โรงแรมThe Langham Xintiandi
โรงแรมนี้เปรียบเสมือนเป็นดั่งประตูสู่ Xintiandi หรือศูนย์รวมความบันเทิงของนครเซี่ยงไฮ้ โรงแรมตั้งอยู่ในทำเลที่ดีเยี่ยมติดกับร้านค้าบนถนน Huaihai รายล้อมไปด้วยไนต์คลับที่ทันสมัย ร้านอาหารนานาชาติที่หรูหรา และรวมไปถึงห้องเสื้อจากแบรนด์ดัง
และโรงแรมยังตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน South Huangpi Road Subway Station (สาย 1) โดยใช้เวลาเดิน 1 นาที จากสถานีนี้ยังสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของนครเซี่ยงไฮ้ได้โดยสะดวก โรงแรมมี Chuan Spa สระว่ายน้ำในร่ม และห้องอาหารอันทันสมัยหลายห้องซึ่งให้บริการอาหารกูร์เมต์
อีกทั้งโรงแรมนี้ตั้งอยู่ห่างจาก People's Square 5 นาที ห่างจากย่าน The Bund 15 นาที ห่างจากสนามบินนานาชาติ Hongqiao International Airport 18 นาที ห่างจากสนามบินนานาชาติ Pudong International Airport 45 นาที โดยโรงแรมมีบริการรถรับส่งสนามบิน และห่างจาก Shanghai Disneyland ไม่เกิน 37 นาทีหากเดินทางโดยรถยนต์ และที่สำคัญสำนักงานใหญ่ของแก๊งสามพยัคฆ์แดนมังกรก็ตั้งอยู่บนถนนเส้นนี้เช่นเดียวกัน
ห้องพักขนาดใหญ่ซึ่งใช้เป็นที่รับรองของหัวหน้าแก๊งสามพยัคฆ์จากญี่ปุ่นและฮ่องกง เดินทางมาเข้าพักผ่อนตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ไป๋หลันฮวาและหวังเหล่ยแยกย้ายเข้าพักอยู่กันคนละห้องซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน
โดยมีลูกน้องของหวังเหล่ยซึ่งถูกเรียกมาจากไต้หวันและฮ่องกงแยกย้ายกันเข้าพักตามโรงแรมที่อยู่ใกล้เคียงอีกกว่าร้อยคน โดยมีเพียงหกคนเท่านั้นที่พักโรงแรมเดียวกับหัวหน้าแก๊งจากญี่ปุ่นและฮ่องกงเพื่อคอยทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดคอยคุ้มครองคนทั้งสองตามคำสั่งของไป๋หลันฮวานั้นเอง
ภายในห้องพักสุดหรูดังกล่าว ร่างเปลือยของสตรีสาววัยแรกรุ่นกำลังยืนอาบน้ำที่หลั่งรินมาจากฝักบัวด้วยความรู้สึกชุ่มฉ่ำ เมื่อได้อาบน้ำชำระร่างกายทำความสะอาดหลังจากที่ต้องเดินทางมาตลอดทั้งวัน แผ่นหลังขาวนวลเนียนที่เต็มไปด้วยฟองสบู่ค่อยๆ ถูกชำระล้างด้วยน้ำใสสะอาดเผยให้เห็นแผ่นหลังเปลือยเปล่านวลเนียนน่าสัมผัส
ฉับพลัน! กระดองเต่าครึ่งซีกที่สลักอักษรจีนโบราณตั้งแต่ยุคสร้างแผ่นดิน ได้ปรากฏขึ้นพร้อมเชือกร้อยคล้ายสร้อยคออยู่บนลำคอขาวผ่องของไป๋หลันฮวาขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ พร้อมแผ่นหลังที่เปลือยเปล่าเมื่อครู่ เริ่มมีเกล็ดมังกรส่องแสงแวววาวระยิบระยิบเกิดขึ้นมาทันใด
มังกรจำนวนสามตัวค่อยๆ เลื้อยเข้ารัดเอวเล็กคอดกิ่วก่อนจะเลื้อยขึ้นสถิตตามตำแหน่งของตนก่อนจะหยุดนิ่งและเลือนหายเข้าไปในแผ่นหลังกลายเป็นรอยสักสุดวิจิตรอลังการ สวยงามและน่าเกรงขามอย่างยิ่งยวดบนแผ่นหลังขาวนวลเนียน โดยที่เจ้าของร่างงามดังกล่าวก็มิล่วงรู้ตัวเช่นกัน
ไป๋หลันฮวาเปิดประตูกระจกเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสดชื่นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมคว้าผ้านำมาซับใบหน้าของเธอเบาๆ ก่อนจะเอื้อมไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ของโรงแรมเพื่อนำมาห่อกายงามนวลเนียนของเธอให้เรียบร้อยก่อนออกจากห้องน้ำ
ทันใดนั้นเองดวงตากลมโตเหลือบไปมองร่างของเธอที่กำลังสะท้อนอยู่ในกระจกเงาบานใหญ่ภายในห้องน้ำของโรงแรมก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อพบบางอย่างปรากฏขึ้นที่แผ่นหลังของเธออยู่ในขณะนี้
“เฮ้ย!นี่มันอะไรกัน รอยสักมังกรมาจากไหนทำไมจู่ๆ หลังของฉันถึงมีขึ้นมาได้”หญิงสาวกล่าวออกมาด้วยความงงงันอย่างสุดชีวิต
เธอหันหลังไปทางกระจกเงาพร้อมใช้มือถูรอยสักมังกรที่ปรากฏอยู่รอบเอวพร้อมก้มลงมองด้วยความรู้สึกสับสนอย่างยิ่งยวด
“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกับฉันวะเนี่ย!”หญิงสาวบ่นเสียงดังออกมาทันทีพลางยกมือกุมขมับของตัวเอง
ไป๋หลันฮวายืนสังเกตตัวเองผ่านทางกระจกเงาและพบว่ากระดองเต่าที่เธอเก็บได้ที่สนามบินต้าชิง บัดนี้มาอยู่บนลำคอขาวผ่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มิหนำซ้ำร้อยเชือกกลายเป็นสร้อยคอแขวนไว้อย่างดี
“อ้าวเฮ้ย! มาได้อย่างไงกัน”หญิงสาวกล่าวออกมาด้วยความตกใจ
ดวงตากลมโตดั่งตากวางเบิกกว้างเมื่อเห็นกระดองเต่าที่เคยพูดเล่นๆ กับหวังเหล่ยว่าจะนำมาห้อยคอบัดนี้กลับมาปรากฏตามที่เธอพูดเอาไว้จริงๆ
สองมือรีบตะครุบสร้อยคอที่ทำมาจากหนังวัวพร้อมรีบหมุนไปมาเพื่อหาปมของเชือกหวังจะนำออกจากลำคอของเธอ หากแต่จนแล้วจนรอดก็หามีรอยต่อที่จะนำสร้อยปริศนาดังกล่าวออกจากคอของเธอได้แม้แต่น้อย
“อะไรกันเนี่ย! อย่าบอกนะว่าปลดออกจากคอไม่ได้ แล้วมันมาได้อย่างไงกันวะ”หญิงสาวบ่นพึมพำพลางกวาดสายตามองหาสิ่งที่จะสามารถนำมาตัดหรือทำลายสร้อยเชือกดังกล่าวนั้นได้
ไป๋หลันฮวารีบนำผ้าเช็ดตัวมาพันไว้รอบกายงามพร้อมสวมเสื้อคลุมอย่างมิดชิดพลางรีบก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว เดินตรงดิ่งไปทางกระเป๋าเป้ของเธอ ควานหาสิ่งที่จะสามารถตัดเชือกที่เป็นสร้อยคอห้อยกระดองเต่าโบราณนี้ออกไปจากร่างของเธอให้ได้
ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังอยู่หน้าห้องทำให้หญิงสาวหยุดชะงัก ก่อนจะหันกลับไปมองนาฬิกาของโรงแรมที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียง
“จะเที่ยงคืนแล้วใครมาเคาะประตูดึกดื่นป่านนี้ อาเหล่ยก็เข้าห้องไปนานแล้ว ป่านนี้คงหลับแล้วกระมัง”หญิงสาวยืนรำพึงเบาๆ พลางครุ่นคิดตาม ร่างระหงเดินตรงไปที่หน้าประตูก่อนจะมองผ่านตาแมวเพื่อดูคนที่มาเยือนอยู่หน้าห้อง
นอกห้องในขณะนี้ปรากฏหญิงสาวใส่ชุดพนักงานของโรงแรม กำลังยืนถือน้ำส้มพร้อมถาดผลไม้ที่จัดวางมาอย่างดีอยู่ตรงหน้าห้อง รอคอยให้เธอเปิดประตูรับ
“ใครสั่ง!ฉันไม่ได้สั่งของกินดึกดื่นป่านนี้นี่หว่า ทำไมจู่ๆ ถึงมีมาส่งได้นะหรือว่าเขาจะส่งผิดห้อง”หญิงสาวยืนรำพึงก่อนจะปลดล๊อกประตูห้องพร้อมเปิดกว้างออกมาเล็กน้อย
“ของว่างจากทางโรงแรม สำหรับแขกวีไอพีค่ะ”พนักงานสาวคนดังกล่าวเอ่ยออกมาทันทีที่ประตูถูกเปิดออก
ใบหน้าสวยคมซึ้งพยักหน้าขึ้นลงเป็นเชิงรับรู้พลางเหลือบสายตามองไปที่ถาดของว่างที่อยู่ในมือของพนักงานสาวคนดังกล่าว
“ขอบใจมากนะสำหรับบริการของโรงแรม แต่ฉันไม่ทานของว่างตอนดึกแบบนี้ รบกวนช่วยเอาไปเก็บก็แล้วกัน”เธอตอบกลับไปเสียงราบเรียบ ในขณะที่อีกฝ่ายมีอาการหน้าเสียออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“เออ...คุณผู้หญิงได้โปรดรับไว้ด้วยเถอะค่ะ ถ้าหากดิฉันต้องถือกลับไปทั้งแบบนี้ทางฝ่ายแผนกบริการลูกค้าวีไอพีจะต้องมีการบันทึกว่าดิฉันทำหน้าที่บกพร่องบริการไม่ดี เป็นผลต่อการทำงานและการจ้างงานของดิฉันมากๆ เลยค่ะคุณผู้หญิง”พนักงานสาวคนดังกล่าวอ้อนวอน
และนั่นทำให้ไป๋หลันฮวาต้องถอนหายใจออกมาครั้นได้ยินเช่นนั้น
“ที่นี่มีกฎเกณฑ์กับพนักงานแบบนี้เลยเหรอ โหดชะมัด”หญิงสาวกล่าวพร้อมเอื้อมมือหมายจะรับถาดของว่างจากพนักงานสาวคนดังกล่าว
“คุณผู้หญิงไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะนำไปวางไว้ในห้องด้วยตัวเองหากให้ลูกค้ารับไว้เองเดี๋ยวดิฉันจะโดนตำหนิจากหัวหน้างานเอาได้ค่ะ”
“อีกแล้วเหรอ...มันจะมากไปมั้งอะไรจะขนาดนั้น โรงแรมนี้ดูหรูเสียเปล่าแต่โหดกับลูกจ้างเกินไปนะ”หญิงสาวบ่นออกมา ก่อนจะเปิดประตูกว้างพร้อมเดินนำหน้าเข้ามาภายในห้องโดยมีพนักงานสาวของโรงแรมเดินตามหลังมาติดๆ
ทันทีที่พนักงานคนดังกล่าวก้าวเข้ามาภายในห้องพักส่วนตัวของลูกสาวอดีตเจ้าพ่อผู้ล่วงลับเป็นผลสำเร็จ ปลายเท้าก็เริ่มทำงานทันใด
ปัง!!!! เท้าถีบประตูให้ปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว พร้อมถาดของว่างถูกเหวี่ยงออกจากมือ
โครม!!! ถาดของว่างที่อยู่ในมือเมื่อครู่ถูกเหวี่ยงไปโดยไร้ทิศทาง ก่อนจะรีบตรงดิ่งไปที่กระถางต้นไม้ยกลำต้นขึ้นเพื่อดึงปืนเก็บเสียงออกมาจากใต้กระถางดังกล่าว เป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างระหงของไป๋หลันฮวาหันกลับมาทันที
หญิงสาวหยุดชะงักเล็กน้อยครั้นเห็นเช่นนั้นกิริยาแปรเปลี่ยนไปทันที
“อ้าว! ลงมือแล้วเหรอ”หญิงสาวกล่าวพร้อมแสยะยิ้มเหยียดราวกับล่วงรู้มาก่อนแล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นกับเธอ
ในขณะพนักงานสาวของโรงแรมหรือแท้ที่จริงคือ ลูกน้องสาวคนสนิทของไป๋เริ่นเจินเธอถูกส่งมาเพื่อกำจัดน้องสาวนอกไส้โดยเฉพาะเพื่อมิให้ปรากฏตัวในงานศพของไป๋โหย่งอี้นั่นเอง
“รู้ตัวแล้วก็ดีจะได้ไม่ต้องเสียเวลาพูดให้มันมากความ”นักฆ่าสาวคนดังกล่าวพูดพร้อมยกปืนเก็บเสียงเล็งมาที่ร่างของเหยื่อซึ่งถูกหมายหัวต้องปลิดชีพให้ดับดิ้นในค่ำคืนนี้ให้ได้
“อย่า!อย่า!อย่านะ...ฉันกลัวตายจะแย่อยู่แล้ว นี่ใจคอเริ่นเจินจะไม่ยอมให้น้องสาวของตัวเองไปเคารพศพของพ่อบ้างเลยเหรอ เจ้านายของเธอใจดำมากไปหน่อยนะ”หญิงสาวพูดจากวนประสาทยียวนอีกฝ่าย
“ในเมื่อรู้แล้วยังจะถามอีกทำไม! เมื่อไม่มีแกตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ของแก๊งสามพยัคฆ์ก็จะต้องตกเป็นของเริ่นเจิน ไม่ต้องเสียเวลาโหวตจากสมาชิกของแก๊ง ฆ่าคนเดียวตัดปัญหาได้ทั้งหมด”นักฆ่าสาวคนดังกล่าวตอบกลับมา
และคำตอบนั้นทำให้ไป๋หลันฮวาพอจะล่วงรู้แล้วว่า ผู้หญิงตรงหน้าจะต้องมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพี่ชายกำมะลอของเธออย่างแน่นอน
“เธอเป็นเมียเริ่นเจินใช่ไหม มิน่าถึงได้ออกตัวแรง อุตสาห์ทำผลงานอาสากำจัดฉันให้พ้นทางเพื่อให้ได้ครอบครองตำแหน่งหัวใหญ่แทนพ่อ แต่คิดบ้างหรือเปล่าว่าคนที่จะต้องถูกกำจัดเป็นรายต่อไปนั้นก็คือตัวเธอเพราะรู้ความลับของมันมากเกินไป”หญิงสาวกล่าวพร้อมเดินย่างสามขุมเข้าไปหาอย่างไม่กลัวเกรง
และคำพูดของไป๋หลันฮวาทำให้แม่นักฆ่าสาวเริ่มลังเลขึ้นมาอยู่ชั่วขณะ
“ไม่มีทาง!แกไม่ต้องมาพยายามโน้มน้าวเฉไฉเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นกับฉันหรอกนะนางเด็กเมื่อวานซืน เริ่นเจินรักฉันและสัญญาว่าเราจะแต่งงานกันหลังจากได้ขึ้นนั่งตำแหน่งหัวหน้าแก๊งสามพยัคฆ์แล้ว และแกมันคือตัวปัญหาที่ขวางทางทุกอย่าง!!”แม่นักฆ่าตวาดเสียงดังก้องราวกับโกรธแค้นมาจากไหนก็ว่าได้
“เอ้า! มันไม่ใช่ความผิดของฉันเลยนะ มากล่าวโทษกันง่ายๆ แบบนี้ได้อย่างไงละจ๊ะเจ๊”หญิงสาวถามกลับไป
“โทษแกนั่นแหละจะไปโทษใคร! นายใหญ่ยกตำแหน่งหัวหน้าแก๊งให้แกสืบทอดพร้อมทรัพย์สมบัติทั้งหมด ในขณะที่เริ่นเจินของฉันและคุณนายรองได้เงินแค่คนละหนึ่งล้านเท่านั้น ตราบใดที่แกยังมีชีวิตอยู่เริ่นเจินก็ไม่ได้ครอบครองทุกอย่างของสกุลไป๋และไม่ได้เป็นหัวหน้าใหญ่สามพยัคฆ์ก็เพราะแก..เพราะแก!!!”แม่นักฆ่าตะโกนย้ำเสียงดังขรม
“คิดโง่ๆ แบบนั้นจริงเหรอเจ๊ สมองคิดได้แค่นี้จริงอะ”หญิงสาวถามกลับไปอีกครา
“เออ!และถูกต้องแล้วด้วย!”เสียงอีกฝ่ายตวาดกลับมาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากำลังมีโทสะ
“ว้าว! เจ๊แม่งโง่จริงวะให้ไอ้เริ่นเจินจูงจมูกโคตรง่ายเลย ถ้าคิดว่าจะฆ่ากันได้ง่ายๆ ก็เข้ามา!!!”หญิงสาวพูดพร้อมกระดิกนิ้วเรียวเชื้อเชิญให้นักฆ่าเข้ามาหาเธอ พลางกางแขนออกกว้างยืนยืดอกเป็นเป้านิ่งให้ยิงซะงั้น
“เชิญเล็งเป้าได้เลย เลือกให้ดีนะเพราะถ้ายิงแล้วฉันไม่ตายทันทีละก็ คนที่จะต้องตายกลับกลายเป็นเจ๊นะรู้ตัวหรือเปล่า”ไป๋หลันฮวาพูดพร้อมขยิบตาส่งกลับไปให้อีกฝ่าย
“แกท้าทายฉันเหรอ!”แม่นักฆ่าตวาดกลับไปพลางยกปืนเก็บเสียงเล็งไปที่ตำแหน่งกลางหน้าผากของหญิงสาว ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังยืนจ้องเขม็งตาไม่กะพริบ
“พูดจริง!”เธอตอบกลับไปสั้นๆ พร้อมจับจ้องอยู่แต่ร่างของนักฆ่าที่กำลังเล็งปืนมาหยุดอยู่ตรงหน้าผากของเธอ
“ดี!ปากกล้าแบบนี้ตายตามพ่อแกไปเป็นผีในนรกเสียเถอะ!”สิ้นถ้อยประโยคนิ้วที่สอดอยู่บริเวณไกปืนกดลงทันที
หมับ!!! หากแต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายนั้นก็คือ ร่างระหงตรงหน้าของไป๋หลันฮวากลับก้าวถึงตัวนักฆ่าเพียงชั่วพริบตา ราวกับว่าเธอนั้นล่องหนหายตัวได้ พร้อมใช้มือจับปากกระบอกปืนหันไปทางฝั่งที่เป็นกระจกทั้งแถบสามารถเห็นทิวทัศน์ด้านนอกได้ พร้อมใช้นิ้วเหนี่ยวไกปืนออกไปทันที
ปรุ!ปรุ!ปรุ!ปรุ ลูกปืนพุ่งออกจากปากกระบอกปะทะกับแผ่นกระจกของห้องจนพรุนเกิดเป็นรอยร้าวปริแตกอย่างเห็นได้ชัด ไป๋หลันฮวาตั้งใจกดกระสุนให้หมดแม๊กท่ามกลางอาการตกตะลึงของนักฆ่าที่ถูกส่งมายังคงอยู่ในอาการชะงักงันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าในขณะนี้
“กะ....แกเป็นผีหรือไงจะ..จู่ๆ ก็มาโผล่แบบนี้!”นักฆ่าถามกลับไปเสียงสั่น
หญิงสาวแสยะยิ้มเหยียดครั้นได้ยินคำถามเช่นนั้น
“เป็นคน! เคยบอกแล้วไงว่าเล็งให้ดีเพราะถ้ายิงฉันไม่ตาย คนที่ตายก็คือเธอ!”ไป๋หลันฮวากระซิบเบาๆ อยู่แนบชิดริมหูพร้อมส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่าย ก่อนจะแปรเปลี่ยนรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียมเข้ามาแทนที่
พรึ่บ! ปืนเก็บเสียงถูกหญิงสาวจับพลิกมือของนักฆ่าให้หันกระบอกปืนเข้าหาตัวเองพร้อมเหนี่ยวไกตามมาติดๆ
ปรุ!ปรุ!ปรุ! กระสุนปืนพุ่งตรงฝังร่างของนักฆ่าสาวในระยะเผาขน
ตุบ! ร่างนักฆ่าสาวทรุดลงไปนอนกับพื้นขาดใจตายทันทีด้วยถูกกระสุนตรงราวนมซ้ายพุ่งตัดเข้าที่ขั้วหัวใจ
“เฮ้อ! ตายซะแล้วยังไม่ได้ออกแรงอะไรเลย”ไป๋หลันฮวาบ่นพึมพำ
“เริ่นเจินเอ๋ยเริ่นเจินนายมีลูกน้องฝีมือกระจอกๆ แค่นี้เองนะเหรอ นึกว่าจะหานักฆ่ามือหนึ่งที่ไหนส่งมา แต่ดันได้พวกคลั่งรักยอมหน้าโง่ทำทุกอย่างเพื่อผู้ชายห่วยๆ คนหนึ่ง ไปเกิดใหม่ดีๆ นะเจ๊!”ประโยคสุดท้ายหญิงสาวยืนอวยพรให้กับร่างไร้วิญญาณที่เพิ่งถูกเธอฆ่าเมื่อครู่
ทันใดนั้นเอง