องก์ ๙

3020 คำ
"ไปกันเลยไหม ที่ไหนดี" พอมันทั้งสามคนเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำเสร็จก็เดินมาขึ้นรถ ผมหันไปถามทันทีแล้วออกรถ "ไปไหนก็ได้ครับพี่" ไอ้อูเอ่ยขึ้น ผมยิ้มออกมาน้อยๆชำเลืองตาไปมองไอ้ต้อม "ไปพารากอนไหม จะได้กินข้าวด้วย" ผมถามไปอย่างนั้นเองล่ะครับ ตั้งใจไว้แล้ว ไม่รู้นะการที่เราจะพาเด็กที่หลงไหลในวัตถุนิยมไปสถานที่ใดที่หนึ่งนั้นต้อง ทำให้มันอยากไป ผมคงไม่พามันไปเดินห้างที่กำลังจะเจ๊งแหล่ไม่เจ๊งแหล่หรอกนะ คงได้อารมณ์ตายล่ะ เท่าที่ผมรู้ถ้าพามันไปสถานที่ดีๆมันก็จะรู้สึกภูมิใจเวลาจะใช้งานมันจะได้ ง่ายขึ้น "กินอาหารญี่ปุ่นนะ" ผมบอกอีกไม่ให้เลือก นิสัยเสียอยู่อย่าง ไม่ชอบแบบกินอะไรก็ได้ ไปไหนก็ได้ครับพี่ อะไรแบบนี้ รู้นะว่าเด็กมันเกรงใจ แต่เขาถามแล้วนี่ให้โอกาสเลือกไม่เลือกเอง ผมเลือกเองถ้าอย่างนั้น "ครับ" มันสามคนท่าทางพอใจ ระหว่างกินข้าวผมก็ไม่ได้อะไรกับเด็กมันมากนะครับ แผนที่มีอยู่ในใจมันจะต้องดำเนินไปเรื่อยๆ "พากูไปเข้าห้องน้ำหน่อยดิ ไอ้โป้ง" ต้อมมันเอ่ยชวนเพื่อนมัน "อ้าวกูไม่ปวดนี่หว่า มึงไปเองดิ" "พาต้อมไปหน่อยสิโป้ง เดี๋ยวมีคนมาแอบดูต้อมตอนเข้าห้องน้ำนะ เราไปดูให้พี่หน่อย จะได้มารายงาน" ผมพูดขึ้นเสียงเรียบๆไม่ได้มองดูหน้ามันนะ ทั้งสองคนมองหน้ากันเหวอๆแล้วรีบลุกทันที "อู พี่ถามอะไรหน่อยสิ" คราวนี้ผมได้โอกาส จ้องหน้ามัน แต่ไอ้นี่ก็เหลือเกินจะอายไปไหนเนี่ยหน้านี่แดงขึ้นมาเชียว "อะไรครับพี่" "เรามีเพื่อนนิสัยไม่ค่อยดีไหม" มันเหมือนงงกับคำถามมองหน้าผมแปลกๆ "พี่หมายถึง เรารู้จักเพื่อนคนไหนที่เกเรๆป่ะ" "เกเรนี่ขนาดไหนอ่ะพี่ เกโรงเรียน ยา นักเลง" มันพูดขึ้นมาทำให้ผมสมองเหมือนกดเปิดไฟ ปิ๊งขึ้นมาทันที "มียาด้วยเหรอ" "มีดิพี่ น้ำแข็งอ่ะ" "หือ น้ำแข็งนี่เป็นยาเหรอ" "ฮ่าๆๆๆ พี่ไปอยู่ไหนมา เขาเรียก ไอซ์ไงพี่" เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกอายเด็ก ไม่ไหวเลยจริงๆ คนนำแฟชั่นอย่างผมต้องอายให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างมัน "ยังไงอ่ะ พี่ไม่รู้จัก" ผมทำหน้าสนใจขึ้นมาทันที "ก็ไม่ได้รู้จักหรอกพี่ แต่เห็นเพื่อนๆกลุ่มนี้มันมาเล่ากัน ว่าไปตี้ มีน้ำแข็งลงลานอะไรประมาณนี้อ่ะ" อนาถใจนะที่ได้ยิน เด็กสมัยนี้ เรื่องอัพยาเล่นยาเป็นเรื่องปกติสำหรับผมนะ เพราะตอนเรียนอยู่ที่โน่นผมก็เคย ยอมรับกันตรงๆเลยว่าเคย แต่แค่อยากลอง ผมไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรดี ตอนอัพเหมือนสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป ทำอะไรอย่างที่เราไม่คิดจะทำ พอรู้สึกตัวมาอีกทีก็เสียใจนะ เลยไม่ลองอีก อีป้า อีพัท เคยหมดล่ะครับ มาป่านนี้แล้ว แต่เราก็ไม่คิดจะลองอีกเพราะหาประโยชน์และสิ่งดีจากมันไม่เจอ "เหรอ มีงี้ด้วยเหรอ แล้วมันแพงไหม" "ไม่รู้อ่ะพี่ ผมไม่เคย ผมเป็นนักกีฬานะ ถ้าโค้ชจับได้ผมโดนไล่ออกจากทีมแน่ เผลอๆโดนพักเรียนอีก" ขอบใจมากอู สายตาผมมันคงวิ้งขึ้นมาทันที เพราะรู้สึกตัวได้ "พี่อยากรู้จักเพื่อนเรากลุ่มนั้นอ่ะ" "ทำไมอ่ะพี่ พี่อยากลองบ้างเหรอ" "เปล่า พี่มีเรื่องอยากจะถามเขาน่ะ" "ไม่รู้นะว่ามันจะคุยกับพี่หรือเปล่า มันไม่ชอบคนกะ" "พอเลย ใครแก่ นี่พี่ดูแก่มากขนาดนั้นเลยเหรอ" ผมดักคอมันแว้ดเสียงขึ้น มันสะดุ้งสิครับ ไม่รู้สิ เกลียดคำนี้ที่สุด บนใบหน้าเรือนร่างผมมันไม่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นเลยนะ ตีนกงตีนกาอะไรไม่รู้จัก แล้วไอ้เด็กพวกนี้มันอะไรกัน "ปะ เปล่าพี่ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น" "เอาเบอร์มา" ผมขู่ขึ้นทันที มันก็ล้วงโทรศัพท์ออกมากดหาเบอร์ "อย่าไปบอกต้อมหรือโป้งนะ ว่าพี่ถามเราแบบนี้ อ่ะนี่ ค่าปิดปาก" ผมล้วงเงินให้มันสองพัน แอบหยิบออกใบหนึ่ง ผมนี่ชักนิสัยเสียขึ้นทุกวัน รู้นะไม่ใช่ไม่รู้ แต่ขอโทษนะน้องๆ พี่ไม่ได้อยากเป็นคนแบบนี้หรอกนะ "อ่า เยอะไปไหมพี่" "จะเยอะกว่านี้ถ้าพี่มั่นใจว่าเราไม่ปากโป้ง" ผมยักไหล่ทำเป็นไม่สนใจแล้วกินข้าวต่อไป พอสองคนเดินกลับมาไอ้อูมันก็เก่งนะถามโน่นถามนี่ไปเรื่อยไม่เอ่ยถึงเรื่องที่ผมถามมันเลย ได้ใจอีกคน เตรียมจนได้เลยไอ้นายเอ๋ย พอกินข้าวเสร็จผมก็พาทั้งสามคนจะไปดูหนัง แต่ไอ้อูเหมือนมันรู้งานนะ มันชวนไอ้โป้งกลับก่อน "อ้าว รีบไปไหนกันอ่ะอู" ผมก็กระแดะถามไปงั้นล่ะพอใจกับการกระทำของไอ้อูมาก "ต้องไปดูหนังสือหลังวังอ่ะพี่" "ไหนบอกไปพรุ่งนี้ไงไอ้อู" ไอ้โป้งท้วงขึ้น "ไปวันนี้ล่ะ ไปเร็วเดี๋ยวค่ำก่อน" "อ้าว มึงไม่ดูหนังเหรอมึง ไหนบอกอยากดูเรื่องนี้" "เดี๋ยวค่อยมาดูวันหลัง" ไอ้อูมันลากไอ้โป้งออกไปเลยครับ ไอ้ต้อมนี่หน้าตาเหมือนสูญเสียจิตวิญญาณไป หมั่นไส้มันจริงๆนะ "ไปเข้าโรงหนังได้แล้วต้อม" ผมบอกแล้วเดินนำไปก่อน มันก็เดินตามนะ ระหว่างดูหนังผมก็นั่งไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่นัก เพราะเจ็บแผลทำไมมันเพิ่งมาเจ็บเอาตอนนี้นะ "นั่งไม่สบายเหรอพี่" "อืม เจ็บๆหลังอ่ะ" "ออกไหมล่ะ เดี๋ยวค่อยมาดู" "ไม่เป็นไร พี่ทนได้" นั่งก็นะ เอาวะทนก็ทนตั๋วหนังไม่ใช่ร้อยกว่าบาทนี่นะ เรื่องอะไรจะยอมเดินออก จนหนังจบก็เดินออกมาร้าวไปทั้งหลัง "พี่ไปทำอะไรมา" "ไม่มีอะไรหรอก เดินไม่ระวังเอง" "ไหนผมดูหน่อยสิ" "บ้า มันอยู่ในเสื้อนะ จะดูต้องไปหาที่ลับตาคนดู" ผมแกล้งมัน ถอยไปเลยครับ แหมนะ หมั่นไส้คูณสองแล้วไอ้นี่ "เออ ต้อม เรื่องที่พี่อยากให้เราทำน่ะ พร้อมจะฟังหรือยัง" ผมรู้สึกว่าเสียเวลามาทั้งวันแล้ว เริ่มกันเสียที "ครับพี่" มันทำหน้าตื่นๆ "อย่างแรก เราไปจีบอีเบียร์" "เฮ้ยพี่ ทำไมล่ะ ไม่เอาอ่ะ" "ฟังให้จบก่อนได้ไหม อย่าเพิ่งโวยวาย" ผมปรามมันด้วยสายตา "ให้เราไปจีบมัน มันชอบเราเป็นทุนอยู่แล้วนี่นะ ไม่น่าจะยาก" "แต่มันเห็นผมกับพี่ เอ่อ" "ก็บอกมันอย่างที่มันเคยพูดสิ" "หือ" "ให้เราบอกมันว่า พี่แค่เป็นคนโง่คนหนึ่งที่มาเลี้ยงเรา แต่ให้เราบอกมันว่าเราชอบมันจริงๆ อยากมีแฟนเป็นคนอย่างมัน" มันทำท่าคิด "ไม่ต้องคิด แค่จีบมัน และต้องมั่นใจว่ามันจะเชื่อเรา และพี่ต้องมั่นใจว่าเราจะไม่มีทางไปหลงรักมัน" "ไม่มีทาง ถ้าผมจะรักมันให้ผมรักพี่ไม่ดีกว่าเหรอ" เอ่อ ผมอึ้งไป แต่ก็เปลี่ยนสีหน้า "ก็ลองรักสิ สัญญายกเลิกทันที อย่าถามมากทำตามที่บอก" มันพยักหน้าเนือยๆ "ไม่พอ พอเรามั่นใจว่ามันรักเราแล้ว ให้บอกพี่ทันที" "พี่จะทำไงต่ออ่ะ" "อย่าเพิ่งรู้ เดี๋ยวบอกอีกที เออ ต้อม เรารู้จักเพื่อนที่ชื่อ ป๊อปไหม" "หือ ไอ้ป๊อปน่ะเหรอพี่ รู้ดิ ทำไมอ่ะ" "แล้วเรารู้จักน้ำแข็งไหม" "เฮ้ยพี่ ไม่เอานะ ให้ผมไปยุ่งผมไม่ทำนะ" "ถามว่ารู้จักไหม เอ๊ะ เรานี่พี่ยังไม่ได้พูดอะไรซะหน่อย ตอบสิ" "รู้พี่ เห็นพวกไอ้ป๊อปมันคุยกัน" "อืม แล้วเรารู้ไหมเวลามันไปตี้กันน่ะ มันทำอะไรบ้าง" ผมอยากรู้จริงๆนะ ไม่แน่ใจว่าที่ผมเคยทำมากับอย่างที่เด็กทุกวันนี้ ย้ำ เด็กมัธยมทุกวันนี้เขาทำกัน ไอ้ต้อมมันทำท่าคิด "ก็มั่วๆกันนั่นล่ะพี่" "หา อย่าบอกนะว่า" ผมร้องเสียงหลง ไม่อยากจะเชื่อ นี่มันล้ำหน้าไปหน่อยไหม "ก็เห็นมันเคยเล่าแบบนี้อ่ะพี่ ผมก็ไม่แน่ใจ" "อะไรกัน เด็กทุกวันนี้" "มันก็ไม่ได้มีแต่เด็กนี่พี่ เด็กมัธยมมันจะไปเอาเงินมาจากไหน" "หมายความว่ามีคนจ่ายเหรอ" "ประมาณนั้นอ่ะพี่ เพราะไอ้ป๊อปมันเคยเอาคลิปมาให้ดู" ตกใจไปใหญ่ ผมแทบจะเผลอกรี๊ดออกมา แต่กลัวว่าจะแตกสาวร้าวรานมากไปหน่อย จึงได้แต่เอามือทาบอกเบาๆพองาม "ถ่ายคลิปไว้ด้วยเหรอ มันไม่อายเหรอต้อม" "ก็ไม่ได้มีแต่โรงเรียนเดียวนี่พี่ มันมาจากหลายที่ ถ่ายแบบไม่เห็นหน้าไม่รู้หรอกใครเป็นใคร" "อ้อ อย่างนี้นี่เอง" ผมยิ้มออกมา รู้แล้วว่าจะทำยังไงต่อไป "กลับเลยไหม พี่จะไปส่ง" "ยังไม่สองทุ่มเลยอ่ะ" "อ้าว ไม่รีบนอนหรอกเหรอ" "นอนไม่หลับหรอกพี่ มันแต่หัววันไปหน่อย" "แล้วอยากไปไหนล่ะ" "อยากไปเดินเล่น" "ดึกป่านนี้เนี่ยนะ ที่ไหน" "พี่เคยไปท่าพระอาทิตย์ไหม" มันถามขึ้น บอกตามความจริงนะ เคยนะ แต่ตอนที่เรียนอยู่ที่นี่ล่ะ จำไม่ได้แล้วว่ามันเป็นยังไงไปถึงไหนแล้ว "ไม่เอาอ่ะ ไม่ไปเดินข้าวสารล่ะ" ผมเสนอ เพราะเคยไปเดินตอนกลับมาใหม่ๆ ไม่ได้ชอบนะแต่ก็เพลินดี ผมชอบไปกินพิซซ่าที่นั่นแป้งมันบางดี "ได้พี่ ผมไม่ได้ไปมานานแล้วเหมือนกัน" สรุป ผมต้องพามันเตร่เที่ยวอีกแล้ว แทนที่จะไล่มันไปทำงานตามที่มอบหมายนะ มันจะได้ไม่ยืดเวลา "เริ่มทำได้ยังต้อม" "ทำไรพี่" "อ้าว ก็จีบอีเบียร์ไง" "เฮ้ย ให้ทำเลยเหรอ” "เรามีเบอร์มันไม่ใช่เหรอ" "ไม่มีอ่ะ" "เฟสบุ้คสิ" ผมบอกไม่ได้หันไปมอง มันทำท่าลังเลอยู่ "เร็ว อย่าเยิ้นเย้อ พี่มีเวลาไม่มากนะต้อม" "คร้าบ คุณนาย" "นี่ มากไป" ผมหันไปตาเขียวใส่มันทันที นี่ผมแลดูไม่น่าเกรงกลัวขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมเด็กมันถึงปีนเกลียว เริ่มไม่มั่นใจในตัวเองแล้ว "มันตอบมาแล้วพี่" ไม่นานมันก็เอ่ยออกมา หลังจากขยุขยิกอยู่สักพัก "ขอเบอร์มัน" ผมออกคำสั่ง ระหว่างรอสัญญาณไฟอยู่ตรงถนนราชดำเนิน "ได้แล้ว" "พอแล้ว ข้อความหามัน ว่าอยากคุยด้วย" "เอ่อ" "ตามนั้นต้อม" ผมเริ่มทำเสียงดุ เพราะรู้สึกว่าผมยังรับบทเป็นนางร้ายไม่พอ ตีบทยังไม่แตกเท่าไหร่ สักพักอีแรดนั่นก็โทรฯมาจริงๆ "อืม เบียร์เหรอ" ผมหันไปมองทันที ทำปากบอกมันว่าให้เปิดเสียง มันทำท่างงอยู่นาน จนผมต้องเอื้อมมือไปเปิดเอง ไม่สะใจ ไม่ทันใจ ผมเลี้ยวรถเข้ายกคอกวัวหาที่จอดทันที "บอกมันว่าเหงา อยากคุย คิดถึงหน้าเบียร์คนเดียว" ผมเอื้อมมือไปจับคอมันมาแล้วกระซิบ ตอนแรกมันย่นคอไม่ยอมนะ แหมหมั่นไส้คูณสามแล้ว ไอ้นี่มันน่านัก มันก็พูดออกไปนะ แม้จะฟังดูไม่จริงใจเท่าไหร่แต่ก็ยังดีที่มันยอมพูดออกไป "จริงเหรอพี่ต้อม เบียร์มีความสุขที่สุดเลยอ่ะ ไม่คิดว่าพี่ต้อมจะคิดตรงกันกับเบียร์" ผมแทบจะอ้วกออกมา แหมอีหอยหลอด ทำเสียงอ่อนเสียงหวาน อยากรู้จังว่าถ้าไอ้ทุยเรย์มาได้ยินมันจะทำยังไง "ถามมัน ว่าแล้วคนที่เลี้ยงอยู่ล่ะจะทำยังไง" ผมกระซิบบอกอีก มันก็พูดออกไปเหมือนมันเริ่มจะสนุกแล้วเหมือนกัน "บ้าเหรอ พี่ต้อม เบียร์ไม่มีใครนะ ทำไมพี่ต้อมพูดแบบนั้น เบียร์เก็บตัวเก็บใจไว้ให้พี่ต้อมคนเดียวนะ" "ฮึกๆ" ผมต้องหยิกแขนมันไว้ เพราะมันกำลังจะหัวเราะออกมา "พี่ต้อมอยู่กับใครอ่ะ" "ปะ เปล่า พี่อยู่ที่หอ" เออ ฉลาดนะ ดีจะได้ไม่ต้องเสี้ยมมาก "แล้วอี เอ้ย พี่คนนั้นอ่ะพี่ต้อม วันนั้นเบียร์เห็นมันอยู่กับพี่ หมายความว่าไง" แหมนะ มันทำเสียงสูงขึ้นมา ผมพยักหน้าให้ไอ้ต้อม "อ้อ พี่เขาน่ะเหรอ เอ่อ เขาเป็นคนเลี้ยงพี่เองล่ะเบียร์" "หา พี่ต้อมมีคนเลี้ยง" มันร้องออกมาเสียงหลง กระแดะที่สุดพูดอะไรไม่ดูตัวเองเลยอีเด็กคนนี้ ผมยื่นปากไปกระซิบบอกไอ้ต้อม "บอกมัน ใช่เรามีคนเลี้ยง มันจะไม่คุยก็ได้นะ แต่คิดว่ามันน่าจะเข้าใจ บอกมันว่าพี่เลี้ยงเราแต่ตัว แต่หัวใจอยากมีคนดูแลจริงๆ และคนๆนั้นอยากให้เป็นมัน" ผมเน้นเสียงกระซิบเบาๆข้างหูมัน มันก็พูดตามนะ "อ๊าย พี่ต้อมอ่ะ ไม่เป็นไรเบียร์รับได้ แล้วอีนั่นมันจะไม่ว่าพี่เหรอ" ผมเริ่มกำหมัดแน่นแล้ว "อ้อ เราก็แอบเจอกันตอนที่พี่เขาทำงานสิ" ผมหันไปทำปากบอกไอ้ต้อมว่าพอแล้ว "เบียร์ๆ แค่นี้ก่อนนะ พี่เขามาแล้ว ค่อยคุยกัน" มันกดวางสายไปแล้วหันมามองหน้าผม "แล้วมันจะไม่มาวอแวกับผมเหรอพี่" "ยอมทนสักอาทิตย์นะต้อม แค่อาทิตย์เดียว แล้วมันจะไม่มาวอแวกับใครอีกเลย" "โห พี่ร้ายว่ะ" "หึหึ บอกแล้วอย่าให้ร้าย ทำไมกลัวเหรอ ถ้ากลัวก็อย่ามาขัดใจพี่นะ" ผมได้ที ยักไหล่ใส่มัน "ไม่อ่ะ ผมว่าพี่โก๊ะๆดีออก" "ไอ้ต้อม" ผมหันไปแหวใส่มัน เริ่มรู้สึกเสียความมั่นใจอีกแล้ว เด็กบ้านี่ จะได้เรื่องไหมเนี่ย "อ้าว ก็พี่ไม่เห็นจะร้ายเท่าไหร่เลย น่ารักดีออก" "หยุดพูดได้ไหม ไม่หยุดให้กลับเองนะ ฉันเป็นผู้ใหญ่กว่าเธอสิบปีนะต้อม อย่ามาลามปาม" เริ่มหาทางไปแล้ว ไม่มีทางที่เด็กเมื่อวานซืนอย่างมันจะมาลบเหลี่ยมผมได้ แต่มันทำยังไงรู้ไหม มันแอบหัวเราะออกมา "ปึ๊ก" "เฮ้ยพี่ ตีผมไมอ่ะ" "กวนตีนเหรอ อย่าคิดมาลูบคมฉันนะ ไม่ปล่อยไว้แน่" "คร้าบ กลัวแล้ว คร้าบ" ดูมัน นี่ผมไม่น่ากลัวเลยจริงๆเหรอ ผมไม่ได้มีมาดนางร้ายเลยจริงๆเหรอ โว้ยย โมโห "พี่ๆ กินพิซซ่าไหม ร้านนี้อร่อยนะ" พอเดินเข้าซอยหลังวัดชนะสงครามมันก็ถามขึ้น จอดรถไว้ตรงทางโค้งตรงหลังข้าวสารนั่นล่ะครับ เขามีที่รับฝากรถ เดินมาไกลเชียว "ไม่อยากนั่งกิน อยากเดินเล่น" ผมบอกมันบ้าง บรรยากาศดีนะ มีของขายวางตามพื้นถนน ร้านอาหารก็เล็กๆกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารักเชียว "แหม เคลิ้มเชียวนะพี่ ไม่เคยมาเหรอ" "ใครบอก ทำไมจะเคลิ้มบ้างไม่ได้เหรอ ขอพักบทร้ายๆก่อนได้ไหม อย่ากวนนะ" ผมหันมาแว้ดใส่มันอีก มันก็หัวเราะนะ ผมว่าผมต้องกลับไปปรับความร้ายกาจของตัวเองให้มากขึ้นกว่านี้แล้วล่ะ เด็กมันไม่ยักกลัว "ร้านนี้น่านั่งเนอะ แต่เรานั่งยังไม่ได้นี่" ผมกะจะเดินเข้าไปอยู่แล้วเชียว ร้านขายเหล้าแต่งร้านสวยเชียวอยู่เกือบหน้าปากซอยจะข้ามไปทางฝั่งข้าวสาร "เข้าได้พี่ ผม ๑๘ แล้วนะ" "อ่านหนังสือไม่ออกเหรอ ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า ๒๐ น่ะ" "อ่า" "ตามนั้น อย่าริอ่านไปกินเชียวนะ ถ้าพี่รู้ยกเลิกสัญญาเหมือนกัน" "อ้าวพี่ สัญญาข้อนี้ไม่มีนี่" "ก็เพิ่งมีเมื่อกี๊ไง ห้ามเถียง" "ไม่แฟร์นะพี่ แบบนี้พี่อยากห้ามอะไรพี่ก็ตั้งขึ้นมาเรื่อยๆดิ" มันเถียงครับ ผมหันขวับท้าวสะเอวทันที "เออ หยวนก็ได้ เหล้ากับเบียร์ ยกเว้นสารเสพติด" "แหม ผมไม่เอาหรอกน่า ผมเป็นนักกีฬานะพี่" "ก็ไม่รู้นะ เพราะงานที่พี่จะให้เราทำ มันอาจจะเกี่ยวพันกับของแบบนี้" "เฮ้ย ไม่เอาพี่" "ยังไม่ได้บอกเลยให้ทำอะไร ผู้ชายป่ะเนี่ยยังไม่มีเหตุกลัวไปก่อนแล้ว" ผมแสยะปากใส่ มันหน้างอเลย มีความสุขจัง อย่างน้อยก็ทำให้มันหุบปากได้ "กลับเถอะ ปวดขา" "โหย เพิ่งเดินเองอ่ะ” "เดินต่อได้นะ อ่ะนี่เงิน พี่ไม่ไหว" ผมเดินมาใกล้ๆมันแล้วยื่นเงินให้ "สองร้อย" "เออ ทำไมไม่เอาเหรอ" "โหพี่ งกว่ะ วันก่อนให้แบงค์สีเทา วันนี้แบงค์สีแดง ไรว้า" "พรุ่งนี้อาจะเป็นแบงค์สีเขียวก็ได้นะถ้ายังรั้นอยู่แบบนี้" "เฮ้ย ไม่เอาๆ กลับก็ได้พี่" ผมแอบอมยิ้ม แหมนะ ยังไงๆผมก็ต้องชนะ เชิดใส่ ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลินน้ำนมมีหรือจะกล้ามาต่อรองกับคนอย่างนายพล
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม