ตอนที่ 5 แม่ทัพไร้พ่าย/2

3292 คำ
บริเวณพื้นที่โล่งตรงข้ามกับโต๊ะทรงงาน จู่ๆ ก็เกิดกลุ่มควันขาวล่องลอยปกคลุมไปทั่วคล้ายสายหมอกจางๆ อยู่ทางเบื้องหลังของพระสหายสนิทในขณะที่พระองค์ทรงยืนอยู่ไม่ไกลจากบริเวณดังกล่าว พรึ่บ!!! ร่างระหงของมาเฟียสาวไป๋หลันฮวาจากยุคอนาคตปรากฏกายขึ้นมาโดยพลันต่อหน้าแม่ทัพไร้พ่ายในอดีตกาล ซึ่งเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างเต็มสองตา ในขณะที่อีกฝ่ายมัวแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านอักษรจากกระดองเต่าที่อยู่ในมือของเธอโดยมิเงยหน้าขึ้นมามองเหตุการณ์ตรงหน้าแม้แต่น้อย “เฮ้ย!ยังมีจารึกด้านหลังอีกด้วยวุ้ย”หญิงสาวกล่าวพร้อมพลิกกระดองเต่าดังกล่าวกลับด้านที่มีรูปร่างคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวทันทีพร้อมอ่านอักษรโบราณที่จารึกออกมาทันใด หากแม้นดวงชีพในอดีตมีภัยจงกลับคืนสู่แผ่นดินที่จากมา และชีวิตอันไกลโพ้นให้ห้วนคืนสู่ดินแดนก่อนกาลเมื่อร่ายคาถาบดบัง สิ้นเสียงของหญิงสาว กระดองเต่าซีกที่ประกบอยู่ด้านหลังจู่ๆ ก็กระเด็นออกจากมือของเธอทันที ฟิ้ววววว!!!! กระดองเต่าซีกด้านหลังกระเด็นออกจากมือของหญิงสาวลอยเคว้งคว้างไปมาอยู่กลางอากาศ พร้อมเสียงของไป๋หลันฮวาดังทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเลือนหายไปชั่วพริบตาท่ามกลางสายตาของแม่ทัพไร้พ่ายในยุคอดีตซึ่งเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ “เฮ้ยหล่น!!!” เสียงของแม่สาวน้อยคนงามดังก้องได้ยินอย่างชัดเจน และเนี่ยนเจินก็ได้ยินเช่นกัน “ฮือ!...เสียงอิสตรีที่ไหนกันเหตุไฉนจึงมาอยู่ในบริเวณนี้”กล่าวพร้อมหันกลับมามองทางด้านหลังทันใด กระดองเต่าซึ่งจารึกคาถาศักดิ์สิทธิ์โบราณตั้งแต่แผ่นดินในยุคสมัยสามราชาห้าจักรพรรดิในอดีตกาล ซึ่งเป็นตำนานโบราณมากกว่าเรื่องจริงและมาก่อนยุคของราชวงศ์เซี่ย ทว่ากลับมีบันทึกตำนานเหล่านั้นเอาไว้ว่ายุคดังกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริงซึ่งถูกบันทึกขึ้นในภายหลังจากชนเผ่าโบราณกลุ่มหนึ่ง และกระดองเต่าดังกล่าวคือคาถาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งถูกสร้างขึ้นในยุคนั้นอันเป็นสมบัติล้ำค่าของสามราชาในยุคอดีตเมื่อหนึ่งพันปีก่อน ตุบ!!! กระดองเต่าชิ้นด้านหลังลอยละลิ่วตกลงบนพื้นภายในกระโจมของแม่ทัพไร้พ่าย ราวกับว่าได้เลือกเฟ้นแม่ทัพหนุ่มรูปงามให้ครอบครองสิ่งล้ำค่านี้เอาไว้นั้นเอง “อะไรกันนี่!”แม่ทัพไร้พ่ายรำพึงออกมาทันทีครั้นเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ที่ผ่านมาเต็มสองตา วรองค์ใหญ่รีบพระดำเนินไปยังตำแหน่งที่พระองค์ทอดพระเนตรสตรีสวมชุดแปลกประหลาดสีดำทะมึน ดวงตาถูกปกปิดด้วยหน้ากากสีดำซึ่งก็คือแว่นกันแดดในยุคปัจจุบันนั้นเอง ท่ามกลางเสียงร้องเรียกของพระสหาย “อะ..อ้าว..นี่ท่านจะรีบเดินไปไหน”เนี่ยนเจินถามไล่หลังตามมาติดๆ พระเนตรสีนิลกาฬจับจ้องอยู่ที่กระดองเต่าสีดำแกมน้ำตาลกำลังส่องแสงเงาสะท้อนวาววับซึ่งตกอยู่บนพื้นตรงพระพักตร์ พระองค์ก้มลงหยิบขึ้นมาทอดพระเนตร ด้วยความรู้สึกที่ยากเกินกว่าจะรับสั่งอธิบายให้ผู้ใดล่วงรู้ได้ว่าเมื่อครู่มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น “นี่ข้าเห็นอะไรกันนี่! ใยจึงปรากฏสตรีแต่งกายประหลาดอีกทั้งมีดวงตาดำใหญ่ที่มืดบอดเช่นนั้น นางเป็นคนหรือปีศาจกันแน่ปรากฏกายและเลือนหายไปเพียงชั่วพริบตา ข้ากำลังฝันไปหรือไร” รับสั่งพร้อมทอดพระเนตรอักษรโบราณที่จารึกอยู่บนกระดองเต่าดังกล่าวไม่กะพริบ ก่อนจะได้ยินเสียงของพระสหายดังแทรกขึ้นครั้นเดินมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ “นี่ท่านเก็บอะไรได้อย่างนั้นเหรอ”กล่าวพร้อมมองกระดองเต่าที่อยู่ในพระหัตถ์ของพระสหาย “กระดองเต่าไม่ใช่เหรอ..จารึกอักษรโบราณตั้งแต่ยุคสร้างแผ่นดินเสียด้วย..แล้วนี่ท่านอ่านออกรึ”กล่าวพร้อมทำท่าจะเอื้อมมือไปหยิบกระดองเต่าดังกล่าวเอามาดูใกล้ๆ เพียะ!!! พระหัตถ์ใหญ่ตีเข้าที่มือของพระสหายทันใด “อุ้ย!!! ข้าเจ็บนะตีซะแรงเลย หวงของก็ไม่บอก!”องค์ชายเนี่ยนเจินกล่าวพร้อมสะบัดมือไปมาเร่าๆ “เจ้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม สิ่งที่อยู่ในมือข้าในขณะนี้คือกระดองเต่าที่จารึกอักษรตั้งแต่ยุคสร้างแผ่นดิน เห็นเช่นเดียวกับข้าใช่หรือไม่”รับสั่งถามเพื่อความแน่พระทัย ในขณะที่พระสหายสนิทยกมือขึ้นเกาศีรษะของตนไปมาด้วยความแปลกใจครั้นถูกถามกลับมาเช่นนั้น “เอ้า! ข้าก็เห็นเหมือนกับท่านนั้นแหละ ว่าสิ่งที่อยู่ในมือของท่านคือกระดองเต่าที่จารึกอักษรยุคสร้างแผ่นดินใครจะไปอ่านออกได้เล่า นานเป็นพันๆ ปีซะขนาดนั้น ท่าทางจารึกอักษรโบราณนี้หามีผู้ใดอ่านออกแม้แต่น้อย “เช่นนั้นรึ! เจ้าเห็นว่ามีอยู่จริงแต่อ่านไม่ออกกระนั้นสิ”รับสั่งถามกลับไป องค์ชายเนี่ยนเจินพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกัน “ก็ใช่สิ...ว่าแต่ท่านถามแบบนี้มีเหตุใดเกิดขึ้นกระนั้นรึ”พระสหายถามกลับไปด้วยความสงสัย ครั้นแม่ทัพรูปงามได้คำตอบดังกล่าวกลับมาเช่นนั้น พระองค์ก้มลงทอดพระเนตรกระดองเต่าซึ่งจารึกคาถาศักดิ์สิทธิ์ในอดีตกาลด้วยความแปลกพระทัยอย่างยิ่งยวด เมื่ออักษรยุคสร้างแผ่นดินที่มิสามารถมีผู้ใดอ่านออกได้แต่พระองค์กลับอ่านออกได้อย่างง่ายดาย สร้างความงุนงงระคนสงสัยให้กับพระองค์เป็นยิ่งนัก “สิ่งนี้คืออะไรกันแน่! เหตุใดข้าจึงอ่านจารึกบนกระดองเต่านี้ได้เล่า ทั้งๆที่เป็นตัวอักษรตั้งแต่ยุคสร้างแผ่นดินหามีผู้ใดที่จะอ่านออกได้แม้แต่น้อย”รับสั่งรำพึงอยู่ภายในพระทัยพลางทอดพระเนตรกระดองเต่าในพระหัตถ์เขม็ง “จริงสิแม่หญิงดวงตามืดบอดผู้นั้นเป็นอีกผู้หนึ่งที่อ่านจารึกโบราณนี้ได้ หรือว่านี่จะเป็นคาถาทำให้ล่องหนไปสถานที่แห่งหนใดก็ได้กระนั้นสิ”รับสั่งตามความคาดเดาด้วยสติปัญญาอันปราดเปรื่องของพระองค์ ที่เริ่มจะปะติดปะต่อเหตุการณ์ที่ทรงทอดพระเนตรเมื่อครู่ที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ยุคปัจจุบัน พรึ่บ!!! ร่างระหงของไป๋หลันฮวาปรากฏกายขึ้นมาโดยพลันท่ามกลางสายหมอกขาวค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆ ในขณะที่เธอกำลังก้มลงมองพื้นเพื่อควานหากระดองเต่าซีกที่ประกบอยู่ทางด้านหลังไปทั่วบริเวณจุดที่กำลังยืนอยู่ในขณะนี้ “เอ้า!..ตกหล่นหายไปไหนเนี่ย จู่ๆ ก็กระเด็นออกจากมือไปเสียเฉยๆ มันเป็นไปได้อย่างไงว้าแปลกจริงเชียว”หญิงสาวบ่นรำพึงรำพันไม่ขาดสาย “อ้าวก้มๆ เงยๆ กำลังหาอะไรอยู่อย่างนั้นเหรอ”เสียงของหวังเหล่ยเอ่ยดังขึ้นอยู่ทางด้านหลัง และนั้นทำให้ใบหน้าสวยเฉี่ยวคมคายของแม่มาเฟียสุดเฮี้ยวเงยขึ้นก่อนจะหันกลับไปมองตามเสียงดังกล่าวทันที “ฉันทำกระดองเต่าซีกด้านหลังหล่นพื้นวะ เห็นชัดๆ ว่ากระเด็นออกจากมือแต่ทำไมไม่เห็นว่าตกอยู่ที่พื้นเลยว้า ไม่รู้ตาฝาดหรือตาถั่วกันแน่ก็ไม่รู้”หญิงสาวบ่นให้กับตัวเอง “เอาสักอย่างสิว่าจะตาฝาดหรือตาถั่วกันแน่แม่คุณ สงสัยเป็นเพราะแกเหนื่อยกับการเดินทางมาตลอดกระมังก็เลยเห็นอะไรเพี้ยนๆ ไปก็ได้ เอานี่กาแฟตามที่สั่งได้ครบไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย”หวังเหล่ยกล่าวพลางยื่นแก้วกาแฟให้กับเพื่อนสาวซึ่งมีอายุอ่อนกว่าเพียงแค่ 2ปีเท่านั้น “ขอบใจนะ”หญิงสาวกล่าวพร้อมยื่นมือไปรับแก้วกาแฟด้วยท่าทางเต็มไปด้วยความงุนงงไม่หาย “ทำไมฉันรู้สึกว่าเมื่อกี้ แถวๆ บริเวณนี้มันมืดๆ สลัวๆ อย่างไงบอกไม่ถูกก็ไม่รู้”หญิงสาวบ่นกับเพื่อนสนิทร่วมแก๊ง “ปัดโธ่!เสี่ยวหลันเอ๋ยเสี่ยวหลัน จะไม่ให้มืดๆ สลัวๆ ได้อย่างไงก็นี่มันสองทุ่มแล้ว แต่แม่คุณยังสวมแว่นกันแดดสีดำสนิทซะแบบนี้ไม่ให้มืดก็บ้าแล้ว ถอดออกได้แล้วไม่ต้องมัวทำเท่หรอก กลัวสาวๆ ไม่มองหรืออย่างไง”หวังเหล่ยพูดประชดกลับไป และนั่นทำให้ไป๋หลันฮวานึกขึ้นมาได้ทันทีว่าเธอสวมแว่นกันแดดอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้เห็นทั่วบริเวณแลดูมืดๆ สลัวๆ เช่นนั้น “เออวะ!...ฉันสวมแว่นกันแดดอยู่นี่หว่าลืมเสียสนิทเลย”หญิงสาวพูดพร้อมรีบจัดการถอดแว่นกันแดดออกจากใบหน้าสวยคมของเธออย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของหวังเหล่ยที่ยืนมองเพื่อนสาวรุ่นน้องอยู่ในขณะนั้น “หน้าตาก็ส๊วยสวยแต่ทำไมแกต้องชอบผู้หญิงด้วยกันว้า ไม่คิดจะชอบผู้ชายบ้างเลยรึไง”หวังเหล่ยถามกลับไปด้วยความสงสัยระคนอยากรู้ “จู่ๆ ถามแบบนี้ขึ้นมาทำไม”หญิงสาวถามกลับไป “ก็อยากรู้ว่าแกไม่คิดจะชอบผู้ชายอกสามศอกบ้างเลยเหรอ ชอบผู้หญิงด้วยกันเองมันดีตรงไหน...นี่จะบอกอะไรให้นะผู้ชายของแท้ถ้าได้ยลสักครั้งละก็ เสี่ยวหลันเอ๋ยรับรองว่าลืมบรรดาแฟนคลับผู้หญิงทุกคนของเธอที่ญี่ปุ่นจนหมดเลย ขอบอกว่าผู้ชายแดนมังกรงานดีทั้งนั้นเลยนะ”หวังเหล่ยเชียร์เพื่อนสาวร่วมแก๊งให้หันกลับมาสนใจบุรุษเพศ “เชอะ!ไม่ต้องมาโน้มน้าวให้ชอบผู้ชาย..เพราะว่าไม่ชอบเว้ย!!!”หญิงสาวตะโกนกลับไปเสียงขรมเลยทีเดียว “โอ๊ย! ตะโกนทำไมหูจะแตกอยู่ใกล้กันแค่นี้ ไม่ชอบก็ไม่ชอบสิแค่ถามเพราะอยากรู้เฉยๆ”หวังเหล่ยบ่นพึมพำ “นายไม่ต้องพูดอะไรแบบนี้อีกเลยนะ รู้ดีทุกอย่างว่าทำไมฉันถึงเลือกที่จะมีเพื่อนผู้หญิงมากกว่าที่จะคบหากับผู้ชายนั่นก็เพราะว่าขี้เกียจปวดหัววะ! ไอ้ที่นายเห็นๆ แต่ละนางล้วนเป็นเพื่อนสนิท เป็นแฟนคลับที่ชื่นชอบในฐานะที่ฉันเป็นดารา พวกนางรู้ใจฉันแต่ไม่ใช่แฟนเว้ย เห็นตัวอย่างของพ่อแล้วทำให้ไม่อยากมีแฟนผู้ชายเลยบอกตามตรง”เธอกล่าวพร้อมยกกาแฟกระดกขึ้นจนหมดทั้งสองแก้วในเวลาอันรวดเร็ว “เฮ้ย!กาแฟนะเว้ยไม่ใช่น้ำเปล่า”ชายหนุ่มบอกเพื่อนสาว “เออ!...รู้ว่าเป็นกาแฟถึงได้กระดกรวดเดียวแบบนี้ไงเล่า”กล่าวพร้อมยัดถ้วยกาแฟใส่มือให้กับเพื่อนชายดั่งเดิมพร้อมเอ่ยถามกลับไปด้วยความอยากรู้ “เออ...แล้วนี่นายไปซื้อกาแฟเห็นร้านขายของอะไรแบบจำพวกของที่ระลึกบ้างไหมในท่าอากาศยาน”เธอถามกลับไปด้วยความอยากรู้ หวังเหล่ยหยักไหล่ไหวไปมาพร้อมเอ่ยขึ้น “จะไปซื้ออะไรแม่คุณ..ไม่ต้องไปเดินหาหรอกเพราะจะบอกว่าไกลโคตรๆ กว่าจะเดินไปเดินกลับ..อยากได้อะไรขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ”ชายหนุ่มถามกลับไปด้วยความสงสัย หญิงสาวชูกระดองเต่าโบราณที่อยู่ในมือของเธอขึ้นมาพร้อมเอ่ยขึ้น “ฉันอยากได้ถุงผ้ามาเก็บเจ้ากระดองเต่าอันนี้สักหน่อย ท่าทางดูเก่าแก่โบราณแต่จะว่าไปก็น่าแปลกที่มีสีสันสะดุดตาจัง จะว่าไปคล้ายเป็นเครื่องรางหรือเครื่องประดับของคนในสมัยโบราณเลยนะเว้ย” ไป๋หลันฮวากล่าวพร้อมหยิบกระดองเต่ารูปร่างร่างคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวสีดำอมน้ำตาลส่องประกายแวววาวเงาวับแลดูสวยประหลาดชูขึ้นมาให้อีกฝ่ายได้เห็น หวังเหล่ยขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือ “นี่มองเป็นแบบนั้นรึ..รสนิยมบ้าบออะไรของแกดันมีสายตามองของประเภทนี้เป็นเครื่องรางก็ไม่ใช่จะเป็นเครื่องประดับก็ไม่เชิง แล้วยังจะมีอักษรจีนโบราณสลักเอาไว้บนนั้นอีก เห็นเป็นเครื่องรางของขลังในสมัยโบราณอย่างนั้นเหรอแม่คุณ”หวังเหล่ยกล่าวพร้อมมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตนพร้อมเอ่ยขึ้น “ถ้าเช่นนั้นก็อัญเชิญเอาขึ้นมาห้อยคอซะสิจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปซะเลย แต่ระวังหน่อยนะถ้ามันเป็นของสำคัญต่อประวัติศาสตร์จะต้องส่งมอบให้กับทางการจีน เก็บเอาไว้เป็นสมบัติส่วนตัวไม่ได้เพราะถือว่าเป็นสมบัติของชาติ แล้วจะหาว่าไม่เตือน”ชายหนุ่มบอกเพื่อนสาวกลับไป “จะมองแบบไหนนั้นมันเรื่องของนายแต่สำหรับฉันเห็นแล้วมันสวยดี แปลกและดูคลาสสิกชะมัด ถ้าไม่เก็บรักษาเอาไว้ในถุงผ้าก็เอามาห้อยคอตามที่นายแนะนำก็เข้าท่าดีเหมือนกันแฮะ แขวนอยู่ในระดับเหนืออกกำลังสวย นายก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ชอบเครื่องประดับบ้าบอที่พวกผู้หญิงชอบใส่กัน แต่ชอบแบบแปลกๆ แบบนี้แหละถูกจริตฉันเป็นบ้าเล้ย!!!”หญิงสาวตอบกลับไปอย่างไม่ยี่หระกับคำเตือนของสหายร่วมแก๊ง “เฮ้ย!นี่แกเอาจริงเหรอเนี่ย เมื่อกี้ที่พูดไปไม่เข้าใจคำว่าประชดใช่ไหม”หวังเหล่ยต่อว่าเพื่อนกลับไป หากแต่อีกฝ่ายกลับยักไหล่ไหวไปมาพลางทำหน้ากวนประสาทไปในคราเดียวกัน ทว่ายังมิทันที่หวังเหล่ยจะกล่าวสิ่งใดออกไปเสียงประกาศของทางท่าอากาศยานดังกึกก้อง เรียกผู้โดยสารที่จะต้องต่อเครื่องไปลงเมืองเซี่ยงไฮ้ กระหึ่มไปทั่วบริเวณ สายการบินไชน่าอีสเทริน์แอร์ไลน์ 1589 เที่ยวบิน 20.30 นาทีขอเชิญผู้โดยสารขึ้นเครื่องได้แล้วค่ะ และนั่นทำให้ทั้งสองต่างก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองทันทีพร้อมเสียงของไป๋หลันฮวาดังขึ้นมาโดยพลัน “ไป!ไป!จะตกเครื่องแล้วเรา”หญิงสาวกล่าวออกมาทันใด ไป๋หลันฮวารีบเก็บกระดองเต่าศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทด้านในของเธอ พร้อมรีบสะพายกระเป๋าเป้เอาไว้ด้านหลัง ก่อนจะถือกระเป๋าใบขนาดย่อมเอาไว้ในมือรีบวิ่งหน้าตั้งไปพร้อมกับเพื่อนแก๊งเดียวกันเข้าไปในเกตเพื่อต่อเครื่องไปลงเซี่ยงไฮ้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน ยุคอดีต ภายในกระโจมพระบรรทมของแม่ทัพลือนามในขณะนี้ พระวรกายใหญ่ขององค์ชายโจวโยว่เฉิงในคราบของแม่ทัพเยว่เหวินเทียนทรงนั่งทอดพระเนตรกระดองเต่าที่จารึกคาถาโบราณซึ่งเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงพระพักตร์ นิ้วพระหัตถ์ลูบไล้ตัวอักษรไปมาพลางยกขึ้นทอดพระเนตรใกล้ๆ ด้วยรู้สึกสงสัยมิรู้วาย หากแม้นดวงชีพในอดีตมีภัยจงกลับคืนสู่แผ่นดินที่จากมา และชีวิตอันไกลโพ้นให้ห้วนคืนสู่ดินแดนก่อนกาลเมื่อร่ายคาถาบดบัง องค์ชายหนุ่มทรงอ่านจารึกโบราณบนกระดองเต่าออกมาอย่างช้าๆ ราวกับว่าอักษรดังกล่าวเขียนขึ้นในยุคสมัยของพระองค์ “แปลก! เหตุใดข้าจึงอ่านจารึกโบราณนี้ได้กันนะ”รับสั่งพึมพำด้วยความแปลกพระทัยเป็นยิ่งนัก ฉับพลันภาพการปรากฏกายของสตรีในชุดดำทะมึนและมีดวงตาดำใหญ่มืดบอดราวปีศาจปรากฏขึ้นในความทรงจำของพระองค์ขึ้นมาทันใด “นางเป็นปีศาจหาใช่คนเป็นแน่แท้ จึงหายตัวไปเช่นนั้นได้แต่เหตุใดจึงละทิ้งสิ่งนี้ไว้ หากแม้นเป็นสิ่งที่นำพาให้กายล่องหนไปจากที่หนึ่งไปอีกแห่งหนึ่งได้แล้วไซร้ เหตุใดเมื่อข้าอ่านจารึกนี้แล้วใยกายจึงมิล่องหนดั่งเช่นนางด้วยหนอ”รับสั่งบ่นพึมพำระคนสงสัยอย่างยิ่งยวด “ช่างเถอะ! ข้าอาจจะอ่านคำจารึกผิดเพี้ยนไปเสียกระมัง”รับสั่งพร้อมลุกยืนพลางพระดำเนินตรงไปยังแท่นพระบรรทมล้มพระวรกายใหญ่ประทับบรรทมก่อนจะนิทราสนิทไปในเวลาอันรวดเร็ว ท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรีที่แผ่เข้ามาปกคลุมโดยรอบ และอากาศอันหนาวเหน็บ ท่ามกลางทะเลทรายเวิ้งว้างสุดสายตามีเพียงแสงสลัวๆ จากกระดองเต่าที่มันวาวกระทบกับแสงของจันทราที่กำลังสาดส่องเข้ามาถึงภายห้องพระบรรทมอยู่ในขณะนั้น ฟิ้วววว!!! จู่ๆ กระดองเต่าโบราณพลันลอยขึ้นจากโต๊ะที่วางอยู่กลางห้องก่อนจะลอยละลิ่วเข้าไปหาแม่ทัพหนุ่มรูปงามที่กำลังนิทราสนิทอยู่ในขณะนั้น แสงเรืองรองแผ่ออกมาจากกระดองเต่าศักดิ์สิทธิ์อยู่ตลอดเวลาก่อนจะหมุนวนไปมา รอบๆ พระศอของพระองค์ ฉับพลันปรากฏเชือกหนังมาร้อยเข้ากับรูเล็กๆ ที่ถูกเจาะเอาไว้ราวกับว่าเคยนำมาสวมใส่ไว้บนคอของคนในอดีตกาลมาก่อนฉันใดก็ฉันนั้น เชือกหนังวัวที่ขึ้นชื่อว่าเหนียวและทนทานเป็นยิ่งนักถูกถักอย่างสวยงามมีขนาดความกว้างสามารถสอดเข้าไปในรูเล็กๆ ของกระดองเต่าศักดิ์สิทธิ์นั้นได้พอดี บัดนี้เครื่องรางในยุคสมัยของสามราชาที่เชื่อว่าเป็นเหล่าเทพหรือบางตำนานเล่าว่าเป็นกึ่งเทพซึ่งหนึ่งในสามราชาจากยุคอดีตกาลคือจอมเวทย์นำมาใช้เป็นเครื่องรางประจำพระองค์พร้อมร่ายเวทและมีคาถาเพื่อใช้เดินทางไปยังสถานที่อันเรียกว่าดินแดนก่อนกาลและหลังกาลได้นั้นเอง บัดนี้กระดองเต่าดังกล่าวกลายเป็นสร้อยพระศอที่แลดูสวยแปลกตาคล้ายเครื่องรางประจำพระองค์ไปเสียแล้ว รูปร่างที่คล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวและมีสีดำอมน้ำตาลส่องแสงเงาวาววับช่างแลดูคล้ายดวงจันทร์บนแผ่นฟ้าเบื้องบนเสียนี่กระไร ประดุจทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวที่ทอดยาวอยู่อย่างสงบท่ามกลางทะเลทรายอันเวิ้งว้าง ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งค่ายทหารของแม่ทัพไร้พ่ายเยว่เหวินเทียนแห่งต้าซางอยู่ในขณะนี้ ฉับพลันพระวรกายใหญ่บริเวณแผ่นหลังของแม่ทัพหนุ่มปรากฏมังกรสามตัวทาบทับขึ้นมาทันทีเปรียบประดุจสามราชาในยุคอดีตกาลได้มาสถิตอยู่กับพระองค์ หัวของมังกรแยกย้ายเลื้อยขึ้นไปสถิตบนหัวไหล่ซ้ายขวาและหัวของมังกรตัวกลางเริ่มเลื้อยขึ้นจนชิดท้ายทอย ในขณะเดียวกันหางมังกรทั้งสามตัวตวัดเข้าพันรอบบั้นพระองค์ก่อนจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นรอยสักรูปมังกร เต็มไปด้วยความวิจิตรและสวยงามอย่างยิ่งยวด เกล็ดมังกรสะท้อนวาววับออกมาให้เห็นดั่งมีชีวิต ช่างน่าเกรงขามเป็นที่ประหวั่นพรั่นพรึงเสียนี่กระไร ภายใต้ค่ำคืนที่ยาวนานแม่ทัพไร้พ่ายแห่งแคว้นต้าซาง ถูกลิขิตให้พานพบกับเรื่องเร้นลับอย่างประหลาดและมีเพียงพระองค์เท่านั้นที่ประสบเหตุการณ์เช่นนี้ร่วมกับหญิงสาวจากดินแดนอันไกลโพ้น มิรู้ว่าระยะทางระหว่างเวลาในขณะนี้ห่างกันยาวนานเพียงใด หนึ่งร้อยปี หนึ่งพันปีหรือหลายพันปีก็มิอาจรู้ได้ ทว่าสิ่งที่กำลังจะอุบัติขึ้นกับพระองค์นับต่อจากนี้ผู้ใดพานพบเช่นเดียวกับพระองค์ยากนักที่จะอธิบายได้ เพราะมีเพียงผู้ที่ถูกเลือกจากคาถาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นจะต้องประสบด้วยตนเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม