ย้อนกลับไปเหตุการณ์ที่ศยามลถูกบิดาพามาที่บ้านเสี่ยอำนาจ
เสี่ยอำนาจพินิจพิจารณาผู้หญิง ที่ลูกหนี้คนสำคัญพามาเยือนถึงบ้าน ไล่สายตาสำรวจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังบิดาของหญิงสาว ลอบผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ
“แน่ใจใช่ไหม ที่จะเอาลูกสาวมาขัดดอก” เสียงทรงอำนาจเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง นัยน์ตาคมกริบหรี่มองคนทั้งสามที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“แน่ใจครับเสี่ย เพื่อแลกกับหนี้สินที่ผมติดหนี้เสี่ยทั้งหมด เสี่ยเอาลูกสาวผมไปได้เลยครับ แต่ขอนิดนึงได้ไหมครับ ขอเงินสักก้อนให้ผมเอาไปตั้งตัวได้ไหม” คนถูกผีพนันเข้าสิงอย่างปวร ยังคงอยากได้เงินสักก้อนไปแก้มือ ไม่ได้อยากเอาไปตั้งตัวอย่างที่กล่าวออกไป
ดวงตาคู่สวยในยามปกติ ของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นบุตรสาว หันมองบิดาด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวระคนเสียใจ
บิดาที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เยาว์วัย ไม่คิดจะแยแสสนใจความรู้สึกเธอเลย หลงเชื่อคำหวานของแม่เลี้ยงจนหมดสิ้น
ไม่ว่าแม่เลี้ยงจะเอ่ยอะไรออกมา ก็เห็นดีเห็นงามไปหมดเสียทุกอย่าง แม้กระทั่งความเห็นที่ว่า ให้เธอมาเป็นตัวขัดดอกของเสี่ยอำนาจ
“ถ้าจะเอาอีกก้อนฉันก็ให้ได้ แต่ก็ต้องแลกกับสิทธิ์ขาดของลูกสาวแกด้วย ถือว่าฉันซื้อขาด”
“ถ้าอย่างนั้นมูลค่าก็ต้องเพิ่มมากขึ้นนะเสี่ย ผมเลี้ยงลูกสาวผมมาอย่างดี ส่งเสียจนจบปริญญาตรี จนมีหน้าที่การงานที่ดีทำ ถ้าจะแลกแค่กับหนี้สองล้าน ผมว่ามันน้อยไปนะครับ”
“จริงด้วยจ้ะเสี่ย เราสองคนเลี้ยงดูหนูพริกมาอย่างดี ไม่มีเรื่องเสื่อมเสีย อีกทั้งยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ฉันว่าราคามันก็ต้องเพิ่มขึ้นนะจ๊ะ” นางดาเอ่ยสมทบสามีขึ้น เมื่อเห็นหนทางหาเงินจากลูกเลี้ยงได้
เสี่ยอำนาจยกยิ้มมุมปาก ในขณะที่ใจเวทนาลูกสาวของลูกหนี้ตัวเองอย่างหนัก ตนเป็นเจ้าหนี้ก็จริง แต่ก็ไม่คิดจะใจไม้ไส้ระกำหรือเลวระยำ ขนาดขายลูกกินอย่างที่ผู้ชายคนนี้ทำหรอก
“จะเอาเท่าไหร่” ปวรยิ้มร่า สมองเริ่มคำนวณจำนวนเม็ดเงิน ที่ต้องการเรียกจากเสี่ยอำนาจ
“ผมขอสักสามล้านแล้วกัน” ศยามลหันขวับไปมองหน้าบิดา ที่เอ่ยปากซื้อขายเธอราวกับเธอไม่มีชีวิตจิตใจ ทำเหมือนเธอคือสินค้าที่กำลังต่อรองราคาซื้อขาย
ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นในเวลานี้
“นับจากวันนี้ไป ลูกสาวแกไม่ใช่ลูกของแกอีกต่อไป สิทธิ์ขาดทุกอย่างอยู่ที่ฉัน แกไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวผู้หญิงคนนี้อีก”
“ไม่มีปัญหาครับเสี่ย”
“เกียรติ เอาเอกสารไปให้เซ็น”
“ครับเสี่ย”
ศยามลมองบิดาตัวเอง กำลังเซ็นชื่อยินยอมขายเธอให้แก่เสี่ยอำนาจ ด้วยความอดสูผ่านม่านน้ำตาที่รินไหล ทั้งที่ตลอดระยะสามวัน หลังจากวันที่บิดาบอกว่าจะเอาเธอมาขัดดอก เธอจะร้องไห้ทุกวันแล้วก็ตาม เมื่อวันนี้มาถึง น้ำตาที่ไม่คิดว่าจะหลงเหลือก ลับไหลออกมาอีกครั้ง
“เดี๋ยวฉันจะให้เกียรติจัดการเรื่องเงินให้ ออกไปได้แล้ว”
“ครับเสี่ย แกอยู่ที่นี่ก็ทำตัวดีๆ ล่ะ อย่าให้เสี่ยต้องปวดหัว จนคิดอยากจะส่งแกกลับมาหาฉัน แล้วก็อย่าลืมที่บอก จำใส่สมองไว้ด้วย... ฉันลาล่ะเสี่ย”
“ฉันลาด้วยจ้ะ โชคดีล่ะลูก ทำตัวดีๆ ให้เสี่ยท่านเอ็นดูนะลูก” ลูบแขนศยามลอย่างสะใจ ที่สามารถกำจัดเสี้ยนหนามที่คอยทิ่มแทงออกไปด้เสียที และยังได้เงินมาใช้ฟรีถึงสามล้านด้วยกัน
ซึ่งแน่นอนว่าศยามล รีบสะบัดแขนออกจากมือของแม่เลี้ยงใจร้าย มองอสรพิษร้ายอย่างโกรธแค้นชิงชัง
หากไม่มีแม่เลี้ยงคนนี้เข้ามา ครอบครัวของเธอคงไม่พังพินาศ พ่อที่แสนอบอุ่นของเธอ คงไม่ถูกแม่เลี้ยงชักนำไปในเส้นทางสีเทา และกลายเป็นคนละคนแบบนี้แน่
และเย็นวันนั้น พยัคฆ์กับศยามลก็ได้เจอกันเป็นครั้งแรก แวบแรกศยามลยอมรับว่าหัวใจของเธอเต้นแรงระส่ำ เมื่อได้สบสายตาคู่นั้นที่มองมา
ส่วนพยัคฆ์ถามว่าสะดุดตาไหมที่เห็นศยามล ชายหนุ่มก็คงยอมรับว่าหญิงสาวสวยสะดุดตา และสะดุดใจพอสมควร แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่บิดาเอ่ยบอกมา ความพึงพอใจก็แปรเปลี่ยนเป็นไม่พอใจ
“หนูพริก นี่ตาเสือลูกชายฉัน” ศยามลไม่รู้ว่าตัวเอง ทำอะไรผิดพลาดตรงไหนหรือไหม เมื่อคนตรงหน้าเอาแต่นั่งจ้องจนเธอทำตัวไม่ถูก แต่ยังดีที่สามารถบังคับมือให้ยกขึ้นมาไหว้ได้
“สวัสดีค่ะ”
“หึ!”
สายตาคมกริบของพยัคฆ์ ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจ้องหญิงสาวเขม็ง ด้วยความไม่พอใจ ที่บิดาพาผู้หญิงเข้าบ้าน ทั้งที่ตกลงรวมกันเอาไว้ ว่าบิดาจะมีผู้หญิงสักกี่คนก็ได้ จะเลี้ยงดูยังไงก็ได้ แต่ห้ามพาผู้หญิงคนไหน เข้ามาในบ้านหลังนี้เด็ดขาด
“หมดปัญญาแล้วเหรอ ถึงได้มาเป็นเมียพ่อฉัน อายุก็ยังไม่น่าจะมาก หน้าตาก็ดี ทำไมไม่ไปหาคนรุ่นราวคราวเดียวกัน หรือว่านิยมคนแก่มีเงิน รักสบาย เพราะอีกไม่นานพ่อฉันก็จะตายแล้วอย่างนั้นเหรอ พ่อก็เหมือนกัน ไหนเราตกลงกันแล้ว ว่าพ่อจะมีอีหนูสักกี่ร้อยคนก็ได้ แต่ห้ามเอาเข้ามาในบ้านแม่ผม ไปถูกเด็กมันทำอีท่าไหนมาล่ะ ถึงได้หลงจนลืมคำสัญญา”
“เสือ!!” เสียงเข้มร้องปรามบุตรชาย ยิ่งทำให้พยัคฆ์อารมณ์เสียมากขึ้นกว่าเดิม จนไม่สามารถทนนั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับบิดาและผู้หญิงตรงหน้าได้
ร่างสูงขยับตัวลุกขึ้นยืน ทั้งที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของศยามลอย่างดูแคลน
“พ่อจะเอาผู้หญิงคราวลูกมาเป็นเมียผมไม่ว่า แต่พ่อแน่ใจเหรอครับ ว่านี่คือคน ไม่ใช่ปลิง” เรียวปากหยักยกยิ้มดูถูก สาวเท้าเดินออกจากห้องอาหาร แต่กลับต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินสิ่งที่บิดาร้องตามหลังมา
“ฉันไม่ได้จะเอาหนูพริกมาเป็นเมียฉัน แต่ฉันจะเอามาเป็นเมียแกต่างหาก”
“ไม่!! ผมไม่เอาผู้หญิงคนนี้มาเป็นเมีย”
“ทำไมวะเสือ หนูพริกก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร การศึกษาก็จบดี ไม่ทำให้แกน้อยหน้าใคร อีกอย่างฉันอายุเยอะแล้ว ฉันอยากอุ้มหลาน เวลาของฉันเหลืออีกไม่มาก แกเข้าใจไหม”
“ไม่เข้าใจ ผมไม่มีวันเข้าใจอะไรทั้งนั้น นี่มันสมัยไหนแล้วกันพ่อ พ่อเลิกมาบังคับผมสักที ตั้งแต่แม่เสีย พ่อก็ถีบหัวส่งผมให้ไปอยู่เมืองนอก พอผมกลับมา พ่อก็จะมาบังคับให้ผมแต่งงาน กับผู้หญิงที่ผมไม่ได้รักอีกเหรอ”
“ไม่รู้แหละ ยังไงแกก็ต้องแต่ง” พยัคฆ์เดินหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธ เข้ามาหาผู้เป็นพ่อ ตวัดสายตามองศยามลที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“เธอเป็นบ้าเหรอ ถึงได้ยอมทำตามที่พ่อฉันบอก ยอมแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รัก ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เมื่อกี้พ่อบอกว่าเธอเป็นคนมีการศึกษา เธอน่าจะมีสมองคิดได้ดีกว่านี้สิ หรือว่าเธอไม่ถนัดใช้ความรู้ที่เรียนมาเพื่อทำงาน แต่ถนัดใช้ร่างกายทำงานแทนมากกว่า เม็ดเงินมันหนาเหรอ ถึงทำให้เธอยอมทำอะไรสิ้นคิดแบบนี้ได้”
“ตาเสือ!! หยุดพูดดูถูกคนอื่นแบบนี้สักที”
“ก็มันจริงไหมล่ะครับ ผู้หญิงดีๆ ที่ไหน เขายอมมาเป็นเมียคนที่ไม่เคยรู้จักกัน แถมยังต้องมาตั้งท้องอีก ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงที่ซื้อได้ด้วยเงิน พ่อก็อย่าโง่นักเลย เดี๋ยวนี้ผู้หญิงมารยาสารพัด ดีไม่ดีพ่ออาจจะกำลังถูกผู้หญิงคนนี้เป่าหูอยู่ก็ได้ เพราะอยากได้เงินจากเราจนตัวสั่น และผมก็ไม่คิดเลยนะ ว่าพ่อจะมีความคิดบ้าๆ แบบนี้อยู่ในหัว ทุเรศสิ้นดี”
“ไอ้เสือ!!”
เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือกระทบกับใบหน้าของพยัคฆ์เต็มแรง จนชายหนุ่มหน้าหันไปตามแรงกระแทก ภายในห้องรับประทานอาหารเงียบงันไปโดยปริยาย
เสี่ยอำนาจมองมือตัวเองที่สั่นเทา เพราะเผลอทำร้ายลูกชายด้วยความไม่ตั้งใจ พยัคฆ์นัยน์ตาแดงก่ำ หันกลับมามองหน้าบิดาด้วยความเจ็บปวดเสียใจ
“นี่พ่อตบหน้าผม เพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอ... อย่าคิดว่าชีวิตเธอจะมีความสุขอีกต่อไป” นั่นคือสิ่งที่พยัคฆ์หันมาเอ่ยกับศยามล ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินออกจากบ้านไป
หลังจากวันนั้น ความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกก็ไม่ลงรอยกันสักเท่าไหร่ จากที่ไม่กินเส้นกันก่อนหน้า ก็ยิ่งหมางเมินมากขึ้นกว่าเดิม และเมื่อพยัคฆ์กลับเข้าบ้านมาในช่วงเช้า สิ่งที่เห็นยิ่งตอกย้ำในคำพูดของชายหนุ่มในวันนั้น
เมื่อเห็นผู้หญิงที่บิดาอยากให้มาเป็นภรรยา เปิดประตูห้องนอนของบิดาออกมา พยัคฆ์เลิกคิ้วมองคนที่ก้มหน้าไม่กล้าสู้สายตา ก่อนเรียวปากหยักจะแสยะยิ้มดูแคลน
ศยามลชะงักค้าง เมื่อหันมาเจอพยัคฆ์ยืนจ้องหน้าอยู่ สายตาคู่นี้ทำให้เธอหายใจหายคอไม่ทั่วท้องเอาเสียเลย ยิ่งอีกคนเดินเข้ามาใกล้ ศยามลก็เหมือนตัวเองตัวเล็กลงทุกทีๆ
“หึ! เข้าไปขออะไรพ่อฉันล่ะ หรือว่าเมื่อนอนกกกันทั้งคืนเลยเพิ่งตื่น ถึงได้เพิ่งโผล่หน้าออกมา ตกลงจะเอาทั้งพ่อทั้งลูกเลยอย่างนั้นใช่ไหม”
“ฉันไม่ได้ทำอย่างที่คุณกล่าวหา”
“ฉันควรเชื่อ”
“จะเชื่อหรือไม่ แล้วแต่คุณเสือเถอะค่ะ”
“ดี!! ถือดี ปากเก่ง อวดเก่ง อย่าคิดว่ามีพ่อฉันถือหางหนุนหลัง แล้วจะพูดอะไรก็ได้นะ สงสัยฉันคงต้องคิดใหม่แล้วมั้ง เรื่องที่พ่อจะให้เธอมาเป็นเมียฉัน เพราะฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเธอจะเด็ดแค่ไหน พ่อถึงใจกล้าพาเข้าบ้านแบบนี้ แต่จะว่าไป” พยัคฆ์ไล่สายตามองศยามล ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างจาบจ้วง คนถูกมองหน้าร้อนผ่าว ที่ถูกอีกคนมองแบบไม่ให้เกียรติแบบนี้
“รูปร่างดีใช้ได้นี่ ก็น่าจะเด็ดอยู่หรอก”
“คุยอะไรกัน” เสี่ยอำนาจเปิดประตูออกมา เห็นคนทั้งสองเข้าพอดีก็เอ่ยถาม พร้อมกับเดินเข้ามาหาคนทั้งสอง
“ก็แค่ทักทายกันธรรมดานี่ครับ ไม่ได้มีอะไร”
“จริงเหรอหนูพริก” พยัคฆ์ชักเริ่มไม่พอใจขึ้นมาอีกรอบ เมื่อบิดาทำเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองบอก และยังหันไปถามผู้หญิงตรงหน้าราว กับกลัวว่าเขาจะทำร้ายเธออย่างนั้น
“ค่ะเสี่ย”
“ผมเปลี่ยนใจรับข้อเสนอของพ่อนะครับ ผมจะเอาผู้หญิงคนนี้มาเป็นของเล่นของผม พ่ออยากอุ้มหลานผมก็จะมีให้ แต่ผู้หญิงคนนี้จะไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวผมและลูกผมเด็ดขาด แม้กระทั่งงานแต่งงานหรือทะเบียนสมรส ก็อย่าคิดว่าจะได้มันจากผม เป็นได้แค่ของเล่นที่มีไว้เพื่อทำลูกแค่นั้น”