ยุคอดีต
ทะเลทรายพระจันทร์เสี้ยว
ผืนทรายกว้างใหญ่ไพศาลกินพื้นที่มิอาจคาดคะเนได้ว่าจะสุดแผ่นดินเม็ดทรายสีทองนี้สิ้นสุดลงอยู่ ณ ที่ใด กองทัพขนาดใหญ่ซึ่งมีชีวิตของทหารล้วนแล้วแต่เป็นชายฉกรรจ์กว่าห้าหมื่นนาย ตั้งค่ายอยู่บนเนินทรายที่มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่หรือคนทั่วไปในเขตรอยต่อสามแคว้นต่างพากันเรียกว่า ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว
ทะเลสาบดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตแดนของพื้นที่ซีโจว ซึ่งมีเชื้อสายจากราชวงศ์โจวปกครองดินแดนอยู่ในขณะนั้นสืบต่อมาภายหลังจากที่ราชวงศ์ซางล่มสลายเมื่อถูกราชวงศ์โจวขึ้นปกครองแทน
บริเวณดังกล่าวเป็นโอเอซิสที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติกลางทะเลทราย ที่คนทั่วไปใช้เป็นที่พักแรมก่อนจะเดินทางซึ่งนับต่อจากนี้ไปเบื้องหน้า มองไปแห่งหนใดจะมีเพียงผืนทรายปกคลุมไปทั่วปฐพี
เสียงฝีเท้าม้าวิ่งมาตามเนินทรายที่ทอดยาวไกลสุดลูกหูลูกตา เบื้องหน้าท่ามกลางเนินทรายอันเวิ้งว้างปรากฏค่ายทหารขนาดใหญ่ มีชีวิตทหารผู้กล้าประมาณห้าหมื่นนายจากแคว้นซางตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว ทั่วบริเวณมีทหารรักษาการณ์ยืนเรียงรายเป็นทิวแถว ประหนึ่งว่ากำลังอารักขาบุคคลสำคัญเป็นยิ่งนักที่พำนักอยู่ในค่ายทหารดังกล่าว
ภายในกระโจมใหญ่ซึ่งเป็นที่พำนักของแม่ทัพไร้พ่าย สมญานามอันเลื่องลือไปทั่วทุกแคว้น ในขณะนั้นไม่มีใครจะไม่รู้จักถึงความเก่งกาจ หาญกล้าของแม่ทัพผู้นี้ หรือตัวตนอันที่แท้จริงนั้นก็คือองค์ชายโจวโยว่เฉิงจากราชวงศ์โจวตะวันตกหรือซีโจว
เชื้อพระวงศ์องค์สุดท้ายที่ยังมีพระชนม์ชีพเหลืออยู่ก่อนจะถูกสตรีแพศยาซึ่งอดีตคืออู๋ฟูเหรินและชู้รักไค๋หยวนฮ่องเต้ซึ่งเป็นพระอนุชาแท้ๆ ของไท่เจิ้งอดีตฮ่องเต้ซึ่งเป็นพระราชบิดาของพระองค์ทำการก่อกบฏ
ทั้งสองวางแผนลอบปลงพระชนม์อดีตฮ่องเต้และฮองเฮารวมไปถึงเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ในงานเลี้ยงเฉลิมฉลองที่ถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ. เมืองหลวงเฮ่าจิง ก่อนจะใช้กำลังทหารที่ซ่องสุ่มเอาไว้บุกเข้ายึดพระราชวังหลวงจนตกอยู่ในกำมือของหญิงโฉดชายชั่วทั้งสองเป็นผลสำเร็จ
เหลือเพียงองค์ชายน้อยโจวโยว่เฉิง ซึ่งในขณะนั้นทรงมีพระชนม์มายุเพียง 1 ชันษาเท่านั้นที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ด้วยเพราะก่อนจะเกิดเหตุการณ์ก่อกบฏนั้น
พระองค์ถูกไท่เจิ้งฮ่องเต้พระบิดา ทรงมีพระบัญชาให้นำพระโอรสน้อยออกจากเมืองหลวงเดินทางไปยังเทือกเขาหลิวไถ่เพื่อรักษาพระอาการประชวรตั้งแต่แรกประสูติ ด้วยเพราะพระองค์ทรงประชวรเป็นโรคประหลาด มิอาจหาสาเหตุได้
อาการประหลาดที่เกิดขึ้นนั้นก็คือ จะทรงบรรทมไปเสียดื้อๆ ไม่ว่าในขณะนั้นจะกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม หากพระอาการเกิดในขณะที่กำลังเสวยพระกระยาหารก็จะบรรทมทันที ไม่เลือกเวลาและเลือกสถานที่ ตรงกันข้ามกับเวลาที่ตื่นจากบรรทม พระองค์จะทรงตื่นขึ้นมาโดยพลันครั้นเมื่อครบกำหนดสิบวันและจะเป็นเช่นนี้ทุกครา
ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้องค์ชายโจวโยว่เฉิง ผู้ซึ่งสืบสายพระโลหิตแท้ๆ ของอดีตฮ่องเต้และอดีตฮองเฮาพระองค์ก่อนและยังเป็นรัชทายาทที่ต้องได้ขึ้นปกครองราชวงศ์โจวสืบต่อไป จึงรอดตายจากเหตุการณ์ก่อกบฏในครั้งนั้น
แต่ถึงกระนั้นก็ยัง ถูกตามล่าหมายพระชนม์ชีพตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาจวบจนกระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านไปนานกว่า 23 ปีเท่ากับพระชนมายุปัจจุบันของรัชทายาทไร้บัลลังก์โจวโยว่เฉิง
จากองค์ชายน้อยประชวรด้วยโรคประหลาดในครั้งอดีต เจริญพระชันษากลายเป็นองค์ชายหนุ่มรูปงาม พระพักตร์หล่อเหลาหวานคมซึ้ง รับกับพระฉวีสีเข้ม ด้วยเพราะทรงกรำศึกสงครามในฐานะแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นซาง และสาเหตุที่พระองค์สามารถมีพระชนม์ชีพมาจนถึงทุกวันนี้ได้
ด้วยเพราะทรงเข้าสวมรอยบุตรชายเพียงคนเดียวของขุนศึกตระกูลเยว่ จากแคว้นซางนามว่าเยว่เหวินเทียน คุณชายน้อยจากตระกูลเยว่มีอาการป่วยจนทรุดหนักต้องเดินทางขึ้นเทือกเขาหลิวไถ่เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยดังกล่าว
หากแต่กลับไปไม่ถึงจุดหมายด้วยระหว่างทางถูกโจรป่าดักปล้นกลางทางเสียก่อน ทุกชีวิตถูกสังหารจนมิเหลือรอดแม้แต่เพียงผู้เดียวไม่เว้นแม้กระทั่งบ่าวไพร่ผู้ติดตาม ทุกคนถูกสังหารเสียชีวิตทั้งนายและบ่าวรวมไปถึงฮูหยินใหญ่ของตระกูลเยว่ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับบุตรชายเพียงคนเดียวของนางก็จบชีวิตลงไปพร้อมกัน
ในขณะที่องค์ชายน้อยซึ่งอยู่ในระหว่างการเดินทางมายังเทือกเขาหลิวไถ่เช่นเดียวกัน และองครักษ์คนสนิทของไท่เจิ้งฮ่องเต้ติดตามมาทันตามพระบัญชาสั่งเสียสุดท้ายให้เฝ้าคอยอารักขารัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวให้ทรงมีพระชนม์ชีพสืบต่อไปให้ได้
ราชองค์รักษ์คนดังกล่าวนามว่าเหอผิง ได้เข้าช่วยเหลือคนจากสกุลเยว่จากโจรป่าที่รุมทึ้งเอาทรัพย์สินหลังจากสังหารเจ้าทรัพย์ตายจนหมด แต่ถึงกระนั้นก็มิอาจรักษาชีวิตของผู้ใดเอาไว้ได้แม้แต่ผู้เดียว
ซึ่งก่อนที่ฮูหยินใหญ่จากตระกูลเยว่จะสิ้นลมหายใจนางได้ฝากฝังบุตรชายเพียงคนเดียวของนางพร้อมป้ายหยกประจำตัวของเด็กน้อยเอาไว้ให้กับองครักษ์คนดังกล่าวเพื่อนำบุตรชายไปรักษาตัวและกลับคืนสู่ตระกูลต่อไป
ทว่าคำสั่งเสียของนางที่อุตสาห์ฝากฝังบุตรชายเพียงคนเดียวเอาไว้กลับไม่เป็นดั่งที่นางหวังเอาไว้ ด้วยเด็กน้อยสิ้นลมหายใจเพราะถูกคมดาบของโจรป่าไปเสียแล้ว และนั่นทำให้องครักษ์เหอผิงสามารถหาวิธีซ่อนเร้นรัชทายาทของอดีตฮ่องเต้ได้ประจวบเหมาะ องค์ชายโจวโยว่เฉิงจึงได้เข้าสวมรอยเป็นคุณชายน้อยเยว่เหวินเทียนจากตระกูลเยว่ นับตั้งแต่บัดนั้น
อีกทั้งองค์ชายน้อยโจวโยว่เฉิง ประสูติในเดือนเดียวกันและปีเดียวกันกับคุณชายน้อยเยว่เหวินเทียน เพียงแต่องค์ชายน้อยอ่อนกว่าเพียงสิบห้าวันเท่านั้น ซึ่งช่างบังเอิญเสียนี่กระไรที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน จึงทำให้เข้าสวมรอยเป็นคุณชายน้อยเยว่เหวินเทียนได้อย่างแนบเนียน
และนั่นจึงเป็นสาเหตุทำให้องค์ชายโจวโยว่เฉิง รัชทายาทที่แท้จริงของราชวงศ์โจวตะวันตกในขณะนั้นจึงยังมีพระชนม์ชีพอยู่สืบต่อมาได้จนถึงทุกวันนี้ พระองค์กลับกลายมาใช้ชีวิตเป็นเยว่เหวินเทียนบุตรชายคนสุดท้องของเยว่เหวินฉิงกับเฉินฮูหยิน อดีตฮูหยินใหญ่ผู้ล่วงลับ
พระองค์อยู่ในคราบของคุณชายตระกูลเยว่ ประทับอยู่เทือกเขาหลิวไถ่รักษาพระอาการประชวรประหลาดนานติดต่อกันถึงสิบปีเลยทีเดียว การใช้ชีวิตบนเทือกเขาดังกล่าวทำให้องค์ชายน้อยทรงเรียนรู้วิถีชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิมราวฟ้ากับดิน และเรียนรู้วิทยายุทธ์พร้อมฝึกฝนฝีมือให้กล้าแข็งกับบรรดาจอมยุทธ์ที่ขึ้นเทือกเขามาเพื่อให้เจ้าสำนักหมอยาและยังเป็นแหล่งรวบรวมสมุนไพรหมื่นพิษ ซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่บนเทือกเขาหลิวไถ่ทั้งหมด
จนทำให้องค์ชายโจวโยว่เฉิงรอบรู้และปราดเปรื่องทั้งการใช้พิษและรักษา รวมไปถึงมีฝีมือเยี่ยมยุทธ์จนยากที่จะหาผู้ใดเปรียบเทียบฝีพระหัตถ์ได้ ทั้งนี้ทรงทุ่มเทพระวรกายและพระทัยจนหายจากอาการประชวรจากโรคประหลาดหลังจากใช้เวลารักษาถึงสิบปีเต็มจึงหายเป็นปลิดทิ้ง เพื่อวางแผนกลับเข้ามาในราชสำนักกอบกู้บัลลังก์ของพระองค์กลับคืนจากไค๋หยวนฮ่องเต้ เสด็จอาผู้โฉดชั่วของพระองค์
ภายหลังจากที่ไค๋หยวนฮ่องเต้ได้ขึ้นปกครองราชวงศ์โจวเป็นผลสำเร็จ จึงได้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งพระโอรสลับ ซึ่งมีพระนามเล่นแรกประสูติว่าซุนซุนที่ประสูติจากอู๋ฟูเหรินภายหลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นฮองเฮา ถูกนำไปฝากเลี้ยงไว้กับเจ้าผู้ครองแคว้นซางพระนามว่าจีหยวนในฐานะพระโอรสบุญธรรม
ฮ่องเต้ไค๋หยวนต้องการให้พระโอรสลับกลับคืนสู่ชนชั้นเชื้อพระวงศ์โจว ซึ่งเป็นผู้ปกครองทุกแคว้นทั้งหมดในเวลานั้นตามเดิม
โดยอ้างว่าเป็นพระโอรสที่ประสูติจากอู๋ฟูเหรินกับไค๋หยวนฮ่องเต้ ก่อนที่นางจะถูกนำตัวเข้าวังเพื่อมาถวายตัวเป็นพระสนมของไท่เจิ้งอดีตฮ่องเต้ผู้ล่วงลับ
หากแต่พระองค์กลับไม่นำพระโอรสกลับคืนสู่ซีโจวยังคงให้ประทับอยู่ที่แคว้นซางตามเดิมและไม่เคยเสด็จมาเยี่ยมแม้แต่ครั้งเดียวจะด้วยเหตุผลกลใดนั้นเรื่องนี้ก็มิอาจล่วงรู้ได้
จวบจนกระทั่งพระสนมเอกของไค๋หยวนฮ่องเต้ ได้ประสูติพระราชโอรสให้แก่พระองค์ ครั้นพระโอรสต่างเจริญวัยครบ 20 ปีบริบูรณ์จึงมีพระประสงค์จะแต่งตั้งรัชทายาทครอบครองบัลลังก์แห่งซีโจวต่อไป และนั่นทำให้อู๋ฮองเฮามิอาจวางเฉยได้ ด้วยเพราะพระโอรสลับของพระนางยังคงประทับอยู่ที่แคว้นซาง
ในขณะที่พระโอรสของนางสนมประทับอยู่ในวังหลวงและมีแนวโน้มว่าจะได้ขึ้นเป็นฮองเต้แห่งซีโจวในอนาคตสืบต่อไป ด้วยเพราะไม่มีข้อครหาให้เหล่าขุนนางทั้งหลายได้ทำการท้วงติงเฉกเช่นพระโอรสลับของพระนาง ซึ่งทำการเล่นชู้กับไค๋หยวนฮ่องเต้เมื่อครั้งยังเป็นเพียงนางสนมชั้นเอกเท่านั้น
อู๋ฮองเฮาจึงมีพระบัญชาให้ติดตามพระโอรสลับของพระนางที่ฝากเลี้ยงอยู่ที่แคว้นซางให้กลับคืนสู่วังหลวงเพื่อครอบครองตำแหน่งรัชทายาทแห่งซีโจว
ทว่าแลดูราวกับว่าพระโอรสลับผู้นั้นจะมิสามารถหวนกลับคืนสู่ราชวงศ์ดั่งตามพระประสงค์ของอู๋ฮองเฮาได้อย่างราบรื่น ด้วยเพราะพระสนมเอกพระนามว่าฮั่วซีได้ส่งนักฆ่ามาลอบปลงพระชนม์พระโอรสลับของอู๋ฮองเฮาถึงแคว้นซาง
แต่ปรากฏว่าผิดแผน เพราะเจ้าผู้ครองแคว้นซางมิได้ชุบเลี้ยงพระโอรสลับให้แก่ไค๋หยวนฮ่องเต้ภายในพระราชวังหลวงของต้าซางแต่กลับส่งไปประทับที่อื่นนอกเขตพระราชวัง ซึ่งไม่มีผู้ใดล่วงรู้นอกจากเจ้าผู้ครองแคว้นจีหยวน
และอีกผู้หนึ่งที่ล่วงรู้ล่วงนี้นั่นก็คือองค์ชายโจวโยว่เฉิงในคราบของแม่ทัพเยว่เหวินเทียนนั่นเอง ซึ่งได้กลายเป็นแม่ทัพคุมกองทหารทั้งหมดให้กับแคว้นซาง มีผลงานจากการทำศึกบุกประชิดตีแคว้นน้อยใหญ่มากมายจนทำให้แคว้นซางแผ่ขยายอำนาจไปทั่วแดนดิน
องค์ชายรูปงามก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของแคว้นด้วยพระชนมายุเพียง 17 พระชันษาเท่านั้น จนเหล่าแคว้นน้อยใหญ่ต่างขนานนามให้แก่พระองค์ว่าทรงเป็นแม่ทัพไร้พ่าย ออกรบคราใดไม่มีคำว่าพ่ายแพ้เลยสักครา
“รายงาน! รายงานข่าวด่วนจากราชสำนัก”เสียงร้องตะโกนเอ็ดอึงของผู้มาเยือนพร้อมกระโดดลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ววิ่งตรงดิ่งไปยังหน้าประตูค่าย พร้อมชูตราประจำตัวของตนทันที
“ข้าเนี่ยนเจินขอเข้าพบท่านแม่ทัพเป็นการด่วน!”ผู้มาเยือนบ่งบอกถึงเจตจำนงของตน ในขณะที่ทหารรักษาการณ์หน้าประตูมองตราที่อยู่ในมือเพียงครู่
“ตราจากวังหลวง!เปิดประตู!เปิดประตูค่าย!!”กล่าวพลางรีบเปิดทางให้ทันทีพร้อมร่างสันทัดรีบวิ่งเข้าไปในค่ายทหารอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันภายในกระโจมที่พัก พระวรกายงามสง่านั่งอยู่บนตั่งที่ประทับทอดพระเนตรรายงานข่าวสารจากทั่วทุกเขตชายแดนให้พระองค์ล่วงรู้ความเคลื่อนไหวของแคว้นเพื่อนบ้านใกล้เคียงที่อยู่ติดกับแคว้นซางของพระองค์
ซึ่งทางทิศเหนือติดกับแคว้นเฉิน ทิศตะวันออกติดกับแคว้นหยาง ทิศตะวันตกติดกับแคว้นเกา ทิศใต้ติดกับแคว้นไค่ ก่อนจะเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรเมื่อร่างสันทัดก้าวเข้ามาภายในกระโจมดังกล่าว
ใบหน้าคมคายของผู้มาเยือนหันกลับไปสำรวจรอบกระโจมก่อนจะได้ยินแม่ทัพผู้กล้าเอ่ยขึ้น
“ข้าอยู่เพียงลำพัง เจ้ามิต้องกังวลมีเหตุสิ่งใดเกิดขึ้นกระนั้นรึ จึงมาหาข้าถึงเขตชายแดนแห่งนี้”แม่ทัพไร้พ่ายถามอีกฝ่ายกลับไป
“ข้ามีข่าวด่วนส่งตรงมาจากทางวังหลวง!”เนี่ยนเจินรายงานทันทีที่มาถึง
“ข่าวด่วนจากวังหลวงคงไม่พ้นงานพระราชทานพิธีอภิเษกสมรสบรรดาองค์หญิงของเจ้าผู้ครองแคว้นอีกแล้วละสิ แล้วนี่องค์หญิงยี่สิบกว่าพระองค์ อภิเษกไปจนครบหมดแล้วกระมัง ข้าได้ยินข่าวด่วนของเจ้าปีหนึ่งแบบนี้หลายรอบแล้วนะเนี่ยนเจิน”แม่ทัพใหญ่บ่นพึมพำพลางส่ายหน้าไปมาด้วยความระอาเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น
“คราวนี้ด่วนของแท้และของจริงเลยนะ เพราะครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าโดยตรงเลยเชียวละ ข่าวที่ข้ากำลังนำมาบอกเจ้ามิได้มาจากวังหลวงต้าซางแต่มาจากซีโจวต่างหากเล่า”เนี่ยนเจินพระสหายสนิทที่คบหากันตั้งแต่เยาว์วัยบอกกลับไป
และนั่นทำให้พระขนงเข้มขมวดเข้าหากันทันใดครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น
“เกี่ยวกับข้าโดยตรงอย่างนั้นเหรอ! มันเรื่องอะไรกัน”รับสั่งถามกลับไปทันทีก่อนจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบสวนกลับมาอย่างรวดเร็ว
“อู๋ฮองเฮามีพระบัญชาให้พระโอรสลับจินเฟิ่งเสด็จกลับคืนสู่ราชสำนักซีโจวแล้ว!”
และนั่นทำให้วงองค์ใหญ่ชะงักงันไปชั่วขณะทันทีเมื่อทรงได้ยินรายงานข่าวเช่นนั้น พร้อมเสียงพระสหายคนสนิทรีบรายงานข่าวที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่องออกมาไม่หยุดเลยทีเดียว
“นอกจากนี้ข่าวยังมีเล็ดรอดออกมาอีกว่า พระสนมเอกฮั่วซีส่งนักฆ่าหมายลอบปลงพระชนม์พระโอรสลับของอู๋ฮองเฮาเพราะไค๋หยวนฮ่องเต้ทรงหมายพระทัยจะแต่งตั้งพระโอรสลับซึ่งประสูติจากอู๋ฮองเฮากับพระองค์แต่ถูกซุกซ่อนเอาไว้อย่างเป็นความลับตอนยังไม่ก่อกบฏให้ขึ้นเป็นรัชทายาทสืบบัลลังก์ต่อไป!”
“เช่นนั้นรึ!”รับสั่งออกมาเพียงสั้นๆ พร้อมลุกออกจากตั่งที่ประทับ
“นี่ก็หมายความว่า หญิงชั่วผู้นั้นเรียกลูกที่ไม่ต้องการของตนกลับคืนวังหลวงเพื่อสู้ศึกชิงตำแหน่งรัชทายาทกระนั้นสิ ในที่สุดราชสำนักซีโจวกำลังจะเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้นให้เสียแล้ว”รับสั่งกับพระสหาย
“แหม...ไม่น่าถามเลยว่าจะนองเลือดมากแค่ไหน ข้ามองข้ามไปเลยว่าไม่ใช่เฉพาะราชสำนักที่นองเลือดแต่ลามไปทั่วทิศแน่นอน เพราะพระสนมเอกฮั่วซีต้องการฆ่าองค์ชายจินเฟิ่งให้ได้ ในขณะที่อู๋ฮองเฮาพยายามปกป้องสายเลือดของตัวเองเพื่อให้บัลลังก์ตกอยู่กับลูกของตนเรื่องนี้เดิมพันด้วยตำแหน่งรัชทายาทซีโจว ที่จะต้องสืบทอดบัลลังก์ แล้วนี่เจ้าไม่คิดจะทำอะไรบ้างเลยรึ”เนี่ยนเจินพระสหายสนิทรายงานเป็นชุดๆ
แม่ทัพลือนามทรงหันกลับไปทอดพระเนตรพระสหายซึ่งมียศศักดิ์เป็นถึงองค์ชายรัชทายาทจากแคว้นถังซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับแคว้นฉี และมักถูกบุกโจมตีเพื่อหมายยึดครองดินแดนอยู่หลายครั้งหลายครา ด้วยเป็นแคว้นที่อยู่ติดกับทะเลมีความชำนาญในการล่องเรือในทะเลกว่าแคว้นอื่นๆ
องค์ชายหนุ่มชอบใช้ชีวิตเร่ร่อนพเนจรไปทั่วทุกสารทิศ ก่อนจะถูกพิษร้ายแรงเมื่อมีพระชนมายุ 12 ชันษา และมิสามารถถอนพิษดังกล่าวออกไปจากพระวรกายได้ จึงเดินทางมาที่เทือกเขาหลิวไถ่เพื่อรับการรักษาถอนพิษดังกล่าว
และเทือกเขาหลิวไถ่ ทำให้พระองค์ได้พบกับองค์ชายโจวโย่วเฉิงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา องค์ชายเนี่ยนเจินจึงได้กลายเป็นพระสหายสนิทเติบโตมาพร้อมกับองค์ชายไร้บัลลังก์และล่วงรู้เรื่องราวของพระสหายรักเป็นอย่างดี
หึหึหึหึหึ!!! เสียงพระสรวลคำรามลั่นอยู่ในพระศอของแม่ทัพไร้พ่ายด้วยความขบขัน
“เหตุใดข้าจะไม่คิดเล่า ในเมื่ออู๋ฮองเฮาต้องการพระราชโอรสกลับคืนข้าก็จะสนองให้นางสมหวัง”รับสั่งตอบพระสหายกลับไปพลางแสยะยิ้มเหยียด
“ปัดโธ่เอ้ย! แล้วเจ้าจะจัดการเยี่ยงไรต่อไปเล่า เพราะตอนนี้จินเฟิ่งผู้นั้นซ่อนเร้นตัวตนอยู่แห่งหนใดก็มิรู้ นี่ก็พากันเล่าลือไปทั่วแคว้นแล้วว่าองค์ชายผู้นั้นถูกสังหารไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ แผนที่อุตสาห์วางมานานมิล้มเหลวไม่เป็นท่าอย่างนั้นหรอกรึ!”เนี่ยนเจินกล่าวออกมาจากข้อมูลที่ตนได้ไปสืบรู้มาทั้งหมด
“อีกอย่างนะ คนที่ล่วงรู้ว่าองค์ชายจินเฟิ่งผู้นั้นประทับอยู่ที่ไหนก็มีแต่เจ้าผู้ครองแคว้นต้าซางเท่านั้น แล้วดูตอนนี้สิได้ข่าวว่าพระองค์ประชวรด้วยเพราะโรคชราจนต้องสละราชบัลลังก์ให้แก่รัชทายาทขึ้นครองแคว้นแทนแล้วถ้าเกิดพระองค์สิ้นพระชนม์ลงไป จะล่วงรู้สถานที่ซ่อนเร้นองค์ชายผู้นั้นได้เยี่ยงไร เหตุใดใยเจ้าจึงมิทุกข์ร้อนแม้แต่น้อย”พระสหายสนิทบ่นพึมพำด้วยความกังวล
“แล้วไงรึ! ข้าแลดูมิทุกข์ร้อนดั่งคำกล่าวของเจ้าถึงเพียงนั้นเชียวรึ”
“เอ้า! ก็ดูเจ้าตอนนี้สิแลดูมิกริ่งเกรงหรือกังวล มิทุกข์ร้อนเรื่องของจินเฟิ่งแต่อย่างใด เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วไซร้หากอู๋ฮองเฮาสามารถติดตามพระโอรสของนางพบก่อนพวกเรา ตำแหน่งรัชทายาทแห่งซีโจวซึ่งจะต้องเป็นของพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ก็ต้องเป็นของจินเฟิ่งผู้นั้นอย่างแน่นอน”พระสหายแสดงความคิดเห็นออกไป
ทว่าพระพักตร์หล่อเหลากลับส่ายไปมาครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น
“เจ้าคาดการณ์ผิดถนัดไปเสียแล้วอาเจิน คนอย่างจื่อโหยวไม่มีทางให้ผู้ใดครอบครองตำแหน่งรัชทายาทนี้อย่างแน่นอน และต้องพยายามขัดขวางมิให้จินเฟิ่งได้ขึ้นครองแผ่นดินซีโจวนี้ได้เป็นอันขาด”รับสั่งตอบพระสหายกลับไป
ในขณะที่พระสหายสนิทยืนครุ่นคิดตามไปพร้อมกัน
“นี่เจ้าหมายความว่าจื่อโหยวกำลังวางแผนการณ์บางอย่างเอาไว้ใช่ไหม”
พระพักตร์หล่อเหลาคมคายพยักขึ้นลงติดต่อกัน
“ถูกต้อง! และเชื่อเถอะว่าทันทีที่ไค๋หยวนฮ่องเต้คิดจะแต่งตั้งและเลือกเฟ้นรัชทายาท จื่อโหยวจะต้องสังหารจินเฟิ่งเป็นอันดับแรกและพ่อของตัวเองไปพร้อมกันเพื่อป้องกันมิให้มีการแต่งตั้งผู้ใดขึ้นเป็นรัชทายาท หรือไม่ก็...”รับสั่งเพียงเท่านั้นพลันหยุดลงเสียดื้อๆ
“เอ้า!หยุดทำไมเล่า ข้ากำลังฟังเจ้าอยู่นะ”พระสหายสนิทบ่นพึมพำด้วยความขัดใจ
“หากเป็นเจ้าจะคิดแผนจัดการศัตรูที่ขวางทางการก้าวขึ้นสู่อำนาจนี้ได้เยี่ยงไร”แม่ทัพหนุ่มถามกลับไป
“หากเป็นข้าอย่างนั้นเหรอ..อืมมม”พระสหายสนิทกล่าวพร้อมทำท่าทางครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ
“ถ้าหากเป็นข้าละก็จะจัดการเก็บจินเฟิ่งให้สิ้นซาก เพราะไค๋หยวนมีโอรสเพียงแค่สองพระองค์เท่านั้นคือจินเฟิ่งกับจื่อโหยว เมื่อไร้ศัตรูขวางทาง ตำแหน่งรัชทายาทจะไปไหนเสีย ส่วนจะกำจัดไค๋หยวนพ่อของตัวเองหรือเปล่านั้นก็ขึ้นอยู่กับว่ากระหายอำนาจมากน้อยแค่ไหน”
พระโอษฐ์ยกยิ้มออกมาบางๆ ครั้นทรงได้ยินพระสหายสนิทแสดงความคิดเห็นออกมาเช่นนั้น
“ฉลาด! แต่คนอย่างจื่อโหยวนะหรือจะรั้งรอเชื่อเถอะว่าไค๋หยวนมีชีวิตอยู่ต่อได้ไม่นานหรอก”ถ้อยรับสั่งของพระองค์เช่นนั้นเล่นเอาพระสหายเบิกตากว้างขึ้นมาทันที พร้อมมีรับสั่งตามติดมา
“อีกอย่างตราบใดถ้ายังไม่มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งแล้วไซร้แต่สามารถปลงพระชนม์ไค๋หยวนได้ก่อนเป็นผลสำเร็จ แน่นอนว่าจื่อโหยวในฐานะพระโอรสเพียงพระองค์เดียวแม้ว่าจะประสูติจากพระสนมเอกก็ตาม จะต้องถูกอัญเชิญให้ขึ้นครองแคว้นแทนอย่างแน่นอน คนอยู่ใกล้ตัวย่อมได้เปรียบกว่าคนที่ถูกซุกซ่อนมิได้รับการเปิดเผยตัวตนมาตั้งแต่แรกกำเนิด”รับสั่งอธิบายกลับไป
“หา!ใจคอจื่อโหยวจะฆ่าพ่อตัวเองได้ลงคอจริงๆ รึ! โอโห่ช่างเหี้ยมโหดเสียนี่กระไร”เนี่ยนเจินบ่นพึมพำ
“เชื่อเถอะว่าไม่ผิดไปจากที่คาดการณ์เอาไว้ และคิดว่าข่าวที่เจ้าได้ยินมาล้วนเป็นข่าวลวงทั้งสิ้น”แม่ทัพหนุ่มรับสั่งอย่างมั่นพระทัย
และนั่นทำให้พระสหายสนิทขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันทันใด
“เหตุใดจึงมั่นใจว่าข่าวที่ข้าสืบรู้มาเป็นกลลวง”พระสหายสนิทถามกลับไปทันทีด้วยความสงสัย
“เพราะเหตุใดกระนั้นรึ! ก็....”แม่ทัพหนุ่มรูปงามรับสั่งได้เพียงเท่านั้น พระองค์มีอันต้องหยุดชะงักไปโดยพลันครั้นทรงทอดพระเนตรเหตุการณ์บางอย่างกำลังเกิดขึ้นตรงพระพักตร์อย่างไม่คาดฝัน