลังจากที่พวกพี่เขาตกลงกันได้ว่าจะไปเที่ยว ทริปทะเลกัน ฉันก็ตามมากับพวกเพื่อนๆ ของพี่ชาย ฉันรู้จักหมดทุกคนเลยแหละสนิทกันด้วย ก็อย่างที่ฉันบอก พี่ชายฉันไปไหนฉันไปด้วยแทบจะทุกงาน (ยกเว้นเวลาพวกพี่เขาไปเที่ยวในสถานที่ที่เด็กอย่างฉันเข้าไปด้วยไม่ได้ ซึ่งทุกคนคงรู้ว่าที่ไหนบ้าง)
พวกเราทั้งหมดเลือกมารถส่วนตัวกันเพราะสะดวกดี และเราก็มาแค่พัทยาเอง แต่ฉันไม่ได้นั่งรถมากับพี่ชายตัวเองหรอกนะ ฉันเลือกเปลี่ยน ไปนั่งรถของพี่ออสตินแทนในตอนที่แวะพักปั๊ม ทำให้พวกพี่เขาได้แต่ส่ายหน้าให้กับฉัน แต่ฉันสนที่ไหน ก็ฉันรักของฉันมาตั้งนาน เคียงข้างเขามาโดยตลอด ใครคิดจะมาแย่งไป ต้องลองกันสักตั้ง พี่ออสตินต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น