ตอนที่ 14
เพชรตะวันเดินทางมาต่างจังหวัด เขาตั้งใจมาเที่ยวบ้านปุริมปรัชญ์ตามคำชวนของเธอ ส่วนเจ้าเอยก็อยากเจอคุณตาและคุณยายอยู่แล้ว
พ่อกับแม่ของปุริมปรัชญ์มีอาชีพทำสวน ทั้งคู่มีลูกสาวเพียงคนเดียว พอเธอไปเรียนแล้วก็ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ พ่อกับแม่ก็เลยอยู่กันแค่สองคน
ท่านทั้งสองเหงาและคิดถึงหลานมาก ช่วงที่เจ้าเอยปิดเทอมคุณยายก็โทรหาหลานสาวทุกวันเพราะคุณตาสั่ง
ปุริมปรัชญ์ก็เลยตัดสินใจชวนเพชรตะวันมาส่งเจ้าเอยและเที่ยวหาคุณตาและคุณยายในช่วงปิดเทอมซะเลย ทั้งสองอยู่ค้างกันที่นี่สองคืน และวันนี้ก็ถึงวันเดินกลับพอดี
“พี่ฉลาม ต้องสัญญาว่าจะมารับเจ้าเอยนะคะ” สาวน้อยเอ่ยขึ้น
“ไม่เกินสองสามวัน พี่ฉลามจะรีบมารับเจ้าเอยนะครับ”
“จริง ๆ นะคะ” เด็กน้อยเขย่าแขนเพชรตะวันเบา ๆ
“จริงสิครับ เพราะพี่ฉลามก็คิดถึงเจ้าเอย” จมูกโด่งสัมผัสแก้มจ้ำม่ำอย่างแผ่วเบา พร้อมกับเกี่ยวก้อยเป็นสัญญากับสาวน้อย
“คุณพ่อ คุณแม่คะ ปรัญช์ไปก่อนนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ผู้เป็นบิดาและมารดาของเธอ จากนั้น ปุริมปรัชญ์จึงได้ชวนเพชรตะวันกลับ ก่อนจะทิ้งให้เจ้าเอยอยู่กับตาและยายให้หายคิดถึง ระหว่างเดินทางกลับ หญิงสาวก็คิดถึงคำที่มารดาพูดกับเธอ
“อายุต่างกันหลายปี แถมยังเรียนอยู่ เขาจะจริงใจกับลูกเหรอ” เมื่อนึกได้แบบนั้นเธอก็ถามเด็กหนุ่มออกไป เพราะกลัวใจตัวเองจะถลำลึกไปมากกว่านี้
“ตอนเจอพ่อกับแม่พี่ ฉลามรู้สึกยังไงบ้าง” หญิงสาวเอ่ยถามหลังจากที่เขาขับรถมาได้สักระยะ
“ผมยอมรับว่าตอนแรกก็เกร็ง ๆ ครับพี่ ท่านทั้งสองเห็นผมครั้งแรกอาจจะมองว่าผมยังเด็ก และด้วยอายุของพี่ที่มากกว่าผมหลายปี แต่ผมก็เข้าใจพ่อกับแม่พี่นะครับ”
“แล้วท่านได้ถามอะไรฉลามบ้าง”
“ก็ถามหลายเรื่องครับ ถามว่าผมรู้สึกยังไง แล้วก็คิดยังไง ถึงได้มาคบหากับพี่ แล้วท่านก็ยังถามอีกว่า..” เด็กหนุ่มเว้นระยะ ปุริมปรัชญ์จึงรีบถามขึ้น
“ถามว่าอะไรเหรอ”
“ถามว่าผมกับพี่มีอะไรกันหรือยัง”
“ห๊า!!!..แม่นะแม่ ไม่เคยเชื่อใจลูกสาวคนนี้เลย” เธอถึงกับตัดพ้อ แต่ที่แม่พูดก็คงอยากจะเตือนเธอ เพราะปุริปรัชญ์เคยท้องกับสามีคนแรกโดยไม่ได้มีการแต่งงานใด ๆ เธอเคยขอโทษพ่อกับแม่ไปแล้วและท่านก็ให้อภัยเพราะเห็นแก่หลานสาว จนทั้งคู่ได้เลิกกัน
“แต่ผมก็ตอบไปแล้วนะครับ ว่าผมไม่คิดจะล่วงเกินพี่ ผมจะแสดงความจริงใจให้พี่เห็นว่าผมรักพี่จริง ๆ” เด็กหนุ่มตอบด้วยเสียงหนักแน่น
“ฉลาม!!!!” มือหนาเอื้อมมาจับมือหญิงสาวที่วางอยู่บนตักและจูบอย่างแผ่วเบา
“พี่ไม่รังเกียจแฟนที่อายุน้อยกว่าใช่มั้ยครับ”
“ไม่หรอก ถึงฉลามจะอายุน้อย แต่ความคิดก็เป็นผู้ใหญ่นะ พี่ก็อธิบายกับแม่ไปแล้ว ส่วนพ่อไม่เป็นไรเพราะพ่อของพี่บอกว่าเชื่อใจฉลาม สงสัยท่านจะเห็นความจริงใจของฉลามแล้วล่ะ” เธอยิ้มให้เด็กหนุ่มอย่างจริงใจ
วันนี้ฉลามไปฝึกงาน ส่วนปุริมปรัชญ์ไม่ได้ไปทำงาน เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของเธอ ตกเย็นเขาจึงซื้ออาหารเข้ามาเพราะไม่อยากให้แฟนสาวต้องเหนื่อย เอาไว้วันพิเศษจริง ๆ ทั้งคู่ถึงจะทำอะไรทานด้วยกัน ฉลามทั้งรักและให้เกียรติปุริปรัชญ์และไม่เคยคิดจะล่วงเกินเธอ จะมีก็แค่กอดและหอมแก้มกันตามประสาคู่รักเท่านั้น
เขาจอดรถและเดินเข้ามาภายในบ้านก็รู้สึกถึงความมืดทันที มีแค่แสงสว่างจากเสาไฟที่ติดตามท้องถนนส่องเข้ามาเท่านั้น ก่อนจะรีบตะโกนหาแฟนสาว เพชรตะวันล้วงโทรศัพท์เปิดไฟฉาย แล้วเดินขึ้นไปด้านบน จากนั้นก็ตะโกนเรียก จนแฟนสาวเดินออกจากห้องมา
“พี่ทำอะไรอยู่ครับเนี่ย เหงื่อท่วมตัวเชียว ไฟดับเหรอครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามคนที่เขากำลังตามหาด้วยความเป็นห่วง
“ก็หลอดไฟในห้องน้ำพี่มันเสียจ้ะ พี่ก็เลยจะพยายามลองเปลี่ยนเอง แต่พี่กลัวไฟดูด ก็เลยสับคัทเอาท์ลง ร้อนจะตายแล้วเนี่ย” ปุริมปรัชญ์พูดพลางดึงขอบคอเสื้อกระพือไปมาเพื่อคลายร้อน ทำให้คนตัวสูงมองเห็นเนินอกอวบขาวโพลนของเธอเต็มสองตา ถึงแม้ว่าจะมืด แต่วินาทีนี้สายตาของเขาก็ชัดขึ้นทันทีราวกับใส่แว่นขยาย
“อ้าว! แล้วทำไมพี่ไม่ไปบอกผมล่ะครับ เรื่องแค่นี้เองผมทำแป๊บเดียวก็เสร็จ” เด็กหนุ่มรีบบอก ก่อนจะเดินไปยกคัทเอ้าท์ขึ้น
“พี่คิดว่าฉลามน่าจะกำลังขับรถกลับบ้าน ก็เลยไม่อยากรบกวน” หญิงสาวตอบ พร้อมกับยิ้มเล็กน้อยให้เขา
"โธ่พี่!! เราคนกันเอง แถมตอนนี้พี่ก็เป็นแฟนผม เราต้องไม่มีคำว่าเกรงใจต่อกันสิครับ” หลังจากไฟที่บ้านสว่างเรียบร้อยแล้ว เพชรตะวันก็ชวนแฟนสาวลงมาทานอาหารมื้อเย็นที่เขาซื้อมา
“ฉลามรอพี่ก่อนนะจ๊ะ พี่ขอไปอาบน้ำแป๊บนึง พี่ร้อนมากเลย” แฟนสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับใช้สองมือยกขึ้นไปรวบผมมามัดไว้เผยให้เห็นรักแร้ขาวเนียนสะอาดตา เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้เก็บผมได้สะดวก ท่วงท่าของเธอจึงดูคล้ายกำลังยืนแอ่นหน้าอก อากัปกิริยานี้ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับใบหน้าร้อนผ่าว เพราะปุริมปรัชญ์ในยามนี้ดูเย้ายวนและเซ็กซี่มาก เนื่องจากร่างเธอชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ