Chapter 10

1243 คำ
ทั้งสองคนเดินทางไปแผนกต่อไปและครั้งนี้ลองไปแผนกสินค้าทั่วไปสำหรับในครัวเรือน เธอไล่ดูป้ายราคาซึ่งมันมีที่ลดอยู่หลายชิ้น และแน่นอนว่าบางชิ้นโปรโมชั่นหมดไปแล้วแต่ว่าทำไมถึงยังอยู่ซึ่งเรื่องนี้ไม่ควรปล่อยไป “นี่มันหมดตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไม่เปลี่ยนป้ายราคาออก” “นั่นสิ แล้วแบบนี้ถ้าลูกค้าหยิบไปเพราะไม่ทันได้ดูว่าหมดโปรวันไหนจะทำยังไง” “ลองหยิบไปดูสิแล้วเรามาดูกันว่าพนักงานจะแก้ไขปัญหาแบบนี้ยังไง” ทั้งสองคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับความคิดของกันและกันก่อนจะหยิบไปสองชิ้นแล้วเดินไปยังแผนกอื่นต่อ นี่มันคือปัญหาที่ไม่ได้ร้ายแรงอะไรแต่ว่ามันทำความเสียหายหลายอย่าง ถ้าสินค้าชิ้นนี้ราคาหลักหมื่นหลักแสนแล้วลูกค้ายืนยันจะซื้อราคานี้ขึ้นมาจะทำยังไง… ให้พนักงานรับผิดชอบมันไม่ไหวหรอกเงินเยอะขนาดนั้นมันต้องมีวิธีการจัดการสำหรับเรื่องพวกนี้ให้ดีที่สุด “ของสดก็ถือว่ายังใหม่อยู่นะ แต่ว่าบางชิ้นที่ใกล้หมดอายุล่ะ…” “ก็คงเอาไปลดราคารึเปล่า ลองถามพนักงานดูสิว่ามีมั้ย” เดียร์ถือสินค้าในมือที่จะหมดอายุในอีกสองวันไปถามพนักงานดู เขาแค่อยากรู้ว่าของใกล้หมดอายุแบบนี้เอาไปแล้วใครจะกินทันล่ะ… อีกอย่างถ้าต้องจ่ายราคาเต็มแต่ว่าเก็บไว้ได้ไม่นานใครก็ต้องเลือกที่หมดอายุช้าที่สุดสิ “ขอโทษนะครับขนมนี้หมดอายุในอีกสองวัน ผมกินไม่ทันหรอกมีที่หมดอายุนานกว่านี้มั้ยครับ” “ตอนนี้เหลือแค่นี้แล้วค่ะลูกค้า” เขาทำหน้าอย่างไม่เข้าใจ ปกติกฎของห้างคือของต้องมีเติมตลอดทำไมถึงขาดตลาดได้ แล้วสินค้าพวกนี้ไม่เอามาลดราคาครึ่งหนึ่งเหรอ อย่างน้อยถ้าลูกค้ากินไม่หมดจะได้ไม่ต้องสนใจว่าจะทิ้งที่เหลือเพราะไม่ได้จ่ายแพงขนาดนั้น “แล้วไม่ลดราคาเหรอครับ… ของเก็บไม่นานทำไมถึงไม่ลดราคา” “ไม่ทราบจริงๆค่ะ” พนักงานตอบเขาเพียงแค่นั้นเพราะไม่มีใครสั่งให้ลดราคาก็เลยไม่รู้จะตอบยังไง เขาเอ่ยขอบคุณก่อนจะหยิบขนมถุงนั้นใส่รถเข็นแล้วพาแพตตี้เดินออกไปแผนกอื่นต่อ “เค้าว่าไงบ้างอ่ะ” “บอกว่าไม่รู้ไม่ทราบ คือไม่รู้อะไรเลยและปกติของจะต้องมีสต๊อกไว้ตลอดแต่พนักงานบอกว่าของขาดมีแค่ที่เห็นซึ่งผมว่ามันไม่ได้ มันต้องไม่ใช่แบบนี้” “เดี๋ยวก็ไปคุยกับผู้จัดการสาขาว่ายังไง เขาต้องมีคำตอบสำหรับเรื่องนี้ไม่อย่างนั้นต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้” แพตตี้เอ่ยออกมาเสียงจริงจังก่อนจะพากันเดินออกไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ เธอรอให้ถึงคิวของตัวเองแล้วรอดูว่าพนักงานจะพูดอะไรบ้าง “ห้างอิงนิรันดร์สวัสดีค่ะ คุณลูกค้ามีบัตรสมาชิกมั้ยคะ” “ไม่มีค่ะคิดเงินเลย” เธอยิ้มกว้างออกมาก่อนจะปล่อยให้พนักงานคิดเงิน ส่วนเดียร์ก็หันไปมองโดยรอบอย่างสังเกตว่าทุกอย่างปกติดีมั้ยและมีส่วนไหนควรจะปรับปรุงบ้าง “ทั้งหมด480บาทค่ะ” “ไม่น่าถึงนะคะ สองชิ้นนี้ก็ดูมาในราคา135บาทเอง ทำไมถึงขึ้นมาราคา160บาทคะงงมาก” แพตตี้เอ่ยออกมาอย่างตกใจ การแสดงของเธอดูเรียลมากไม่มีใครจับสังเกตได้แน่นอน พนักงานหยิบของไปดูหน้าจอก่อนจะกดโทรศัพท์เรียกให้พนักงานอีกแผนกเอาไปเช็คของให้ และไม่นานก็กลับมาพร้อมกับคำตอบที่เธอทราบดีอยู่แล้วและจะไม่ยอมให้มันจบลงแบบนี้แน่นอน “ราคา135บาทคือราคาโปรโมชั่นของเมื่อวานครับ และวันนี้มันกลับมาราคาเดิมแล้ว สงสัยพนักงานน่าจะลืมเปลี่ยนป้ายยังไงก็ต้องขอโทษคุณลูกค้าด้วยนะครับ” “ไม่รับคำขอโทษครับ ผมจะซื้อราคานี้มันไม่ใช่ความผิดของลูกค้าเลยนะ มันเห็นราคานี้ไงถึงซื้อยังไงก็ยืนยันว่าจะเอาครับ” เดียร์เอ่ยออกมายืนยันเสียงดังฟังชัดมากจนพนักงานคนอื่นเริ่มเป็นกังวล แคชเชียร์โทรเรียกผู้จัดการแผนกมาช่วยคุยกับลูกค้าเรื่องสินค้าราคาที่มีปัญหาอยู่ในตอนนี้ “งั้นเชิญคุณลูกค้าที่แผนกประชาสัมพันธ์นะครับ เดี๋ยวทางเราจะทำส่วนลดราคาเดิมให้” “งั้นเหรอ.. ก็ดีนะ” ทั้งสองคนเดินตามผู้จัดการแผนกไปจนถึงประชาสัมพันธ์ เห็นคุยกันว่าจะทำส่วนลดให้ลูกค้าแต่จะไปหักเงินกับพนักงานที่ดูแลเรื่องราคาในเช้าวันนี้ ทำไมถึงต้องหักเงินเพราะถ้าช่วยกันตรวจสอบแต่แรกก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น “ทำลดราคาแล้วหักเงินใครเหรอครับ” “พนักงานต้องรับผิดชอบครับมันเป็นกฏของบริษัทที่เราคุยกันแล้ว พวกเขาจะได้ไม่ทำผิดพลาดอีก” ผู้จัดการแผนกอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจในการทำงานแต่เขากลับหญิงสาวไม่ค่อยเห็นด้วย ความผิดพลาดนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ “ผมเพิ่งรู้นะว่ากฎของบริษัทว่าไว้แบบนั้น คุณช่วยไปเรียกผู้จัดการสาขามาให้ผมหน่อย” “อะไรนะครับ… ผู้จัดการสาขาเหรอ” เขาพยักหน้ายืนยันคำเดิมกับสิ่งที่ได้พูดออกไปเมื่อสักครู่ เขากดโทรศัพท์ไปหาเลขาแจ้งความประสงค์ของลูกค้าว่าต้องการเจอหัวหน้าของสาขา ซึ่งเขาก็รีบเดินออกมาจากออฟฟิศเพราะไม่อยากให้ห้างมีปัญหาเรื่องลูกค้าคอมเพลน ไม่อย่างนั้นสาขาจะเป็นเป้าสายตาจากผู้ใหญ่ซึ่งมันไม่เป็นผลดีเลย “สวัสดีครับคุณลูกค้า มีปัญหาอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับ” แพตตี้และเดียร์หยิบนามบัตรของทั้งคู่ส่งไปให้หัวหน้าของห้างสรรพสินค้าและเขาเห็นนามบัตรถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจ “ปัญหาเยอะแยะเลยค่ะ พอจะคุยกันได้มั้ยคะผู้จัดการสาขา” แพตตี้ยิ้มกว้างออกมามองหน้าเขาที่ตอนนี้เริ่มมีสีหน้าที่เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด เดียร์หยิบของในรถเข็นออกมาก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “ปัญหาที่เจอในตอนนี้คือ ป้ายราคาหมดโปรโมชั่นแล้วก็ไม่ยอมเอาออกทำให้ลูกค้าเข้าใจผิดและแก้ปัญหาคือหักเงินพนักงานซึ่งผมยังมองว่ามันไม่ควรผิดแต่แรก ข้อสองสินค้าที่ใกล้หมดอายุไม่ควรนำมารวมถึงสินค้าบนชั้นวาง และขายในราคาปกติซึ่งมันเป็นการเอาเปรียบลูกค้าจนเกินไป” “ท่านประธาน ผู้บริหารสูงสุด ผมต้องขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยนะครับ เชิญที่ห้องรับรองดีกว่าจะได้คุยกันกับปัญหานี้” พนักงานคนอื่นที่ได้ยินถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจ แสดงว่าคนที่ซื้อสินค้าเมื่อสักครู่ คือท่านประธานและผู้บริหารสูงสุดคนใหม่ที่มาตรวจสาขา ซวยกันหมดแน่นอนแบบนี้….. ‘เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลย’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม