ZEN
ปัง!!
“เฮ้ออ!!” พอออกมาจากห้องของนามิผมก็ถอนหายใจออกมาแรง ๆ ทันที เพราะว่าหนักใจเหนื่อยใจที่ต้องดูแลเธอยัยลูกหมานามิ
ความจริงผมไม่คิดเลี้ยงหรือดูแลเธอต่อไม่ใช่หน้าที่ของผมเลยสักนิดเพราะกรุ๊ปเลือดของเธอทำให้ผมต้องเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาแด็ดกับคุณแม่เพราะว่าถ้าใครได้ตัวยัยนั่นไปคงเกิดปัญหาระดับชาติแน่ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เพราะว่าผมต้องดูแลเธอยังไงละ เพราะแด๊ดสั่ง -_-
แด๊ดกลัวว่าถ้ามีใครรู้เรื่องของนามิแล้วจะเป็นอันตรายแค่ทั้งกับตัวเธอและประเทศด้วยเพราะงั้นผมเลยต้องเลี้ยงเอาไว้ก่อนและหลังจากนั้นก็ค่อยว่ากัน ดีที่องค์กรนั้นมันลบประวัติและทุกอย่างของเธอไปหมดแล้วเพื่อไม่ให้องค์กรอื่นได้ตัวของเธอไป ผมเลยให้ไอ้ซอลมันทำประวัติใหม่ของนามิขึ้นมาตอนนี้เธอเป็นคนใหม่แล้วโดนอยู่ภายใต้การปกครองของครอบครัวผม ตอนแรกจะให้ไปอยู่บ้านสักหน่อยแต่พ่อแม่ของผมกลับไม่ยอมและให้ผมเป็นคนรับผิดชอบเพราะผมเป็นคนเจอเธอ โคตรเซงเลยเว้ย! และยัยบ้านั่นก็ทำอะไรไม่ระวังตัวเลยด้วยซ้ำ กระโดดกอดผมเนี่ยนะ?
ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นยัยนั่นคงไม่รอดแน่แต่เพราะสเปคผมไม่ใช่เด็กปัญญาอ่อนแบบนั้นไงเลยไม่ได่สนใจเท่าไหร่นัก แต่ก็อย่าลืมว่าผมก็ผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกัน แต่ยัยนั่นกลับไม่มองผมเป็นผู้ชายเลยมั้งเลยอยากกอดก็กอด อยากหอมก็หอมแบบนั้น
สรุปคือผมไม่ได้เต็มใจเลี้ยงยัยลูกหมานั่นนะ!
วันต่อมา...
“ลา~ล่า~ลา~” เช้าเมื่อผมเปิดประตูมาก็เจอกับนามิที่กำลังร้องไห้อะไรอยู่อย่างมีความสุข ไม่รู้ว่าจะอารมณ์ดีอะไรขนาดนั้น แต่ก็แปลกหรอกตอนนี้เธอสามารถใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาแล้วแม้ไม่ได้มากเท่าไหร่แต่ก็ดีกว่าเดิม
“คุณเซน^0^”
“....” ยัยเด็กนี่ยิ้มเก่งชะมัดทั้งที่ชีวิตตัวเองที่ผ่านมาไม่ได้ราบรื่นอะไรเลย
“กำลังไปเรียนเหรอคะ?”
“....” ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไรแต่ยัยเด็กนั่นไม่สนใจและพูดต่อทันที
“หนูก็จะได้ไปเรียนเหมือนกัน เย้! โรงเรียนหนูกับมหาลัยของคุณเซนใกล้กันไหมคะ?” เธอถามไปเรื่อยส่วนผมก็ชงกาแฟและขนมปังปิ้ง ทั้งของเธอและของผมด้วยภาระชัด ๆ อะไรก็ทำไม่เป็น อ่อ งานบ้านก็ได้อยู่แต่ผมก็มีแม่บ้านไง
“ทาอะไร?”
“แยมสตอเบอรี่ค่ะว่าไงคะที่เราเรียนใกล้กันไหมมม??”
“อืม”
“ดีใจจังงั้นหนูก็ไปเรียนพร้อมคุณเซนได้สิ” เธอพูดเองเออเองโดยที่ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าจะได้ไปเรียนพร้อมกันโรงเรียนของเธอเป็นโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยของผม
“....”
“คุณเซนหนูอยากอาบแดดแหละอยากผิวแทนนนน~” แดดประเทศไปอาบอาจจะกลายเป็นไหม้ก็ได้
“ตามใจสิ”
“หนูต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างเพราะไม่อย่างนั้นคนพวกนั้นอาจจะจำได้ก็ได้แหละ” หมับ!!กอดอกพูดไม่หยุดเลยแหะ
“มีสมองเหมือนกันนิ”
“เอ้า!!ก็หนูบอกแล้วว่าหนูฉลาด คิคิ” เธอยิ้มอย่างภูมิใจนักหนา
“เฮ้อ! อยากอะไรก็ทำระวังตัวเอาเองแล้วกันถ้าเจอคนพวกนั้นไม่ต้องไปปะทะหนีอย่างเดียวเข้าใจไหม?” ผมบอกกับเธอไม่ได้เป็นห่วง แต่กลัวจะภาระความเหนื่อยให้ผมแทน
“รับทราบค่ะ!!”
“อืม”
1 เดือนต่อมา...
“คุณเซนนนน~หนูพร้อมแล้ววว!!” และแล้ววันนี้ก็มาถึงวันที่ยัยลูกหมาต้องไปโรงเรียนซึ่งเธอายุ 18 แล้วต้องเรียนชั้นม.6 ก่อนและปีหน้าก็จะขึ้นมหาวิทยาลัย
“อืม ฉันไม่ได้ไปส่งเธอทุกวันเพราะงั้นจำทางและวิธีการเดินทางด้วยเพราะเธอต้องพึ่งพาตัวเอง” ผมบอกเพราะว่าผมไม่ได้ไปเรียนทุกวัน ก็ปริญญาเอกแล้วนิที่ออก ๆ ไปน่ะไปทำงานที่บริษัทไม่ได้ไปเรียนหรอก แต่ยัยลูกหมาคิดว่าผมไปเรียนทุกวัน
“ได้ค่ะ!!” เมื่อพูดกันรู้เรื่องแล้วก็ไปกัน
ตอนนี้นามิหรือยัยลูกหมาเปลี่ยนไปมากอยู่เพราะเธออยากผิวแทนเลยไปอาบแดดมาจนตอนนี้ได้แทนสมใจแล้วแหละ ส่วนผมก็ไว้ยาวจากตอนนี้สั้นปะบ่าตอนนี้เกือบกลางและดัดลอนพอน่ารัก กึก! ทำไมผมต้องชมด้วยเนี่ย แต่ก็ต้องยอมรับว่านามิเปลี่ยนไปจากวันแรกมากทีเดียว
บนรถ
ปึก!!
“โทรศัพท์?” เมื่อขึ้นรถผมก็โยนโทรศัพท์ไปที่หน้าตักของเธอ
“อืม เอาไปใช้ฉันเมมตัวเองให้แล้ว”
“ขอบคุณค่ะ จุ๊บ!” เธอจุ๊บแก้มของผมอีกแล้วยัยเด็กบ้า!!
“สกปรก” ผมบอกก่อนจะใช้มือเช็ดตรงที่เธอจูบลงมา
“หนูแปรงฟันแล้วเถอะ!”
“ฉันไม่ได้ให้ฟรี ๆ มันจะไปรวมกับหนี้ของเธอที่มีอยู่” ผมบอกก่อนจะออกทันทีเพื่อแวะส่งยัยลูกหมาก่อนจะไปเรียนวันนี้มีแค่ส่งงานเท่านั้นแหละไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย
“โห่~อะไรง่าแต่เถอะช่างเพราะว่าหนูส่งงานแรกไปแล้วและจะได้รับเงินอีกสองวัน! หนูจะใช้หนี้งวดแรก!” เธอบอกอย่างมั่นใจซึ่งผมก็ไม่ได้รู้สึกยินดีหรือยินร้ายกับเศษเงินนั่นเท่าไหร่หรอก
โรงเรียนสาธิต Z
เอี๊ยดด!!
“เรียนวันแรกก็ตั้งใจเรียกอย่าให้โดนเรียกพบผู้ปกครองละ” ผมจอกรถหน้าโรงเรียนก่อนจะบอกเธอ
“หนูไม่ทำร้ายใครถ้าใครไม่มาทำร้ายหนูก่อนค่ะ” เธอบอกผมด้วยสายตาจริงจัง
“ดีแล้ว”
“งั้นหนูไปเรียนก่อนนะสัญญาว่าจะตั้งใจเรียนนนน~” ยัยลูกหมาขี้สัญญา
“ก็ควรเป็นแบบนั้นเพราะว่าค่าเทอมมันแพง ถ้าเธอเรียนได้เกรดเท่าเศษดินฉันจะเอาหัวไปถูพื้นให้ดู”
“โหดดดดดดดด~ระดับหนูไม่มีทางเกรดต่ำเตี้ยเรี่ยดินอย่างนั้นแน่นอน งั้นหนูไปเรียนนะคะสวัสดีค่ะ” เธอยกไหว้ก่อนจะลงจากรถไปความรู้สึกเหมือนมาส่งลูกเข้าเรียนเลยแหะ
มหาวิทยาลัย Z
“มาส่งงานครับ” ผมมาที่ห้องพักอาจารย์เพื่อส่งรายงานสำหรับเทอมนี้และจะเรียนจบแล้วในขณะที่น้อง ๆ ผมยังเรียนปริญญาตรีกันอยู่ แต่นั่นก็แล้วแต่ความสมัครใจแต่ละคนพวกมันอยากใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาค่อย ๆ เรียน ค่อย ๆ ใช้ชีวิตต่างจากผมที่รีบ ๆ เรียนและทำงานไปด้วย
“เซน!” เสียงของใครบางคนเรียกผมเธอชื่อพัดชาเป็นเพื่อนไม่สิ คนรู้จักผ่าน ๆ เธอเองก็กล้าและฉลาดเลยเรียนมาพร้อม ๆ กับผม ไม่ว่าจะไปเรียนอะไรเธอก็ไปด้วยเสมอแต่นั่นเพราะว่าเธอชอบผมต่างหาก ซึ่งบางครั้งก็รำคาญแต่จะไปไล่ก็ไม่ได้เพราะมหาวิทยาลัยสามารถเรียนได้ทุกคนถ้ามีปัญญา
“มีอะไร?”
“มาส่งงานเหมือนกันเหรอ?”
“อืม เธอก็เหมือนกันละสิ” ผมตอบออกไปนิ่ง ๆ ซึ่งเธอก็คงชินแล้วละมั้ง
“ใช่ อ่อเมื่อเช้าพัดเห็นรถของเซนที่สาธิตไปส่งใครเหรอ?” เธอถามผม เธอคงจะเห็นตอนไปส่งน้องชายของเธอที่โรงเรียนสินะ
“ไม่มีอะไรหรอก” ผมบอกปัดไปเพราะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของนามิ
“อ๋อ เหรอ”
“งั้นฉันไปก่อนนะ” เพราะว่าวันนี้มีประชุมกับแด๊ดด้วยเลยสายไม่ได้ผมเป็นพวกตรงต่อเวลาน่ะสิ
“เอ่อ เซนกินข้าวมาหรือยังไปทานข้าวกันไหม?”
“ไม่ล่ะ ฉันมีประชุม” ผมบอกแค่นั้นก่อนจะเดินสวนเธอมาเลยไม่ได้อยากคุยด้วยเท่าไหร่ เพราะการไปคุยกับคนที่รู้ว่าคนนั้นชอบเรามันจะเป็นการให้โอกาสมากเกินไปที่ผ่านมา ผมก็ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นมามากพอแล้วด้วย
ป่านนี้ยัยนั่นจะเป็นยังไงบ้างเนี่ยคงไม่ได้ก่อเรื่องอะไรใช่ไหม?
Rrrr
นามิ...
เบอร์ที่โทรเข้ามาทำให้ผมงงนิดหน่อยว่าโทรมาทำไมยังไม่ถึงสามชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ
“มีอะไร?”
(คุณเซนนน!! ฮึก!!หนูโดนแกล้งงงง!!!) เธอบอกออกมาและเหมือนว่าจะร้องไห้ด้วย
“เฮ้ออออ! นามิเธอแม่ง!”
(หนูเอาคืนได้ไหม?) เธอถาม
“ฮะ?” เล่นนเอาผมงงเหมือนกัน
(หนูโทรมาขออนุญาตก่อนไงไอ้นั่นมันทำหนูก่อนอะหนูเอาคืนได้ใช่ไหม? ฮึก!) ยังร้องไห้อยู่เลยจะเอาคืนยังไง?
“ตามใจสิ”
(ขอบคุณค่ะ....ตายแน่ไอ้เวร!!!!!!) ติ๊ด!!!
ไอ้เหี้ยย!!ปวดหัวโว้ยยยยยยยยยยย